"ญี่ปุ่น" นับเป็นอีกหนึ่งประเทศหมุดหมายที่คนไทยนิยมไปเที่ยวกันมากสุดๆ ด้วยเพราะเดินทางไปได้สะดวก ชั่วโมงบินต่ำกว่า (เมื่อเทียบกับฟากยุโรป) มีโปรฯ ราคาตั๋วอยู่บ่อยครั้งและที่เราทราบกันดีว่าญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวสุดๆ ทั้งในแง่ของการเดินทาง อาหารและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีให้เลือกหลายภูมิภาคสุดๆ หลังจากจบทริปอันแสนสนุกมาแล้ววันนี้เราเลยขอรวม 20 เรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นมาฝากเพื่อนๆ กัน จะมีเรื่องไหนบ้างนั้นมาดูกันเลยค่ะ 1.กรอก Visit Japan Web ก่อนการเดินทาง https://travel.trueid.net/detail/yvQK7BzxBngX เป็นธรรมดาของการเดินทางเข้าประเทศต่างๆ ที่เราจะต้องกรอกเอกสาร ตม. และศุลกากร สำหรับประเทศญี่ปุ่นเขามีวิธีที่ง่ายยิ่งกว่าด้วยการกรอกเอกสารเหล่านั้นผ่านช่องทาง online ล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ https://www.vjw.digital.go.jp/ รายละเอียดการกรอกก็ไม่ยาก เมื่อกรอกเสร็จให้เอา Qr code ไปสแกนที่เคาน์เตอร์ ตม. และเคาน์เตอร์ศุลกากรได้เลย ประหยัดเวลาสุดๆ 2.บัตร Travel Card คืออีกหนึ่งไอเทมที่ควรมีติดตัว หากพูดถึงเมื่อก่อนแน่นอนว่าเราจะต้องแลกเงินเยนติดตัวกันไปก่อน แต่เดี๋ยวนี้มีบัตร Travel card จากหลายค่ายธนาคารที่เราสามารถผูกบัตรเข้ากับแอปธนาคารที่เรามี จากนั้นสามารถทยอยแลกเงินใส่บัตรไว้ได้เรื่อยๆ หรือถ้าเที่ยวเพลินจนเงินหมดก็สามารถแลกผ่านแอปพลิเคชันได้เลยเหมือนกัน สะดวกที่สุด ส่วนการใช้งานก็ง่ายมาก หลักการเดียวกันกับบัตรเครดิต จะรูดหรือสแกนบัตรก็ได้ สังเกตร้านไหนที่รับบัตรเครดิตก็ใช้ได้หมด ไม่มีค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ยังมีบัตรกดเงินสดบางเจ้าที่สามารถถอนเงินสดจากตู้ ATM ในประเทศญี่ปุ่นได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมด้วยนะ เริ่ดขึ้นไปอี๊กกกกกก 3.จองตั๋ว shinkanzen ล่วงหน้าผ่านแอปฯ Smart Ex สะดวกสุดๆ https://travel.trueid.net/detail/ykN8Ko02RX07 หากใครมีแพลนเที่ยวแถบภาคใต้ของญี่ปุ่นและต้องเดินทางข้ามภูมิภาคแบบประหยัดเวลาขอแนะนำให้จองตั๋วรถไฟชินคันเซ็นสาย Tokaido Shinkanzen, Sanyo Shinkanzen และ Kyushu Shinkanzen ล่วงหน้าได้ง่ายๆ สามารถเลือกได้ว่าจะนั่งแบบ reserved seats หรือ non-reserved seat รถไฟธรรมดาหรือรถไฟแบบ green car ที่พิเศษมากขึ้น แนะนำสำหรับคนที่มีกระเป๋าขนาดใหญ่ควรจองที่นั่งแบบมีที่เก็บกระเป๋าด้านหลังเพื่อความสะดวกและป้องกันการโดนปรับหากขนาดกระเป๋ามีขนาดใหญ่มากกว่ากำหนด 4.