ช่วงนี้อากาศร้อน ใครที่อยากไปเล่นน้ำทะเลเย็นๆ เพิ่มความสดชื่น วันนี้เราจะพามาชมเกาะต่างๆที่เพิ่งไปมา ได้แก่เกาะทะลุ เกาะจาน-ท้ายทรีย์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี พร้อมรูปสวยๆที่ถ่ายมาให้ดูประกอบกัน มาเริ่มกันที่เกาะแรก เกาะทะลุ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่นี่ก็จะเป็นเกาะที่ใช้เวลาในการเดินทางมาพอสมควร จากกรุงเทพมาค้างคืนที่หัวหินก่อน 1 คืน แล้วหลังจากนั้นก็ตื่นเช้า โดยเริ่มจาก อ.หัวหิน ผ่านอ.ปราณบุรี อ.สามร้อยยอด อ.กุยบุรี อ.เมือง อ.ทับสะแก ถึง อ.บางสะพาน ซึ่งใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมงกว่า เมื่อถึงที่ท่าเรือก็จะพนักงานมีชี้แจงรายละเอียดต่างๆ รอซักครู่ เรือสปีดโบ้ตก็เทียบท่า ขึ้นเรือเวลา 14.00น. การเดินทางจากท่าเรือไปเกาะทะลุใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 30 นาที แต่เพราะไปช่วงที่คลื่นทะเลค่อนข้างแรง สปีดโบ้ตจึงค่อนข้างโคลง แล้วคลื่นค่อนข้างสูง ทางที่พักเลยยกเลิกการไปดำน้ำและตกหมึก เพราะการดำน้ำจะต้องอาศัยคลื่นที่มีความนิ่งและสงบ ส่วนบริเวณที่จะนิยมดำน้ำจะเป็นบริเวณอ่าวมุก ทริปนี้อดไปดำน้ำ ตกหมึก เมื่อถึงที่พักก็เก็บสัมภาระต่างๆเข้าที่พักส่วนของอ่าวมุก ซึ่งเงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน และสามารถลงเล่นน้ำทะเลหน้าที่พักได้เลย แต่ถ้าเป็นส่วนของอ่าวใหญ่ที่คนเยอะ ก็สามารถลงเล่นได้ แต่ว่าอาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เนื่องจากบริเวณหาดมีลักษณะเป็นหินในบางส่วน น้ำทะเลที่นี่ค่อนข้างใสมาก สะท้อนกับแสงแดดส่องประกายเป็นสีฟ้าอ่อน เนื่องจากเป็นเขตอุทยาน อาคาร สิ่งปลูกสร้างต่างๆจะไม่มีการลงเสาเข็ม เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ วันแรกหลังลงเล่นน้ำ พายเรือคายัค เดินชมบรรยากาศรอบๆ ถ่ายรูปสวยๆ รวมถึงการกินอาหารทะเลแบบบุฟเฟต์ พอตื่นมาวันที่สอง ก็รีบตื่นตั้งแต่ 6โมง บรรยากาศตอนเช้าค่อนข้างสงบ และสวยงาม จากนั้นจึงพากันไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชุมวิว ซึ่งก็ต้องปีนขึ้นเขาไปเรื่อยๆ โดยทางขึ้นค่อนข้างขึ้นยากเละไกลพอสมควร พอถึงจุมชมวิวก็เห็นพระอาทิตย์ส่องแสงเป็นประกายสะท้อนกับคลื่นทะเลที่ซัดฝั่ง และเห็นบริเวณหน้าผาที่เป็นถ้ำทะลุไปอีกด้านซึ่งนี่ก็เป็นที่มาของชื่อเกาะทะลุ เป็นจุดที่นิยมถ่ายรูปกัน ขากลับเดินลงมาได้ง่ายกว่าขาไป แวะเติมพลังด้วยอาหารเช้า เดินถ่ายรูปรอบเกาะอีกซักรอบ เก็บบรรยากาศตอนเช้า ลงดำน้ำตื้นๆหน้าหาด ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้คำแนะนำ เก็บสัมภาระ รับประทานอาหารกลางวัน และขึ้นสปีดโบ้ตกลับบ้าน ค่าใช้จ่ายตลอดทั้งทริป ที่พัก2วัน1คืนนอนได้ประมาณ3คน+อาหารครบทุกมื้อ+เรือรับส่งไปกลับ 2,500 บาทต่อคนพิกัด https://goo.gl/maps ต่อมาเป็นเกาะที่สอง เกาะจาน-ท้ายทรีย์ เกาะนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหาดวนกร เนื่องจากไปช่วงสงกรานต์ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะแก่การดำน้ำเป็นอย่างยิ่ง โดยใช้เวลาในการเดินทางจากหัวหินสั้นกว่าเกาะทะลุ ประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว