รีเซต

โอไฮโอ!!! เที่ยวซากะ ญี่ปุ่น ปักหมุด 25 ที่ กินเที่ยวครบ จบฟินๆ 4 วัน 3 คืน กับ ล่ามทรงนายฮ้อย (มีคลิป)

โอไฮโอ!!! เที่ยวซากะ ญี่ปุ่น ปักหมุด 25 ที่ กินเที่ยวครบ จบฟินๆ 4 วัน 3 คืน กับ ล่ามทรงนายฮ้อย (มีคลิป)
เอิงเอย
26 มีนาคม 2562 ( 04:20 )
2.7K
3

        “Ohayou Gozaimasu” สวัสดียามเช้าครับ! กระผมล่ามทรงนายฮ้อยพาทุกท่าน เที่ยวซากะ มาชิลกันถึง ประเทศญี่ปุ่น ปักหมุด 25 ที่ กินเที่ยวครบ จบฟินๆ 4 วัน 3 คืน ล่องใต้เข้าสู่ทริปเที่ยวเกาะคิวชู (Kyushu) ฝั่งตกวันตก สู่เมืองที่มีความน่าสนใจที่งดงามไปทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติอย่างจังหวัด “ซากะ” (Saga) มั่นใจกันได้เลยครับมากับกระผมล่ามทรงนายฮ้อย ไม่ผิดหวังงง

 

 

        ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงสนามบินฟุกุโอกะ สนามบินหลักในภูมิภาคคิวชู เป้าหมายของกระผมคือการจะไปเที่ยวซากะ ต้องใช้เวลาเดินทางจากที่สนามบินคิวชูอีกประมาณ 1 ชม. 

 

ดูคลิป

 

 

 


Day 1 : Karatsu

 

 

 

 

Nanatsugama Cave

 

 

          มาขึ้นเรืออิกะมารุเป็นเรือนำเที่ยว (1,600 เยน / คน) เพื่อเดินทางไปสู่ถ้ำนานัทสึกามะ (Nanatsugama Cave) เป็นถ้ำที่หินที่รูปร่างแปลกตาแต่กลับดูงดงาม สาเหตุที่ถ้ำเป็นรูปร่างแปลกๆ ก็มาจากลมกับทะเลที่กัดเซาะจนเป็นรูปร่างแบบนี้ บริเวณอ่าวนี้ก็ยังขึ้นชื่อเรื่องปลาหมึกสดๆ มากมาย จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ชื่อเรือ อิกะมารุ ที่เรานั่งด้วยครับ (อิกะ แปลว่า ปลาหมึก)

 

====================

 

 

 


Hado Cape

 

 

        กระผมมาต่อที่ Hado Cape ถูกเรียกเป็นหนึ่งในที่ศักดิ์สิทธิ์เรื่องความรัก (Heart ออกเสียงสำเนียงญี่ปุ่นว่า ฮาโดะ) มีอนุสรณ์หัวใจเกลียวคลื่นสีขาวที่เป็นจุดถ่ายรูปที่โด่งดัง

 

Hado Cape ที่เที่ยวซากะ ญี่ปุ่น

 

        และยังมีอควาเรียมขนาดเล็ก (ค่าเข้า 560 เยน / คน) ที่สามารถเดินเข้าไปชมความงดงามกับปลาใต้น้ำที่อยู่ในธรรมชาติ ย้ำว่าเป็นธรรมชาติจริงๆ ไม่เหมือนในอควาเรียมที่เราเคยไปตามที่ต่างๆ แน่นอน! เพราะสัตว์น้ำที่เห็นคือสัตว์น้ำที่แหวกว่ายในมหาสมุทรจริงๆ ไม่มีที่กั้นแต่อย่างใด

====================

 

 

 


Iroha Hotel

 

 

         จากที่ได้ยินมาว่าที่เมืองนี้โด่งดังมากในเรื่องปลาหมึก ใจก็นึกอยากจะลองกิน กระผมมาต่อห้องอาหารที่ Iroha Hotel เพื่อมาจัด Lunch Set (ราคาเริ่มต้นที่ 2,570 เยน) มีซาชิมิปลาหมึกสดๆ อย่าง Ikaikizukuri สดจนขนาดที่ว่าเซลล์ผิวของปลาหมึกที่เห็นตอนเสิร์ฟนั้นยังเปล่งสีผิวเป็นกราฟฟิกระยิบระยับอยู่เลยครับ และในเซตเมนูที่เราเลือกกินนั้นก็ยังมีทั้งปูวาตาริ กับเนื้อซากะ ให้ได้กินกันจนหายอยากเลยทีเดียวครับ

