เรื่องและภาพ โดย วรกร เข็มทองวงศ์ เมื่อพูดถึงเมืองพระประแดง หรือ นครเขื่อนขันธ์ ในยุคปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับภาพของงานเทศกาลสงกรานต์พระประแดง หรือ ถิ่นของชาวมอญ เป็นลำดับแรกในความคิดความทรงจำ แต่เหนือเรื่องเหล่านี้ หลายคนอาจจะไม่รู้หรือหลงลืมไปว่า เมืองแห่งนี้ มีประวัติศาสตร์ซุกซ่อนอยู่ และที่สำคัญเป็นเรื่องราวของความมั่นคงของประเทศด้วย นั่นคือ ความเป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลของกรุงรัตนโกสินทร์ในอดีต เมืองพระประแดงในปัจจุบัน ไม่แตกต่างกับเมืองอีกหลายที่ ความแอดอัดยัดเยียดของผู้คนและรถรา ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป จนมองข้ามโบราณสถานที่มี ผมขี่รถจักรยนต์คู่ใจ แหวกผ่านฝูงรถราและพ่อค้าแม่ค้า เข้ามาตามถนนพระยาพายัพพิริยะกิจ หรือเรียกภาษาปากว่า ซอยเทศบาล จนมาถึงซอยหลังโรงเรียนป้อมแผลงไฟฟ้า จุดที่ทิ้งขยะของตลาด สถานที่ที่ผมมาถ่ายรูปอยู่ตรงนั้น ป้อมแผลงไฟฟ้า ป้อมแผลงไฟฟ้า เป็นหนึ่งใน 8 ป้อมปราการ ที่ถูกสร้างขึ้น ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งเป็นแนวคิดแผนยุทธศาสตร์ที่ส่งต่อมาจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์จักรีและกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ทรงมีพระราชดำริในการป้องกันข้าศึกจากทุกทิศทางรอบอาณาจักร เมือมาถึงรัชสมัยรัชกาลที่ 2 พระองค์จึงนำแนวทางของพระราชบิดามาต่อยอด จนนำมาสู่การก่อสร้างเมืองนครเขือนขันธ์ และป้อมปราการพิทักษ์แม่น้ำปากอ่าว ผมยืนอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าป้อมแผลงไฟฟ้า แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ ประตูถูกล็อกด้วยกุญแจอย่างแน่นหนา โซ่เส้นเขื่อง ผมอาศัยเศษโต๊ะที่ถูกนำมาทิ้งแถวกองขยะใกล้เคียงมาต่อขึ้น เพื่อถ่ายรูปจากด้านนอก สภาพปัจจุบันของป้อมแผลงไฟฟ้า ทรุดโทรม รกร้าง ซึ่งไม่สมเหตุสมผลกับการเป็นโบราณสถานกลางชุมชนแบบนี้ ผมสงสัยว่าทำไมถึงต้องล็อกห้ามเข้า หันซ้ายหันขวา ผมเจอชายสูงวัยคนหนึ่ง นั่งอ่านหนังสือพิมพ์หลบร้อนอยู่ใกล้เคียง ถึงเดินเข้าไปพูดคุยก็ได้รับทราบว่า ทางเทศบาลเมืองพระประแดง เป็นคนมาปิดมันไว้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ สมัยที่มันยังเปิดแบบสาธารณะ ใครก็เข้าได้นั้น วัยรุ่นวัยลองหลายคน เข้ามาใช้พื้นที่แห่งนี้ ร่วมรักกันอย่างเปิดเผย จึงทำให้ทางเทศบาลต้องปิดมันลง แต่ก็ไม่ได้มาทำการบูรณะหรือตกแต่งแต่อย่างใด เมื่อเข้าไม่ได้ ผมก้ได้แต่สำรวจโดยรอบ พบว่า กำแพงป้อมปราการที่ยังหลงเหลือนี้ เข้มแข็งมาก แม้จะผ่านกาลเวลาและความไม่ใส่ใจมานาน และเมื่อทำการสำรวจไปตามแนวถนนที่เลี้ยววนกลับไปทางสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระประแดง ผมได้พบอีกด้านของป้อมแผลงไฟฟ้า ด้านหน้ามีการก่อสร้างพื้นที่คล้ายสวนสาธารณะ แต่ยังเห็นด้านหน้าป้อมปราการอย่างชัดเจน ความสูงโดยคาดคะเนประมาณ 3 -5 เมตรขึ้นไป ถ้าความสูงขนาดนี้ ด้านบนย่อมมีเชิงเทินที่กว้างไม่ต่ำกว่า 2 เมตรครึ่งถึง 3 เมตรครึ่งอย่างแน่นอน เพราะมีศาลาเล็ก ๆ หลังนี้ ตั้งอยู่บนนั่น หากคะเนจากศาลานั้นไม่ผิด เมื่อสำรวจไป ผมได้พบกับปืนใหญ่ขนาดเล็กถูกนำมาตั้งขึ้นแท่นที่ก่อสร้างขึ้น จำนวน 2 กระบอก สภาพผุพัง แต่ยังสามารถบ่งบอกได้อย่างดีว่า พวกมันคือหลักฐานของป้อมปราการแห่งนี้ที่หลงเหลืออยู่ ก่อนที่ผมจะกลับ ได้หันไปมองป้อปราการแห่งนี้อีกครั้ง และพลางขึ้นไปว่า อยากให้ผู้เกี่ยวข้องและมีหน้าที่ในพื้นที่นี้ เข้ามาดูแลและบูรณะ เพื่อป้อมแผลงไฟฟ้า จะสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ได้ในอนาคต.