อย่าลืมเตรียมเงินเยนติดตัวไว้บ้าง ครั้นจะพกแค่ Travel card เพียงอย่างเดียวก็อาจจะไม่ดีนัก เพราะอาจจะมีบางที่ บางร้านที่เขายังรับเฉพาะเงินสด แนะนำว่าให้แลกเงินสดติดตัวเอาไว้บ้าง อย่างเราจะกดติดตัวเอาไว้ประมาณ 20,000-30,000 เยน 5.เตรียมเงินเหรียญไว้ด้วยสักนิดเพื่อความมั่นใจ อาจมีบางเวลาที่เราต้องจ่ายเงินด้วยการใช้เหรียญ เช่น ค่าโดยสารรถเมล์หรือตอนเราฝากกระเป๋ากับ coin lockers (บางตู้ยังเป็นแบบหยอดเหรียญ) เพราะฉะนั้นเตรียมเหรียญติดตัวไว้ด้วยจะดีกว่า ตอนกดเงินหรือแลกเงินมาโดยมากแล้วเราจะได้ธนบัตร วิธีแลกเหรียญที่เราชอบทำมากๆ เลยก็คือการซื้อน้ำกับตู้กดน้ำค่ะ โดยราคาเครื่องดื่มของเขาจะไม่เกินขวดละ 200 เยน เวลาซื้อเราก็หยอดแบงก์หนึ่งพันเยนหรือมากกว่านั้นลงไป เครื่องจะทอนเป็นเหรียญหรือจะใช้ธนบัตรจ่ายเงินที่ร้านค้าเพื่อแตกเป็นแบงก์ย่อยๆ หรือลูกเหรียญก็ได้เหมือนกันค่ะ 6.ซื้อ IC CARD เถิดจะเกิดผล Card ที่ช่วยให้การท่องเที่ยวในญี่ปุ่นง่ายขึ้นมีเยอะมากค่ะ หนึ่งในนั้นคือบัตร IC Card ซึ่งก็มีหลายเจ้าสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นบัตร Welcome Sucica (มีอายุใช้งาน 28 วัน), Suica, Toica, Passmo, Icoca ฯลฯ วิธีการซื้อก็ไม่ยากสามารถหาซื้อได้ที่ตู้ขายตั๋ว เคาน์เตอร์ขายตั๋ว บัตร IC Card เรียกง่ายๆ คือบัตรสารพัดจ่ายค่ะ ไม่ว่าจะจ่ายค่ารถไฟฟ้า รถเมล์ ตู้กดน้ำ coin lockers รวมไปจนถึงเอาไปจ่ายเงินที่ร้านค้าทั่วๆ ไปยังได้เลย แถมหลังจากที่เราเปิดบัตรไปแล้วบัตรเหล่านี้ยังมีอายุใช้งานมากถึง 10 ปี (นับจากการใช้งานครั้งสุดท้าย) พอเรากลับมาเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้งในอนาคตก็สามารถเอาบัตร IC Card ใบเดิมมาใช้ได้ด้วยนะ 7.รถไฟในญี่ปุ่นมีให้เลือกเยอะมาก แบบมากๆ มีทั้งรถไฟด่วนอย่างชินคันเซ็น รถไปธรรมดา รถไฟแบบหรูหรามีบานหน้าต่างให้นั่งชมวิว มีคาเฟ่ในรถไฟด้วย มีห้องสำหรับครอบครัว ฯลฯ สามารถเสิร์ชหาข้อมูลการจองใน google ได้เลย 8.