 

====================

 

 


Karatsu Burger

 

 

         ว่าจะอิ่มสักหน่อย คุณไกด์ใจดีเพื่อนซี้คู่ใจของล่ามทรงนายฮ้อยในทริปนี้นาม สุมิซัง ช่วงนี้ก็เรียกกระผมว่า “ล่ามทรงสุมิ” แทนละกันครับ <3 คุณสุมิบอก “ยังอิ่มม่ายด้าย มีบาก้าให้กินอี้กกก” เลยพามากินต่อกันที่ Karatsu Burger : Foodtruck ชื่อดังของเมืองคารัตสึ

 


        ลิ้มลองเมนู “Special Burger” (490 เยน) เบอร์เกอร์ราคาประหยัดที่มีทั้ง แฮม ไข่ ชีส ล่ามทรงที่เคยลองชิมอาหารมาหลากหลายที่ ยังต้องซูฮกให้กับที่นี่เลย.. เพราะขนมปังกับน้ำซอสเข้ากันกับตัวไส้ได้อย่างดีเยี่ยมไปเลย ”Coffee Ice/Hot” (220 เยน) กาแฟดริปที่มีให้เลือกทั้งเย็นและร้อน มานั่งดื่มกาแฟชมป่าสนดำ “Niji no Matsubara” ในบริเวณนี้ได้ชิลๆ

 

====================

 

 

 

Mountain Kagami

 

 

         จุดชมวิวสำคัญของเมืองคารัตสึ จาก Mountain Kagami จะเห็นวิว 180 องศารอบเมืองคารัตสึ เห็นได้เลยว่าผังเมืองของประเทศญี่ปุ่นนี้เป็นระเบียบเรียบร้อยจริงๆ ความพิเศษของเมืองคารัตสึจะแบ่งโซนชัดเจนเลยว่าส่วนไหนเป็น ทะเล ต้นไม้ เมือง แถมจุดชมวิวนี้ก็เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่งดงามมากจริงๆ

 

====================

 

 


Naginoto

 

 

          ยามค่ำคืนอันเหนื่อยล้าจากการเดินทาง สวรรค์ของการผ่อนคลายคือการได้แช่ออนเซ็น Naginoto เรียวกังสุดหรูริมทะเล กระผมได้กินมื้อค่ำไคเซกิสุดหรูในค่ำคืนนี้ มีเมนู “Q-Saba” มีความพิเศษตรงที่มหาวิทยาลัยคิวชูได้ร่วมวิจัยกับเมืองคารัตสึจนได้เป็นปลาซาบะสายพันธุ์นี้

 


          บอกเลยว่าถ้านำมาทำเป็นซาชิมิกินนี้ละลายในปากเลยยย~ อิ่มเสร็จก็ลงออนเซ็นต่อ ออนเซ็นของที่ “Naginoto” โด่งดังเรื่องบำรุงสุขภาพผิวและมีแร่ธาตุของเกลือ จบค่ำคืนเเรกได้อย่างประทับใจแต่นี่แค่คืนแรกเอง ความสนุกยังไม่จบไปกันต่อครับ!

====================

 

 


Day 2 : Imari-Arita-Takeo

 

 

 


Okawachiyama Village

 

 

          Okawachiyama Village หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นในเรื่องการทำเซรามิกที่มีประวัติการผลิตมากว่า 300 ปี ที่ตั้งของหมู่บ้านอยู่ใจกลางภูเขาล้อมรอบ ภายในหมู่บ้านเราก็ยังสังเกตเห็นปล่องไฟที่ในอดีตเคยใช้เผาเครื่องเซรามิก

 

 

          และใจกลางหมู่บ้านก็ยังมีจุดที่พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ เคยมาถ่ายทำละครเรื่อง กลกิโมโน ด้วยครับ และกระผมก็ยังได้ลอง Workshop ปั้นเครื่องเซรามิก (เริ่มต้นที่ 3,000 เยน) ที่ ร้าน Oshugama ใครทำไม่เป็นก็ไม่ต้องห่วงเพราะมีอาจารย์มาแนะนำอย่างใกล้ชิดเลยล่ะ

 

====================

 

 

 

Gallery Arita

 


