หน้าฝนนี้ขอเสนอที่เที่ยวยอดฮิต “ภูทับเบิก” จังหวัดเพชรบูรณ์ช่วงนี้กำลังเข้าสู่หน้าฝน มีผู้คนมากมายต่างหลั่งไหลกันไปเที่ยว เมื่อเราเห็นฝนโปรยปราย จึงนึกถึงที่ที่มี "ทะเลหมอก" และชื่อ "ภูทับเบิก" ก็เป็นชื่อแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวเนื่องด้วยภูทับเบิกไม่ได้เดินทางยากมาก มีเวลาแค่ 2 วัน ก็เพียงพอที่จะไปสัมผัสกับบรรยากาศดี ๆ มีกลิ่นไอฝน ปนไอหมวก ตลอดทางตั้งแต่เริ่มขึ้นภูทับเบิก อีกทั้งยังประจวบเหมาะกับภูทับเบิกที่เปิดให้ท่องเที่ยวพอดีเราเดินทางออกจากกรุงเทพช่วงเช้า ใช้เวลาประมาณหกชั่วโมงก็ถึงเพชรบูรณ์ ระหว่างทางก็มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย สำหรับทริปนี้เราวางแผนกันว่าจะแวะกราบไหว้สักการะบูชา “พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์” ณ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว อำเภอเขาค้อ จังวัดเพชรบูรณ์ โดยคำว่า “ผาซ่อนแก้ว” เป็นชื่อบอกเขาที่ได้มากจากคำบอกเล่าของชาวบ้านซึ่งมองเห็นลูกแก้วลอยลงมาจากฟ้าก่อนลับหายไปบริเวณถ้ำที่ยอดเขา กลายเป็นความเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จลงมาหลังจากกราบไหว้ขอพรเสร็จ เราก็ออกเดินทางต่อ เพื่อไปยังจุดมุ่งหมายที่เราตั้งไว้ตั้งแต่แรกคือ “ภูทับเบิก” ระหว่างทางขึ้นเราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์สวย ๆ มีภูเขาน้อยใหญ่ ทอดยาวเรียงกันสลับซับซ้อน อีกทั้งยังได้เจอหมอกลอยมาคลอเคลียอยู่เรื่อย ๆ จนถึงยอดเขา เมื่อถึงยอกเขาฝนก็ตกพอดี เรานั่งรอที่รถให้ฝนหยุดประมาณ 20 นาที พอออกมาจากรถเท่านั้นแหละ เราได้เห็นวิวของฟ้าหลังฝนที่สวยงามเสมอ มองเห็นอภิมหาเมฆา ที่ลอยผงาดเหนือแผ่นฟ้า ปกคลุ่มไปทั่วทิวเขา เราก็ออกไปกางเต้นท์ จุดที่เรากางเต้นท์เห็นวิวแบบดีงาม เวอร์วัง อลังการมาก นับเป็นความโชคดีมาก ๆ ที่ฝนตก เพราะเราจะได้เจอทะเลหมอกแน่ ๆ จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นรอบ ๆ ภูทับเบิก ซึ่งมีร้านขายของของชาวบ้าน มีทั้งผัก ผลไม้ เช่น อะโวคาโด เมล่อน แคนตาลูป เสาวรส เบบี้แครอท และอีกมากมาย แต่ที่ขายไม่ได้ ทุกร้านต้องมี คือ “กะหล่ำปลี” เนื่องจากบนภูทับเบิกสามารถปลูกกะหล่ำทั้งปี เฉลี่ยปีละ 2-3 ครั้ง ให้ผลผลิตราว 9.6 หมื่นต้น ทำให้ชาวบ้านหรือชาวม้งบนภูทับเบิกมีรายได้เลี้ยงชีพ เมื่อเราซื้อของเสร็จก็มาทำอาหารมื้อค่ำ โดยที่เมมูของเราคือ หมูย่าง เป็นเมนูยอดฮิตในบรรยากาศหนาวเย็น มีหมอกบาง ๆ ทำให้รู้สึกฟินไปตาม ๆ กันหลังจากที่ทานเสร็จ ก็ตามไปทำภารกิจส่วนตัว แล้วก็มานอนที่เต้นท์ ซึ่งหนาวเย็นมาก มีอุณหภูมิประมาณ 15 องศาเซลเซียส ยังดีที่เราเอาถุงนอนไป ทำให้อบอุ่นถึงเช้าเช้าวันรุ่งขึ้นเพียงแค่เปิดเต้นท์ออกมาเพื่อรอชมแสงแรกของวัน และความอัศจรรย์ของทะเลหมอกที่สามารถมองเห็นได้สุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่เหนือคำบรรยาย มันตราตึงอยู่ในความทรงจำ ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง เพราะของจริงสวยกว่าในรูปที่เห็น เราไม่รอช้า รีบจับกล้องออกมา กดชัตเตอร์รัว ๆ และแล้วก็ถึงเวลาต้องเดินทางกลับ ระหว่างทางลงทั้งเมฆและหมอกล่องลอยมาให้เราชมเชยตลอดทาง สำหรับหน้าฝนนี้คนที่ชอบภูเขาและทะเลหมอกต้องอย่างพลาด เพราะคุณจะพบกับความอัศจรรย์ของธรรมชาติที่รอต้อนรับคุณอยู่พิกัด GPS : 16.897588,101.105437. ภาพถ่ายทั้งหมดโดยนักเขียน