ตารางรถไฟในญี่ปุ่นถี่มากและตรงเวลามากๆ ถ้าบอกว่า BTS MRT บ้านเราเยอะแล้ว ถ้าไปเจอจำนวนสายรถไฟฟ้าของประเทศญี่ปุ่นอาจเหม่อได้ (เราเหม่อเหมือนกันค่ะ 5555) ทั้งจำนวนสายรถไฟ รอบ ต่างๆ เยอะมากเพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนๆ จะต้องไปที่จุดหมายไหน นั่งรถไฟสายใดให้ดูข้อมูลให้ดีแล้วเดินตามป้ายบอกทางไปอย่างมั่นเหมาะ ส่วนเรื่องเวลาการออกรถยกให้เลยว่าเนี๊ยบที่สุด จากการที่เรานั่งรถไฟมาหลายรอบมากๆ รอบที่เลทมีน้อยมากค่ะ (มีแต่จะมาถึงสถานีก่อนเวลาด้วยซ้ำ) เพราะฉะนั้นมารอที่ชานชาลาก่อนเวลาออกรถจะดีที่สุด 9.ตารางรถเมล์ก็ตรงเวลามากเหมือนกัน หากใครที่มีแพลนการโดยสารโดยใช้รถเมล์เขาก็เป๊ะเรื่องเวลาเหมือนกันค่ะ จากที่เราขึ้นมาหลายครั้งคือจะเลทไม่เกิน 5 นาทีเท่านั้น ส่วนการขึ้นรถเมล์ที่ญี่ปุ่นไม่ใช่ว่ามาแล้วจะเดินขึ้นใครขึ้นมันเหมือนประเทศไทยแต่จะต้องต่อแถวเพื่อขึ้นรถเมล์เหมือนกันค่ะ เวลาขึ้นไปแล้วสามารถใช้ IC Card ที่เราซื้อและเติมเงินล่วงหน้าไว้แล้วสแกนที่ตัวจ่ายเงินได้เลยพอถึงสถานีที่จะลงก็ไปสแกนออกที่ทางลง ปล.รถเมล์บางคันขึ้นจากประตูกลางรถแล้วออกที่ประตูหน้า บางคันขึ้นและลงที่ประตูหน้า 10.ห้องน้ำเป็นแบบอัตโนมัติและทิ้งทิชชูลงชักโครก ห้องน้ำทั้งในที่สาธารณะ ห้องพักหรือโรงแรมโดยส่วนใหญ่จะเป็นแบบอัตโนมัติหมดเลยค่ะ คือ มีระบบทำความอุ่นที่ฝารองนั่ง การฉีดน้ำทำความสะอาดแบบควบคุมด้วยมือและจุดสำคัญเลยคือหลังจากเสร็จกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้วให้ทิ้งทิชชูลงในชักโครกเท่านั้น จะไม่มีการทิ้งทิชชูลงถังขยะในห้องน้ำแบบบ้านเราค่ะ ส่วนวิธี Flush ก็มีหลายลักษณะทั้งแบบปุ่มกดกลมๆ ที่ฝาผนัง มีแบบ sensor ให้เราเอามือไปโบกๆ ไม่ต้องกด หรือจะเป็นแบบปุ่มเล็กๆ ที่ด้านบนของชักโครกก็มี นอกจากนั้นบางที่ยังมีระบบ flush อัตโนมัติด้วยเช่นกันนั่นหมายความว่าถ้าเราลุกขึ้นจากชักโครกเมื่อไหร่ชักโครกก็จะ Flush ตัวเองทันที 11.บันไดเลื่อนยืนฝั่งซ้าย ชาวไทยแบบเราจะคุ้นเคยกับการยืนชิดขวาบนบันไดเลื่อนและเว้นด้านซ้ายให้ว่าง แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นจะยืนบันไดเลื่อนทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวาเว้นไว้ให้คนเดินค่ะ ทั้งนี้มีข้อมูลว่าแต่ละภูมิภาคเขาก็จะยืนฝั่งไม่เหมือนกันอีก วิธีที่ง่ายที่สุดคือดูว่าเจ้าบ้านเขายืนกันฝั่งไหนเราก็ยืนกันฝั่งนั้นเลยค่ะ ไม่ต้องเกร็งเอาเป็นว่าพยายามไม่ยืนทางขวางจะดีที่สุด 