         ร้าน Gallery Arita ร้านดังใจกลางเมืองอาริตะ ภายในร้านถูกตกแต่งเก๋ๆ เต็มไปด้วยถ้วยเซรามิกกว่า 2,000 ลวดลาย สามารถเลือกนำมาเป็นภาชนะมาใส่เครื่องดื่มร้อนของเรา แล้วเอามากินคู่กับ “Oven Baked Imari Beef Curry” (1,500 เยน) เนื้อวัวอิมารินำมาอบกับแกงกะหรี่โปะด้วยไข่กับชีส ยิ่งกินยิ่งฟิน ตบด้วยชาร้อนในถ้วยสวยที่เลือกเอง ถูกใจล่ามทรงจริงๆ ครับมื้อนี้

====================

 

 

 

Keishuen

 

 

           มาเดินย่อยพร้อมเรียนรู้วิธีการชงชาแบบญี่ปุ่นที่ Keishuen บริเวณโดยรอบเป็นสวนญี่ปุ่นที่ถูกออกแบบมาอย่างลงตัว บรรยากาศสดชื่น มีต้นบ๊วยที่ออกดอกช่วงนี้พอดี งดงามสะดุดตา กระผมเดินมาทดลองการชงชาแบบญี่ปุ่นที่บ้านไม้ในสวนซึ่งเป็นที่ตั้งของ Keishuen ภายในบ้านสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมลองชงชาในวิถีแห่งเซน ช่วยทำให้จิตใจสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

====================

 

 

 

Takeo City Library

 

 

         Takeo City Library ห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีหนังสือกว่า 200,000 เล่ม ด้านในก็ยังโดดเด่นทั้งการออกแบบทันสมัย มีหลายโซนให้ได้เลือกนั่งอ่านหนังสือมากมายหลากหลายภาษา และประเภท มีทั้งหนังสือเก่า-ใหม่ให้ได้เลือกอ่านกัน สำหรับคนหล่อและมีความรู้อย่างผมล่ามทรงนายฮ้อย ก็สามารถใช้เวลากับห้องสมุดทาเคโอะนี้ได้ทั้งวัน

 

====================

 

 

 

Sagaya

 

 

         อิ่มความรู้ ก็ต้องอิ่มท้องด้วย Sagaya ร้านยากินิกุที่เสิร์ฟเนื้อพรีเมียมระดับ A5 (เนื้อซากะหากเป็นเกรด A1 - A3 เรียกว่า Beef from Saga หากเป็น A4, A5 จะเรียกว่า Saga Beef) กระผมเลยจัดมา 1 Set (4,480 เยน)

 

 

        มีทั้งเนื้อ A5 และเนื้อรวมด้วยอีกจาน เสิร์ฟพร้อมผักต่างๆ คู่กับเครื่องเคียงมากมาย ชุดเดียวอิ่มแน่นอนนน~ และกระผมล่ามทรงที่ผ่านสงครามอาหารมาหลากหลายจาน เจอเนื้อ A5 เข้าไปก็น้ำตาแทบร่วงเพราะรสชาติอันลึกล้ำเนื้อขั้นสูงเป็นแบบนี้ นี่เองงง!

====================

 

 

 

Central Takeo Hotel

 

 

        ค่ำคืนที่ 2 กระผมเลือกพักที่ Central Takeo Hotel โรงแรมโลเคชั่นดีใจกลางเมืองทาเคโอะ ติด รถไฟสถานี Takeo Onsen Staion แค่เพียงปลายจมูกแบบปลายจมูกของจริง เรียกได้ว่านับก้าวเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ส่วนด้านบนของโรงแรมก็มีออนเซ็นที่น่าจะถูกใจสาวๆ เพราะโด่งดังเรื่องทำให้ผิวพรรณชุ่มช่ำ เพิ่มความเปล่งปลั่ง ที่สำคัญก็ยังเหมาะกับกระผม ล่ามทรงหล่อใสที่สุด

 

 

====================

 

 

 

Day 3 : Takeo-Ureshino-Kashima-Tara

 

 

 

 


Takeo Shrine

 

 

