เคยไหม? อยากไปเที่ยวใจแทบขาดแต่เงินในกระเป๋าไม่ค่อยเป็นใจกับเราสักเท่าไหร่ ผมมีประสบการณ์การเดินทางไปเที่ยวจังหวัดใกล้ ๆ แบบใช้งบน้อย ๆ เช้าไปเย็นกลับ กับการเดินทางโดยรถไฟ พร้อมกับจักรยานคันเล็ก ๆ คู่ใจของผม ผมเดินทางโดยรถไฟขบวนที่ 252 ออกจากสถานีรถไฟปราณบุรี เวลาประมาณ 06:00 น. ไปถึงสถานีรถไฟเพชรบุรีเวลาประมาณ 7:30 น. โบราณว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง อิอิ เมื่อถึงเพชรบุรีผมจึงเริ่มต้นด้วยการปั่นจักรยานไปหาอาหารเช้าก่อนครับ เป็นร้านข้าวแกงปักษ์ใต้อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเพชรบุรี อาหารรสชาติดีครับแต่ติดเผ็ดไปหน่อย ระหว่างทานข้าวก็ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองเพชรบุรีไปด้วย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นวัด เลยตั้งใจว่าให้ทริปนี้เป็นทริปปั่นจักรยานสะสมบุญเข้าวัดทำใจใสใสละกัน ว่าแล้วก็ไปกันเลยครับ วัดใหญ่สุวรรณาราม วัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่กับชาวเพชรบุรีมานาน ขณะที่สาธุชนเข้าไปกราบสักการะพระประธานในอุโบสถจะมีพระอาจารย์มาเล่าถึงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวัด และเกี่ยวกับพระสังฆราชแตงโมให้ฟัง อีกจุดที่สำคัญของวัดนี้คือศาลาการเปรียญ ที่ประตูศาลาการเปรียญจะมีรอยแผลแตกหักของแผ่นไม้ ซึ่งว่ากันว่าเป็นรอยที่พม่าใช้ขวานจามประตูบานนี้ในอดีต วัดกำแพงแลง หรือวัดเทพประสาทศิลาแลง วัดนี้สร้างขึ้นโดยได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมขอม ซึ่งสังเกตได้จากมีสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในบริเวณวัดจะสร้างขึ้นจากศิลาแลงและแฝงด้วยความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้า นอกจากนั้นวัดนี้ยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาปฏิบัติธรรมอย่างมากมาย วังบ้านปืน หรือเรียกอีกชื่อว่าพระรามราชนิเวศน์ เป็นพระตำหนัก 2 ชั้น สไตล์ยุโรป ตั้งอยู่ในค่ายพระรามราชนิเวศน์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดให้สร้างสำหรับแปรพระราชฐานมายังเมืองเพชรบุรี ในอาคารประกอบด้วยห้องต่าง ๆ ซึ่งล้วนมีความหมายและมีความวิจิตรงดงาม วัดเกาะ ภายในโบสถ์มีจิตรกรรมฝาผนังถ่ายทอดเรื่องราวตามพุทธประวัติ จักรวาลตามหลักศาสนาพุทธ นับเป็นพุทธศิลป์ที่หาชมยาก ส่วนบริเวณวัดก็มีความร่มรื่น หลังจากปั่นจักรยานมาเหนื่อยพอสมควรผมก็มานั่งพักให้หายเหนื่อยวัดนี้แหละครับ วัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีสำคัญของจังหวัดเพชรบุรี มีพระวิหารองค์ใหญ่คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี ตอนนี้ผมไปถึงวัดผมหาทางเข้าไปสักการะพระวิหารหลวงไม่เจอ ปั่นจักรยานวนอยู่จวนจะครบรอบวัด จึงเหลือบไปเห็นว่าพระธาตุอยู่อีกฟากถนน วัดพระนอน เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ ถือว่าใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศเลยครับ นอกจากนี้ยังรอยพระพุทธบาทอยู่ไม่ไกลกันมากนัก บริเวณวัดมีลานจอดรถกว้างขวาง มีสาธุชนที่มีจิตศรัทธาในพระพุทธนาเดินทางมาไม่ขาดสาย เสียดายที่วัดนี้ผมไม่ได้เก็บภาพกลับมา สงสัยท่านคงต้องไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วล่ะครับ วัดข่อย อยู่ใกล้ ๆ กับวัดพระนอน ใช้เวลาปั่นจักรยานมาไม่ถึงห้านาที วัดนี้โดดเด่นด้วยพระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฏิ องค์สีขาว เป็นงานศิลปะ งานสถาปัตยกรรมที่มีความปราณีต สวยงามมาก ๆ ครับ ออกจากวัดข่อยก็มุ่งหน้าไปสถานีรถไฟเพชรบุรี ระหว่างทางก็จะผ่านทางขึ้นวัดเขาวังก็แวะนั่งพักนะ แต่ว่าไม่ได้ขึ้นไป เพราะกลัวจะไม่ทันขบวนรถไฟ เสร็จจากการเที่ยวทั้งวันก็ถึงเวลาเดินทางกลับ ขากลับผมเดินทางโดยรถไฟขบวนที่ 251 ออกจากสถานีรถไฟเพชรบุรีเวลาประมาณ 17.00 น. ถึงสถานีรถไฟปราณบุรีเวลาประมาณ 18.30 น. ค่าใช้จ่ายในการนำจักรยานขึ้นรถไฟจะต้องเสียค่าระวางในราคา 90 บาท กับค่าตั๋วของผมจากปราณบุรีไปเพชรบุรี อีก 18 บาท เป็นเงิน 108 บาท เลขสวยดี รวมค่าเดินทางไปกลับ 108*2 = 216 บาท ต้องขอบคุณฮาโร่คันนี้ที่ทำให้วันหยุดของคนไม่มีตังค์กลับมีความหมาย