12.Coin Locker มีเกือบทุกแห่งหน สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ การแบกกระเป๋าเดินทางใบละหลายสิบโลไปด้วยตลอดทั้งทางก็คงกล้ามขึ้น เหนื่อยล้ากันไปก่อน วิธีลดภาระการขนกระเป๋าในระหว่างที่ต้องรอการเดินสารในช่วงเวลาถัดไปก็ไว้ใจตู้ Coin Locker ได้เลยค่ะ โดยตู้ฝากกระเป๋าตามสถานีรถไฟจะมีเยอะมาก ถ้าเป็นสถานีใหญ่อย่างเช่นสถานีโตเกียวจะมี Coin Locker เกือบทุกชั้น โดยค่าเช่าตู้จะแตกต่างกันไปตามขนาดสำหรับช่องใหญ่ที่สุดจะเก็บกระเป๋าเดินทางขนาด 25-30 นิ้วได้ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 600-800 เยน แตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่ 13.ถังขยะสาธารณะมีค่อนข้างน้อย ถ้าเราเดินไปตามมุมต่างๆ ในเมืองจะไม่ค่อยเห็นขยะและเห็นจุดสำหรับทิ้งขยะน้อยมากเหมือนกันค่ะ วิธีแก้ปัญหาเรื่องขยะระหว่างวันคือการกินอาหารให้เสร็จภายในร้านและทิ้งไว้ที่ร้านเลย หรือถ้าจำเป็นต้องพกออกมากินข้างนอกจริงๆ ก็ให้เก็บขยะใส่ถุงเล็กๆ ติดตัวไว้แล้วนำกลับมาทิ้งที่โรงแรมหรือห้องพัก ส่วนตู้กดน้ำที่ตั้งอยู่ริมทาง ชานชาลารถไฟหรือมุมต่างๆ โดยส่วนใหญ่เขาจะมีที่ทิ้งขวดเอาไว้ให้ด้วย ดื่มเสร็จแล้วก็สามารถทิ้งได้ทันทีเลยจ้า 14.น้ำประปาดื่มได้ อย่างเวลาเข้าห้องพัก หรือตามสวนสาธารณะเขาจะมีป้ายเขียนไว้ประมาณว่า Good to Drink ประมาณนี้ แปลว่าเราสามารถเปิดก๊อกแล้วดื่มน้ำได้เลยจ้า 15.นอนพักโรงแรมญี่ปุ่นแบบไม่ต้องเตรียมชุดนอนมาก็ยังไหว ตลอดทริปหลายคืนที่เราเข้า-ออกโรงแรมมาหลายแห่งพบว่าทางโรงแรม ที่พักของประเทศญี่ปุ่นเขาจะมีชุดนอนเตรียมไว้พอดีกับจำนวนผู้เข้าพักเลยค่ะ ซึ่งชุดก็จะเป็นชุดยูกาตะที่ผูกเอวหรือเป็นชุดนอนแบบตัวยาวๆ ที่ติดกระดุมด้านหน้า อันนี้ดีมากเพราะเราจะได้ใส่ชุดนอนใหม่ๆ ทุกคืน 16.Eki Stamp อันนี้อาจจะไม่ใช่แนวทริกสักเท่าไหร่ แต่มันคือรายละเอียดความน่ารักเล็กๆ น้อยๆ เหมาะกับคนที่ชอบสะสมตราประทับต่างๆ เพราะเขาจะมี ตราประทับสถานีรถไฟ (ส่วนใหญ่อยู่หลังประตูทางออก) และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไว้ให้เราสะสมด้วย เพราะฉะนั้นใครที่อยากเก็บประสบการณ์สนุกๆ ก็สามารถซื้อสมุดสะสมตราประทับสำหรับเพื่อไปตามล่ากันได้ 17.