La Rochelle เป็นหนึ่งในเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกบนมหาสมุทรแอตแลนติก ที่นี่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 1,000 ปี มีความเจริญในด้านธุรกิจและการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก อีกทั้งมีมรดกทางสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มีความหลากหลายของพิพิธภัณฑ์รวมทั้งสถานบันเทิงยามค่ำคืนให้ได้ไปสังสรรค์กันอีกด้วยค่ะ ไปดูกันว่าใน 1 วันที่เรามาที่นี่เราทำอะไรกันบ้างค่ะ La Rochelle Aquarium เรามาถึงที่นี่ตั้งแต่เช้าเพื่อจะได้เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำลารอแชล ซึ่งถือเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปเลยหล่ะค่ะ หลังจากซื้อบัตรแล้วเราต้องนั่งลิฟต์ลงไปชั้นใต้ดินนะคะ เมื่อเราเดินตามทางไปเรื่อย ๆ จะได้พบกับสัตว์น้ำที่มีสีสรรสดใสและมีความหลากหลายของสัตว์น้ำที่เราไม่เคยได้เห็นมาก่อนมันน่าตื่นตาตื่นใจมาก ๆ เลยค่ะ ที่นี่มีสัตว์น้ำมากกว่า 10,000 ตัวจากมหาสมุทรแอตแลนติก และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สัตว์น้ำเหล่านี้อาศัยอยู่ในน้ำทะเลที่มีความจุมากถึง 3 ล้านลิตรเลยนะคะ นอกจากเดินดูเฉย ๆ แล้วทางพิพิธภัณฑ์ยังจัดทำเส้นทางในการนำเที่ยวด้วยเสียงที่จะอธิบายถึงชีวิตสัตว์น้ำด้วยเครื่องเล่นเสียงและหูฟังส่วนตัวเพื่อเพิ่มความรู้และความน่าตื่นเต้นให้กับผู้เข้าชมอีกด้วยค่ะพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำลารอแชลยังเป็นศูนย์กลางในการอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ทะเล รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการศึกษาทางทะเลอีกด้วยนะคะ Vieux Port เมื่อเราออกจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำก็เดินต่อไปยังท่าเรือเก่า Vieux Port ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันในระหว่างทางที่เดินไปเราจะเห็นเรือประมงและเรือนำเที่ยวที่สวยงามแปลกตามาก ๆ เลยค่ะ ที่นี่รายล้อมไปด้วยร้านอาหารและร้านกาแฟเรียงรายไปตามทางเดิน ผู้คนต่างมานั่งรับแสงแดดและชมความงามของท่าเรือกันอย่างคับคั่ง นับว่ามีความครึกครื้นเป็นอย่างมากเลยหล่ะค่ะ เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ เราก็ได้พบกับหอคอยแห่งเซนนิโคลาส (Saint-Nicholas ) นับว่าเป็นสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของเมืองนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เพื่อเป็นป้อมปราการปกป้องเมืองจากผู้รุกราน มีรูปร่างที่ไม่สม่ำเสมอ ด้านในเป็นบันไดทางเดินและห้องนอนที่เก่าแก่ค่ะ ในปัจจุบันยังคงตั้งเด่นเป็นสง่า นับว่าแทบจะไม่มีความเสียหายใด ๆ เป็นจุดที่มีทัศนียภาพที่สวยงามและเป็นเสน่ห์ของเมืองนี้เลยหล่ะค่ะ Vieille Ville (เมืองเก่า) เมื่อเราเดินชมบรรยากาศริมทะเลกันอย่างจุใจแล้วเราก็ได้เดินต่อมายังเมืองเก่า Vieille Ville ที่ประตูทางเข้าจะมีหอนาฬิกาขนาดใหญ่ขั้นระหว่างใจกลางเมืองและท่าเรือ เดินเข้าไปเรื่อย ๆ เราจะได้พบกับถนนโบราณชื่อ Rue des Merciers ซึ่งเรียงรายไปด้วยบ้านและตึกในยุคกลางที่สร้างขึ้นด้วยไม้และหินแบบกอธิกเป็นถนนที่มีชื่อเสียงสร้างชื่อให้กับเมืองนี้เป็นอย่างมา ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมายจำหน่ายทั้งเสื้อผ้ารองเท้าของที่ระลึกรวมทั้งร้านอาหารและขนมค่ะ เราได้เจอกับร้าน D’Jolly เป็นร้านเบเกอรี่ชื่อดังของที่นี่ มาฝรั่งเศสทั้งทีเราก็ไม่พลาดที่จะชิมมาการองต้นตำหรับจากร้านนี้ รสชาติอร่อยมาก ๆ กรอบนอกนุ่มในไม่หวานมากมีหลากหลายใส้ให้เลือก นอกจากจะทานที่ร้านแล้วเรายังซื้อกลับมาฝากครอบครัวอีกด้วยค่ะ มาถึงที่นี่ทั้งทีสิ่งที่เราพลาดไม่ได้เลยก็คือต้องได้ชิมหอยนางรมหรือ Oysters ที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ค่ะ วิธีการกินก็แค่บีบมะนาวใส่ก็กินได้เลยค่ะ ถ้าได้น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบบ้านเราคงจะดีไม่น้อยนะคะ เรามาเที่ยวที่นี่ในช่วงเดือนกันยายนค่ะ ซึ่งเป็นฤดูร้อนแต่อุณหภูมิอยู่ที่ 6-15 องศาเซลเซียส อากาศเย็นบวกกับลมแรงสำหรับเราแล้วถือว่าหนาวมากค่ะ ต้องใส่เสื้อกันหนาวตลอดเวลา แต่ยังดีที่มีแสงแดดทำให้อบอุ่นได้บ้าง ส่วนท้องฟ้าก็สดใสถ่ายรูปออกมาได้สวยเลยค่ะ เนื่องจากเป็นเมืองท่าเรือที่มีนักท่องเที่ยวผ่านไปมาตลอดทั้งปี ผู้คนที่นี่จึงใช้ชีวิตกันแบบสโลไลฟ์และเป็นมิตร บ้านเมืองสะอาดสะอ้านเห็นแล้วน่าอยู่จริง ๆ เลยค่ะ ฝรั่งเศสไม่ได้มีดีแค่ปารีสนะคะ ถ้าใครมีแผนที่จะไปเที่ยวฝรั่งเศสและอยากเห็นอะไรที่แตกต่างก็สามารถมาที่นี่ได้ค่ะ เครดิต : ภาพโดยผู้เขียน