ขึ้นเรือสปีดโบ้ตโดยจองล่วงหน้าแบบเหมาลำ เป็นเรือที่ดูแลโดยเจ้าหน้าที่อุทยาน เนื่องจากบนเกาะไม่มีที่พัก เป็นสัมปทานรังนกนางแอ่น แหล่งอนุรักษ์ธรรมชาติที่สำคัญ โดยจะอยู่บนเกาะได้ 2-3 ชั่วโมงต่อรอบ ส่วนลักษณะของเกาะจะเป็นเกาะสองเกาะแยกจากกัน โดยมีน้ำทะเลคั่นกลาง เกาะที่ไปอยู่คือเกาะจาน ส่วนอีกเกาะคือเกาะท้ายจานหรือเราจะเรียกว่าเกาะท้ายทรีย์นั่นเอง เมื่อถึงที่อุทยานแห่งชาติวนกร ก็จะมีส่วนห้องน้ำที่ให้เปลี่ยนชุด หรือส่วนห้องเช่า ตลอดจนบริเวณยืมอุปกรณ์ดำน้ำซึ่งเราก็สามารถที่จะพกมาเองได้หรือใช้ของทางอุทยานก็แล้วแต่ความสะดวก พอเจ้าหน้าอธิบายข้อกำหนดต่างๆ เช่น ประเภทของครีมกันแดดที่ใช้ได้ การรักษาความสะอาด การไม่ทิ้งขยะบริเวณต่างๆ เจ้าหน้าที่ก็จะพาไปขึ้นเรือมุ่งหน้าสู่เกาะจาน-ท้ายทรีย์ ซึ่งเป็นเรือสปีดโบ้ตที่นั่งสบายมาก ไม่มีโคลง นั่งแล้วไม่เวียนหัว ใช้เวลาประมาณ15-20นาทีก็จะถึงแล้ว เนื่องจากมาช่วงประมาณรอบเช้าจึงไม่ค่อยมีคน ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็แนะนำให้มารอบเช้า บรรยากาศบนเกาะสงบมากเหมือนมาอยู่เกาะส่วนตัว น้ำทะเลใสสุดๆ แสงแดดที่ส่องลงมาสะท้อนสีน้ำทะเลออกเป็นสีฟ้าหลายๆเฉด ไล่ระดับสีตั้งแต่อ่อนไปเข้ม ตรงนี้ถ่ายรูปสวยสุดๆ แต่อาจจะต้องระวังเนื่องจากบางจุดจะมีพื้นเป็นหินลื่นๆหรือบางจุดจะมีปะการัง หอยเม่นต่างๆ เนื่องจากเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติบนชายหาดจึงไม่มีขยะซักชิ้นเลย คงสภาพความเป็นธรรมชาติได้อย่างดีเยี่ยม พอเจ้าหน้าที่ดูลักษณะของคลื่นลมว่าสงบลงแล้ว ก็จะพาไปดำน้ำบริเวณหน้าเกาะ ซึ่งไม่ไกลจากชายฝั่งมากนัก ใช้วิธีเกาะห่วงยางต่อๆกันแล้วเจ้าหน้าที่ลากออกไปบริเวณที่จะดำน้ำ ปะการังของที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก เช่น ปะการังเขากวาง ปะการังสมอง หรือปะการังสีม่วงที่หายาก ๆก็มีให้ได้ดูที่นี่ เรียกว่าทะเลสีม่วงเลย บางวันอาจจะเจอปลาหมอหรือปลาปักเป้าอีกด้วย วันที่ไปแสงแดดค่อนข้างดี เลยได้เห็นความงดงามของโลกใต้ท้องทะเลอย่างดงาม เมื่อสนุกกันเต็มที่แล้วก็กลับเข้าฝั่ง นอกจากกิจกรรมดำน้ำแล้ว ที่หาดวนกรจะมีบริเวณให้กางเต็นท์ค้างคืน หรือถ้าไม่อยากค้างก็สามารถมาเล่นน้ำทะเลหน้าหาดก็ได้ซึ่งมีความใสพอๆกับบนเกาะ แถมยังไม่มีค่อยมีคนเท่าไหร่ด้วย ค่าใช้จ่ายไม่รวมค่าอาหาร เหมาเรือลำหนึ่ง 3500บาทนั่งได้สูงสุด 8 คน รวมน้ำดื่ม อุปกรณ์ดำน้ำ เจ้าหน้าที่ดูแลหนึ่งท่าน ค่าเข้าอุทยานคนละ 20บาท รถยนต์ 30 บาท พิกัด https://goo.gl/maps เกาะที่สาม เกาะสีชัง เกาะสวยน้ำใสแห่งทะเลตะวันออกที่มีประวัติมายาวนาน อยู่ที่ จ.ชลบุรี ออกเดินทางจากกรุงเทพ ขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรี ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงที่ท่าเรือเกาะลอย เดินทางไปเกาะสีชังราคาค่าตั๋วเรือรวมเที่ยวละ 50บาทต่อคน บรรยากาศบนเรือรวมอากาศค่อนข้างถ่ายเท โล่งโปร่งสบายรับลมทะเล ที่สำคัญเรือมีความนิ่งมาก นั่งแล้วไม่เมาเรือ ใช้เวลาเดินทางประมาณ45นาทีก็ถึงที่เกาะสีชังแล้ว เมื่อถึงเกาะสีชัง รถของทางรีสอร์ตก็มารับ รีสอร์ตที่ผมมาพักมีชื่อว่า De Anchor