         เช้าวันที่ 3 ของกระผมนี้ เราก็เดินทางมายัง Takeo Shrine ศาลเจ้าสีขาวโด่งดังเกี่ยวกับความรักแม้แต่คนญี่ปุ่นเองยังเดินทางมาไหว้ขอพรเรื่องความรัก ระหว่างทางเข้ามีต้นไม้สองต้นที่ลำต้นประสานกัน จึงเปรียบเสมือนสายสัมพันธ์ของคู่รักที่ค้ำชูกัน และที่สำคัญด้านหลังของศาลเจ้ามีต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่คาดว่ามีอายุกว่า 3,000 ปี เป็นต้นไม้ที่ให้แรงบันดาลใจกับ คุณฮายาโอะ มิยาซากิ ในเรื่อง My Neighbor Tororo ของ Studio Ghibli อีกด้วย

 

====================

 

 


Suisha Tofu Hotpot

 

 

         อากาศวันนี้ค่อนข้างเย็นเป็นพิเศษ สุมิซัง ไกด์ประจำทริปเลยแนะนำว่าให้หาอะไรอุ่นๆ กินและดีต่อสุขภาพกันเถอะ สุมิซังเลยพามาที่ร้าน Suisha แปลว่าเครื่องวิดน้ำในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้ เมนูที่กระผมสั่งกินก็เป็นเมนูเด็ดของ ร้าน “Yodofu Gozen Signature” (1,350 เยน) สำหรับคนรักสุขภาพต้องถูกใจมาก

 

 

         สำหรับเมนูนี้ เต้าหู้ที่เป็นวัตถุดิบเด่นที่เมืองซากะถูกทำมาเสิร์ฟในหม้อร้อน กินคู่กันกับผักต่างๆ เพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย สดชื่น และดีต่อสุขภาพแน่นอนครับ

====================

 

 

 

Chaoshiru

 

 

          หลังจากกินอิ่มเสร็จกิจกรรมก็ยังไม่หมดที่ Chaoshiru เป็นกึ่งพิพิธภัณฑ์และให้การเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องชา ถือว่าเป็นที่หนึ่งในประเทศที่ Expert เรื่องชามากเลยครับ และเรายังได้ทำ Workshop มัดย้อมผ้าจากชา ฟังไม่ผิดครับบ้านเราอาจจะคุ้นเคยเรื่องผ้ามัดย้อมจากคราม แต่รู้หรือไม่ว่าชาก็นำมาทำสีมัดย้อมได้ สีออกน้ำตาลอ่อนสวย กระผมก็เลยบรรเลงไปหนึ่งผืน เพื่อนำกลับไปฝากนายฮ้อยเพื่อนรักด้วย หวังว่านายฮ้อยจะซึ้งใจในความคิดถึงของกระผมในครั้งนี้ (ฮา)

 


====================

 

 

 

Hizen Hamashuku

 

 

        ที่เมืองคาชิมะ มีย่าน Hizen Hamashuku ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการโรงทำสาเกจนถึงกับขนานนามว่า “ถนนแห่งโรงเหล้า” เนื่องจากน้ำย่านนี้เหมาะแก่การทำสาเกและยังบริสุทธิ์มาก ถึงขนาดที่มีแท่นน้ำบาดาลให้คนเข้าไปกินเพื่อดับกระหาย

 

 

        นอกจากจะแปรรูปเป็นสาเกแล้ว ขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่นแทบทุกจุดต้องมีให้ลองกินซอฟต์ครีมที่ผลิตจากวัตถุดิบขึ้นชื่อของเมืองนั้นๆ ที่ Hizen Hamashuku ก็มีซอฟต์ครีมรสสาเก ถูกใจกระผมล่ามทรงนายฮ้อยมากกก เวรีกู้ด!

====================

 

 

 

Yutoku Inari Shrine

 

 

         ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเทศที่เทคโนโลยี วัฒนธรรม ความเชื่อ ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว Yutoku Inari Shrine มี Inari หรือเทพเจ้าจิ้งจอกที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าที่ประทานพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์

 

 

         ศาลเจ้านี้มีอายุกว่า 300 ปีและเป็นศาลเจ้า Inari ที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น กระผมล่ามทรงยังได้มีโอกาสขอพรเทพเจ้าเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และปลอดภัยจากการเดินทาง ที่สำคัญขอให้มาประเทศญี่ปุ่นบ่อยๆ เถอะคร้าบบบ สาธุ~

====================

 

 

 

Hoyoso

 

 

         จริงๆ แล้วที่ Hoyoso นอกจากจะมีห้องพักที่ขึ้นชื่อแล้ว ที่นี่ก็ยังเป็นห้องอาหารอีกด้วย Hoyoso มีเมนูดังอย่าง “Kanimabushi” (2,700 เยน) เป็นเมนูปูที่ถูกใจกระผมมากกก ข้าวสวยร้อนๆ ที่โปะเนื้อปูมาจนพูนจาน

 

 

       และมีวิธีกินโดยการให้เราแยกเป็น 4 ส่วนด้วยซอสที่ต่างกันไป 1.มันปู 2.ซอสเผ็ดเกาหลี 3.น้ำส้มสายชู 4.ซุปปลา ซึ่งแต่ละซอสก็ให้รสชาติที่แตกต่างกันไปแต่ทุกซอสกระผมต้องยกนิ้วเลยว่า เวรีกู้ด! และที่เรียวกังนี้ก็มีกล้องดูดาวให้เราได้ชมหมู่ดาวต่าง ๆ ยามค่ำคืน ถือว่าเปิดหน้าประสบการณ์ใหม่เลยกับการย่อยอาหารโดยการดูดาวกลางอากาศเย็นๆ ฟิน!

====================

 

 

 

Yatomiso Ryokan

 

 

        กินปู ดูดาว กันจนอิ่มใจและท้องอิ่มมาก หนังตาเริ่มจะปิด คืนนี้เรามานอนที่เรียวกัง Yatomiso Ryokan ถือว่าเป็นเรียวกังดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ในเมืองนี้ มีออนเซ็นให้เรามาแช่คลายหนาวหลังจากดูดาว คืนนี้ล่ามทรงนายฮ้อยหมดแรงขอพักสักประเดี๋ยว แล้วลุยกันต่อพรุ่งนี้นะคร้าบบบ~

====================

 

 

 

Day 4 : Saga-Yoshinogari-Tosu

 

 

 

 


Tenzan Ski Resort

 

 

        เช้าวันใหม่ตื่นมาอย่างสดใส พลังงานเต็มประจุ สุมิซัง เห็นว่าดีดจัดไปเอาพลังงานออกหน่อยท่าจะดีเลยพามากันมาที่ลานสกี Tenzan Ski Resort ช่วงที่เรามาตอนนี้ใช้เป็นหิมะเทียม เหมาะสำหรับการฝึกเล่นครั้งแรกอย่างกระผมมาก

 

 

        หากใครไม่เคยเล่นแล้วคิดว่าไม่มีอุปกรณ์ก็ไม่ต้องกังวล แค่มาแต่ตัวก็สามารถลองเล่นได้แล้ว ที่ลานนี้มีอุปกรณ์ให้เช่าครบครันทั้ง สกี สโนว์บอร์ด หรือเด็ก ๆ จะมาเล่นลากเลื่อนหิมะก็สนุกไปอีกแบบ นอกจากนี้ยังมีครูสอนเล่นอย่างใกล้ชิด คนเก่งอย่างกระผมลองเล่นไม่นานก็พลิ้วเป็นสายลมเลย นอกจากความหล่อแล้วพรสวรรค์กระผมก็ไม่แพ้กันจริงๆ

 

====================

 

 

 

Kawara Soba Inaka

 

 

           ร้าน Kawara Soba Inaka ร้านโซบะที่ถูกเสิร์ฟมาด้วย “กระเบื้องหลังคาร้อน” ย้ำว่ากระเบื้องหลังคาจริงๆ ตอนแรกอย่างเบลอบอกเลย แต่เป็นกระเบื้องหลังคาใหม่นะจ้ะ ไม่ได้ใช้มาแล้ว เส้นโซบะจานใหญ่ที่ถูกจัดวางบนกระเบื้องหลังคาร้อนเพิ่มความกรุบๆ ให้เส้นโซบะโรยด้วยท็อปปิง สาหร่าย ไข่ม้วนย่างหั่นเส้น ต้นหอมญี่ปุ่น และเนื้อย่าง ซดคู่กับซุปโซบะ สูดดังจ๊วบ~ เผลอแว๊บเดียวก็หมดจานแล้ว ราคาก็สุดคุ้มอยู่ที่ 1,000 เยน เท่านั้นเอง

 

====================

 

 

 

Yoshinogari Historical Park

 

 

          เป็นพื้นที่ให้ศึกษาประวัติศาสตร์ของยุคยาโยอิ ที่เป็นชนเผ่าโบราณเคยมาตั้งรกรากอยู่ในบริเวณ Yoshinogari Historical Park ที่คาดคะเนว่ามีประวัติมายาวนานหลายร้อยปี มีการขุดพบเครื่องปั้นดินเผา อาวุธ กระดูกมนุษย์ เสื้อผ้า ฯลฯ

 


        มีจุดบ้านจำลอง ป้อม วิถีชีวิตของคนในยุคนั้นให้ได้ศึกษา และยังมี Workshop การจุดไฟด้วยไม้แบบวิธีโบราณ กระผมยังได้ลองทำเครื่องรางจากยุคยาโยอิที่ทำจากหินขัดด้วยมือเปล่าอีกด้วย

 

====================

 

 

 

 

Tosu Premium Outlet

 

 

          มาญี่ปุ่นแล้ววว จะไม่ช็อปปิงไม่ด้ายยย~ อุตสาห์แลกเงินมาเยอะเพื่องานนี้นั่นแหละ Tosu Premium Outlet เอาท์เลทที่มีร้านค้ากว่า 150 ร้าน เรียกได้ว่าช็อปกันจนตาแตก กระเป๋าเงินแหลกกันไปข้างหนึ่งเลย มีแบรนด์ดังมากมาย ตอบโจทย์ทุกการเสียเงินจริงๆ ว่าแล้วกระผมก็ขอตัวไปช็อปปิงก่อนนะครับ ว่าจะซื้อของไปฝากเพื่อนซี้นายฮ้อยสักหน่อย

====================

 

 

 


Tonkatsu Kimura

 

 

          ช้อปเพลินจนเกือบจะหมดตัว ท้องก็ชักจะหิวกินอะไรที่ราคาไม่แพงแต่อิ่มและคุ้มค่าดีกว่า สุมิซัง ก็เลยพาเรามาต่อที่ร้าน Tonkatsu Kimura ร้านทงคัตสึที่ภายในร้านมีของเล่น โปสเตอร์ แผ่นเสียงยุคเก่ามาตกแต่งได้อย่างลงตัว และที่ร้านนี้ก็ยังใช้รถไฟจำลอง วิ่งมาเสิร์ฟเมนูด้วยแหละแปลกใช่ไหมครับ?

 

 

          ตอนแรกก็กลัวจะหกอดกินหมดนะสิ (ฮา) แต่เชื่อมือคนญี่ปุ่นเลยว่าเค้าออกแบบมาอย่างดีแน่นอน! กระผมเลือกสั่งเมนู “Signature Tonkutsu” (1,010 เยน) ผิวกรอบกรุบๆ กินกับซอสทงคัตสึเพิ่มรสชาติ กินกันจุกครับมื้อนี้

====================

 

 

 


Bientos Hotel

 

 

           โรงแรม Bientos Hotel ที่พักคืนสุดท้ายใจกลางเมือง Tosu ของกระผม ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟสะดวกสบายกับการเดินทาง ห้องพักก็มีให้เลือกหลากหลายราคามีห้องนอนทั้งแบบญี่ปุ่นหรือตะวันตกให้ได้เลือกตามต้องการ นอนหลับฝันดีกับค่ำคืนสุดท้ายที่จังหวัดซากะ ประเทศญี่ปุ่นในทริปนี้

 


        จบสวยสำหรับการเดินทางมาที่เที่ยวเกาะคิวชูอย่างทริป เที่ยวซากะ ประเทศญี่ปุ่น กับ ล่ามทรงนายฮ้อย ฉบับ Exclusive ส่วนตัวของกระผมแล้วบอกเลยว่ารักจังหวัดนี้มากๆ มีให้เที่ยวได้ครบได้ทุกอารมณ์ที่ใจต้องการทั้งอาหารการกิน ธรรมชาติ วัฒนธรรม กระผมมั่นใจเลยครับว่าจะต้องหลงรักในการเที่ยวซากะนี้

 


ขอบคุณข้อมูลดีๆ และภาพจาก Wongnai

 

 

ที่เที่ยวญี่ปุ่น ที่น่าสนใจอื่นๆ

Unseen Japan 9 ที่เที่ยวญี่ปุ่น
ไม่ค่อยมีคนรู้จัก สุดอันซีน คนเที่ยวไม่มาก

15 จุดชมซากุระ ในโตเกียว ที่สวยที่สุด
พร้อมการเดินทางไปเที่ยว

 

 

 

อัพเดทที่พักสุดชิล ที่เที่ยวสุดมันส์ ที่กินสุดฮิป

ติดตาม travel.trueid.net ได้ที่