ที่มาชื่อ ทวีปยุโรป Europe ตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้ากรีก

ยุโรป Europe ทวีปใหญ่ที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเรา และยังเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่เป็นต้นแบบอารยธรรมต่างๆ ของโลกมากมาย โดยเฉพาะในบริเวณกรีกโบราณ แต่เรื่องน่าสงสัยก็คือทำไมแถบนี้ถึงมีชื่อว่ายุโรปกันล่ะ? เรามาไขปริศนาข้อนี้ไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า
ที่มาชื่อทวีปยุโรป Europe
หนึ่งในชนชาติที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ริเริ่มในการตั้งชื่อให้กับสิ่งต่างๆ บนโลกมากมาย ก็ไม่พ้นชาวกรีกโบราณนั่นแหละ ที่เขาเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างเข้ากับเรื่องราวของเทพเจ้าที่นับถือ ตั้งแต่ชีวิตประจำวันทั่วไปจนถึงการทำสงคราม ล้วนต้องมีเทพมาเอี่ยวทั้งสิ้น และแน่นอนว่าการตั้งชื่อทวีปว่ายุโรปนี้ก็เลยไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของเจ้าหญิง นามว่า ยูโรปา (Europa) นั่นเอง
ยูโรปาเป็นพระธิดาของท้าวอะจีนอร์ (Agenor) เจ้าผู้ครองกรุงฟินิเซีย (Phoenicia) ซึ่งเป็นอาณาจักรนักเดินเรือ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (ปัจจุบันเป็นดินแดนของประเทศเลบานอน ซึ่งนับว่าอยู่ในทวีปเอเชียนะ) ว่ากันว่าพระนางยูโรปานี้มีรูปโฉมงดงามมาก ถึงขนาดเสียงลือเสียงเล่าอ้างดังกระฉ่อนไปไกลถึงดินแดนแห่งเทพ หรือเทือกเขาโอลิมปัส (Olympus) นู่นเลย
และแน่นอน ชื่อเสียงของหญิงงามทั่วหล้าไม่อาจหลุดพ้นจากความเจ้าชู้ของราชาแห่งเทพ ซูส (Zeus) ไปได้ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าจะงามได้ปานใด ซูสเลยแอบลงไปยังแดนมนุษย์ แล้วแปลงกายเป็นวัวสีขาวมาแอบดูตัวนางยูโรปาในขณะที่นางกำลังเก็บดอกไม้อยู่ในทุ่ง ซึ่งพอเห็นตัวจริงแล้วซูสก็ตัดสินใจทันที ว่าจะต้องครอบครองนางให้ได้ มิให้เสียงเชิงตำแหน่งยอดเทพเจ้าชู้แห่งโอลิมปัส
ยูโรปาและซูส ผลงานของอันโตนีโอ มาร์ซีอาเล การ์รัชชี (Antonio Marziale Carracci)
นางยูโรปาเมื่อมองเห็นวัวสีขาวนั้นก็รู้สึกว่าสีสวย และมีรูปร่างที่เด่นเป็นสง่า แตกต่างจากวัวทั่วๆ ไป เลยตัดสินใจเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ลูบไล้ไปมาเจ้าวัวก็น้อมตัวลง ทำทีเป็นสัญญาณเชิญให้พระนางขึ้นมาขี่หลังเล่น พอนางยูโรปาหลงกลขึ้นไปขี่ เจ้าโคซูสก็รีบวิ่งเผ่นออกจากเขตทุ่ง ลักตัวนางยูโรปาออกสู่ทะเลไปจนลับสายตา เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครตามมาได้ ก็มุ่งตรงไปยังเกาะครีต (Crete เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะกรีกในปัจจุบัน) ทันที
สุดท้าย นางก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายสามคน นั่นคือ "ไมโนส (Minos)" "ราดาแมนทีส (Radamanthys)" และ "ซาร์ปิดอน (Sarpedon)" พอเบื่อแล้ว ซูสก็ทิ้งให้นางยูโรปาให้อยู่บนเกาะครีตตามลำพัง ภายหลัง นางก็ได้แต่งงานใหม่กับ "พระเจ้าแอสทีเรียส (Asterius)" กษัตริย์แห่งครีต จากนั้นมา ผู้คนก็ได้กราบไหว้ยูโรปา และทำให้นามของนางกระจายไปทั่วทะเลอีเจียน และกลายมาเป็นชื่อของดินแดนที่เราเรียกกันว่า "ยุโรป (Europe)" ในปัจจุบัน
จากนั้น คำเรียกนี้ก็ถูกส่งต่อกันมาเรื่อยๆ จากกรีกสู่โรมัน มาสู่ชาวแฟรงค์ในยุคกลาง (บรรพบุรุษของชาวฝรั่งเศส และเยอรมัน) ในช่วงสมัยของพระเจ้าชาร์เลอมาญ ได้กำหนดคำว่า Europenses เพื่อหมายถึงดินแดนของชาวคริสเตียน ครอบคลุมทางฝั่งตะวันตกและตอนเหนือของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทั้งหมด จนเมื่อมีการก่อตั้งสมาคมภูมิศาสตร์แห่งกรุงลอนดอน ในปี ค.ศ. 1830 นักภูมิศาสตร์ก็ใช้รากฐานนี้ในการเรียกดินแดนเดียวกันนี้ว่า "ทวีปยุโรป" นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีที่มาของชื่อยุโรปข้างต้นนี้ แม้จะมีผู้คนยอมรับกันมากที่สุด แต่ก็ยังมีทฤษฎีอื่นๆ ว่าชื่อยุโรปนั้น ได้แผลงมาจากศัพท์โบราณต่างๆ จนกลายเป็นยุโรปในทุกวันนี้เหมือนกัน เช่นคำว่า “เอเรบ” (erab) ในภาษาเซมิติก (กลุ่มภาษาโบราณกลุ่มแรกๆ ในแถบแอฟริกาเหนือ และตะวันออกกลาง) แปลว่า พระอาทิตย์ตก
====================