เป็นรีสอร์ตสไตล์ลอฟต์ บริการของที่นี่ก็ดีมากๆ ห้องพักสะอาดและกว้าง มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ อาหารก็อร่อยถูกปาก เกือบทุกห้องจะสามารถชมวิวทะเลจากระเบียงห้องได้เลย ค่าห้องรวมอาหารเช้าตกอยู่คืนละ3,500 บาท ราคาอาจมีการปรับขึ้นลงแล้วแต่ช่วงเวลาที่ไปพัก เมื่อพักรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็เช่ารถสกายแลป ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลย รถสกายแลปมีลักษณะคล้ายรถตุ๊กตุ๊กแต่ขนาดจะใหญ่กว่า นั่งได้4-6 คน ค่าเช่ารถพร้อมกับคนขับที่จะพาเราไปเที่ยวทั้งเกาะอยู่ที่ประมาณ300บาท ที่แรกที่จะพาไปคือหาดถ้ำพัง เป็นหาดที่มีลักษณะพิเศษ พื้นของหาดส่วนใหญ่จะเป็นหินซึ่งก็มีสาเหตุมาจากการก่อสร้างรางรถไฟในสมัยรัชกาลที่5 แต่มีความจำเป็นต้องระเบิดถ้ำ จนมีเศษหินจากถ้ำกระจัดกระจายอยู่บนชายหาดมากมาย นี่จึงเป็นที่มาของชื่อหาดถ้ำพัง แต่สุดท้ายแล้วก้ก่อสร้างรางรถไฟไม่สำเร็จ เพราะปัญหาด้านการเมือง น้ำทะเลที่นี่มีสีออกเขียวมรกต ชายหาดขาวนวลสะอาด และมีความสงบส่วนตัวอย่างมาก สามารถลงเล่นน้ำทะเลได้ที่นี่ ที่ที่สองที่ผมไปคือ สะพานอัษฎางค์เป็นสะพานที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่5เช่นกัน เพื่อให้คนที่เดินทางผ่านมาที่นี่มาได้เดินขึ้นลงได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องผ่านกาบหอยหรือหินแหลมคม สถานที่ที่สามที่ผมไปคือ ช่องเขาขาด หรือช่องอิศริยาภรณ์ เป็นชุดชมวิว360องศา คนส่วนใหญ่มักจะมาชมพระอาทิตย์ที่นี่กัน ความพิเศษของที่นี่คือจะมีสะพานให้เดินชมความงามของทะเล ที่สุดท้ายที่ผมไปคือศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเกาะสีชัง โดยส่วนใหญ่เล้วถ้าเป็นช่วงตรุษจีน ที่นี่จะคึกคักมาก ผู้คนที่มาที่นี้จะมาไหว้ขอพรท่านเจ้าพ่อเขาใหญ่ให้หน้าที่การงานรุ่งเรือง หรือสมหวังในความรักเป็นส่วนใหญ่ เมื่อกลับมาถึงที่รีสอร์ตก็พักทานข้าวเย็น บรรยากาศยามเย็นดีมาก ส่วนบรรยากาศตอนกลางคืนก็จะเห็นเเสงจากเรือขนส่งสินค้าหรือเรือประมงต่างๆตามแนวชายฝั่งซึ่งสวยมากๆครับ พอมาถึงช่วงเช้าแดดก็ดีมาก นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นได้จากห้องพักกันเลย ตเอนเดินทางกลับช่วงบ่าย ได้เปลี่ยนมาใช้บริการเหมาเรือสปีดโบ้ตแทนเรือรวม จองได้จากทางโรงแรมเลย มีค่าใช้จ่ายประมาณ1,500บาท ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางกลับฝั่งก็ประมาณ20นาที ถือว่าใช้เวลาเร็วและสะดวกกว่าเรือรวมมาก พิกัด https://goo.gl/maps เกาะทั้งสามที่พาไปเที่ยวกัน มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป เกาะทะลุเป็นเกาะที่ใหญ่มีหลายหาดให้เล่น มีจุดชมวิวที่สวยพักค้างคืนได้ เกาะจาน-ท้านทรีย์ เป็นเกาะที่มีแนวปะการังที่สมบูรณ์และสวยมาก เดินทางสะดวก เหมาะกับทริปดำน้ำสั้นๆไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ส่วนเกาะสีชัง เป็นเกาะที่มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างมากมาย และมีจุดให้เช็คอินหลายที่รอบเกาะ เลือกไม่ได้ก็แนะนำเปลี่ยนบรรยากาศ ไปเที่ยวทุกเกาะกันเลยห้องส่องร้านดังมาแรง รวมของกินอร่อยต้องโดน บอกสูตรเมนูลับที่ไม่ลับอีกต่อไป