เงินทำบุญในศาลเจ้า วัด ชาวญี่ปุ่นโดยส่วนใหญ่นิยมใช้เหรียญ 5 เยน ในการทำบุญ ขอพรที่ศาลเจ้าและวัดเพราะเหรียญ 5 เยน ที่เรียกว่า “โกะเอน” แปลว่าการขอพรจากพระเจ้าหรือโชค ลาภ วาสนาดี นอกจากนั้นรูบนเหรียญ 5 เยนยังเปรียบเสมือนช่องให้สิ่งร้ายๆ ลอดผ่านพ้นออกไปจากตัวเรานั่นเอง 18.ข้ามถนนที่ทางม้าลายและรอสัญญาณไฟเท่านั้น โดยส่วนใหญ่การข้ามถนนในญี่ปุ่นจะต้องข้ามที่ทางม้าลาย (ยกเส้นพวกตรอกเล็กๆ) หากมีสัญญาณไฟก็จะต้องรอให้กลายเป็นสีเขียวพร้อมจะมีสัญญาณร้องเป็นจังหวะ ปิ้ว ปิ้วปิ้ว!! ก่อนจึงจะข้ามถนนได้ ทั้งนี้บางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟสามารถข้ามถนนได้เลยแต่ต้องดูให้แน่ใจว่ารถเขาเบรกให้เราแล้วจริงๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่เขาจะชะลอให้กันค่ะ แต่จากที่เราเจอมาเองในเมืองใหญ่ที่รถเยอะๆ วุ่นวายหน่อย รถจะไม่ค่อยจอดให้เลยเหมือนแถบชานเมืองเพราะฉะนั้นหันซ้ายหันขวาเช็กให้ปลอดภัยจะดีที่สุด ปล.ขณะที่เดินบนทางเท้าให้ระวังรถจักรยานด้วยนะเพราะที่ญี่ปุ่นโดยมากแล้วจะขี่รถจักรยานบนทางเท้ากันค่ะ 19.วัฒนธรรมกินแล้วเก็บจาน หลังจากเรารับประทานอาหารเสร็จในหลายๆ ที่ เช่น มื้อเช้าของโรงแรม ร้านอาหารบางแห่งในห้าง คาเฟ่ ฯลฯ เมื่อทานเสร็จแล้วจะมีจุดให้เรานำภาชนะต่างๆ ที่เราใช้เสร็จไปวางเอาไว้ด้วยนะ ดังนั้นถ้ากินอาหารที่ไหนแล้วสังเกตเห็นว่ามีชั้นวางที่เต็มไปด้วยถ้วย ชามหรือแก้วที่ใช้แล้ว ให้สันนิษฐานได้เลยว่าเป็นจุดคืนภาชนะที่ใช้แล้วนั่นเองจ้า 20.ตู้กดสั่งอาหารก่อนเข้าร้าน หลายๆ ร้านในประเทศญี่ปุ่นจะใช้ระบบกดสั่งอาหารและชำระเงินก่อนเดินเข้าในร้านละ โดยตู้สำหรับกดอาหารจะตั้งอยู่บริเวณทางเข้าและให้เรากดสั่งอาหารที่ต้องการจนครบ จากนั้นชำระเงินด้วยเงินสด บัตรเครดิต IC Card ฯลฯ เครื่องจะปริ๊นใบสั่งอาหารและใบเสร็จออกมา ให้เรายื่นใบสั่งอาหารให้พนักงานในร้านได้เลย เราว่าระบบนี้แบบนี้สะดวกดีเพราะช่วยลดปัญหาด้านการสื่อสาร (ตู้มีภาษาอังกฤษ) ทำให้เราสั่งง่าย จ่ายสะดวกมากขึ้น และนี่ก็เป็น 20 เรื่องที่ควรรู้ก่อนไปเที่ยวญี่ปุ่นที่เรารวบรวมมาฝากกัน ความจริงแล้วมีรายละเอียดยิบย่อยอื่นๆ ที่รอให้เพื่อนๆ ที่กำลังมีแพลนไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ explore กันอีกหลายอย่าง ขอให้ทุกคนเดินทางอย่างปลอดภัย เที่ยวอย่างมีความสุขนะค้า 🥰 ภาพหน้าปก โดย ผู้เขียน ภาพในเนื้อหาทั้งหมด โดย ผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !