รีเซต

แบกเป้ เที่ยวกัมพูชา พนมเปญ เสียมราฐ 3 คืน 4 วัน เดินเล่นนครวัด มรดกโลก บินไม่ไกลจากไทย (มีคลิป)

แบกเป้ เที่ยวกัมพูชา พนมเปญ เสียมราฐ 3 คืน 4 วัน เดินเล่นนครวัด มรดกโลก บินไม่ไกลจากไทย (มีคลิป)
Filmthii
29 มีนาคม 2562 ( 08:55 )
51.4K
2

        ถึงเวลาเก็บกระเป๋า ออกเดินทางกันอีกครั้งแล้วซินะ ! ครั้งนี้เราจะพาทุกคนออกไปเที่ยวกันใกล้ๆ แถมยังเป็น มรดกโลก ไม่ไกลจากประเทศไทย แหนะ ! เกริ่นมาแบบนี้ ก็ต้องเป็นทริป เที่ยวต่างประเทศ อย่างแน่นอน ฮ่าๆ เราจะพาทุกคนแบกเป้ ไปเที่ยว กัมพูชา ตะลุยเที่ยวพนมเปญ เสียมราฐ 3 คืน 4 วัน กันครับ ว่าแต่ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม อาเซียน ที่นี่จะฟิน หรืออะเมซซิ่งแค่ไหน ตามเราไปกันเลย

 

 

        ก่อนอื่นเลยก็ต้องขอเกริ่นเกี่ยวกับประเทศกัมพูชากันสักก่อน เพื่อจะได้เก็ท ไม่งงอ่ะเนอะ ! ประเทศแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย แถมยังติดกับประเทศเวียดนามอีกด้วย โดยมีเมืองพนมเปญ เป็นเมืองหลวงของประเทศ

ดูคลิป

        สถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังอย่าง นครวัด คงไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน ซึ่งในทริปนี้ เราก็มีแพลนเที่ยว นครวัด กันที่เมืองเสียมราฐ อยู่ด้วยเช่นกัน แต่ ! เราจะไม่บินตรงไปลงเสียมราฐ ก่อนนั่นเอง เพราะเราจะบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปลงเมืองพนมเปญ เที่ยวสบาย สไตล์ชิคๆ กันก่อน อิอิ พูดกันมาถึงตรงนี้แล้ว ก็คงอยากรู้แล้วล่ะซิ ว่าทริปนี้จะเป็นยังไง ถ้างั้น..ก็อ่านกันเลยครับ

 

DAY 01 : สวัสดีพนมเปญ ครั้งแรกของผม

 

 

        เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ 05.00 น. รีบอาบน้ำ แต่งตัวสบายๆ โบกแท็กซี่ไปสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทริปนี้เราได้เดินทางโดยสายการบิน Lanmei Airlines เส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ สู่พนมเปญ ไฟล์ท 10.05 น. จะใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที เห้ย ! มันใกล้มากอ่ะแกรรรร

 

 

        ภายในเครื่องบินก็กว้างขวาง แม้จะมาในรูปแบบ 3-3 แต่ไม่รู้สึกอึดอัด หรือขาติดเก้าอี้ด้านหน้าแต่อย่างใด อีกทั้งหลับสบายตลอดทาง เมื่อเดินทางถึงสนามบินพนมเปญ เวลา 11.05 น. ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจนเรียบร้อยแล้ว ก็มาเริ่มเที่ยวกันเลยดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลาทำมาหากิน

 

 

        แอบกระซิบบอกก่อนว่าการเดินทางจากสนามบิน เข้าเมือง มีด้วยกันหลายวิธี ทั้งแบบแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก หรือรถบัส แล้วแต่งบ และความสะดวกของแต่ละคน พอใจมา ! แต่กระเพาะมันร้อง เรียกหามื้อเที่ยง เราก็ต้องตามใจท้องสักหน่อย แหม..กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องซิ ถึงจะถูก

 

 

        ซึ่งมื้อเที่ยงประเดิมเมืองพนมเปญ เราได้ฝากท้องไว้กับ ภัตตาคาร Tonle Basac II ฟังดูแล้วอาจจะดูไม่ชิค แต่แกรร ที่นี่มันคือบุฟเฟ่ต์นะ ! กรี๊ดดด บอกเลยว่าที่นี่มีอาหารหลากหลายประเภทมากๆ จัดเต็มมาทั้งคาว และหวาน กันเลยทีเดียว ถ้าใครสนใจล่ะก็ จะต้องโทรไปจองกันก่อนนะ ที่เบอร์ 023 210 019 นะครับ

 

 

        อิ่มท้องกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาจริงๆ ของการตะลุยเที่ยวใน เมืองพนมเปญ กันเลยดีกว่า เย้ๆ ! เราขอเริ่มจากที่เที่ยวแรก เอาใจสายประวัติศาสตร์ แนวการเมือง ก่อนเลยเนอะ อย่างที่ พิพิธภัณฑ์เรือนจำตวลแสลง (Tuol Sleng Genocide Museum) บอกเลยว่าที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่สะเทือนอารมณ์มากที่สุด

        อ่านรีวิวพิพิธภัณฑ์เรือนจำตวลแสลง ที่นี่ : เปิดตำนาน การสังหารหมู่ ที่ ทุ่งสังหาร นรกในกัมพูชา โหดร้ายสุดพรรณนาถึง 18+

 

 

        หากย้อนอดีตไปหลายสิบปีก่อน ที่นี่เคยเป็นโรงเรียนมาก่อน แต่ภายหลังเขมรแดง ได้ยึดพื้นที่ แล้วเปิดเป็นศูนย์กลางของการทรมานนักโทษ ! ซึ่งถ้าจะให้เรานับ ก็คงเป็นหลักหมื่นคนเลยทีเดียว

 

 

        ด้านในมีห้องขัง บรรยากาศจริงๆ แบ่งแยกเป็นอาคารอย่างชัดเจน รวมไปถึงที่นี่ยังจัดแสดงรูปภาพการทรมานเหล่ากลุ่มนักโทษ พร้อมอุปกรณ์ทรมานสมัยอดีตจริงๆ แค่เราพูดมาแค่นี้ ก็ขนลุกแล้ว บอกเลยว่ามาดูด้วยตาตัวเองที่นี่ จะรู้สึกขนลุกยิ่งกว่าครับ

 

 

        สะเทือนใจไปกับ พิพิธภัณฑ์เรือนจำตวลแสลง ใจกลางเมืองพนมเปญ กันไปแล้ว เราก็ขอพาทุกคนไปเปลี่ยนฟีล และเพิ่มพลังบวกกันต่อที่ พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล (Royal Palace Of Phnom Penh) ที่นี่ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์สำคัญ ของการมาเยือนเมืองพนมเปญ เลยนะ ! ดังนั้นห้ามพลาดเด็ดขาด

 

 

        ที่นี่เป็นกลุ่มอาคารพระราชมนเทียรของพระมหากษัตริย์กัมพูชา โดยพระเจ้าแผ่นดินเสด็จประทับที่นี่นับแต่แรกสร้างในปี ค.ศ. 1866 เรียกได้ว่าใครที่เป็นสายชอบเดินชมสถาปัตยกรรม และสายถ่ายรูป จะต้องชอบที่นี่อย่างแน่นอน ขนาดเราเองยังเดินถ่ายรูปกันจนเหนื่อย ฮ่าๆ

 

 

        ที่เที่ยวต่อมา ซึ่งอยู่ติดกัน ก็คือ พระเจดีย์เงิน หรือ วัดพระแก้ว ห้ะ ! ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ เขาเรียกว่าวัดพระแก้วจริงๆ เหมือนบ้านเรา เพียงแต่ว่าที่นี่จะเป็น วัดพระแก้วเขมร

 

 

        และเหตุผลอีกอย่างที่เรียกที่นี่ว่า พระเจดีย์เงิน ก็เพราะว่า พื้นของอาคารปูลาดด้วยแผ่นเงินกว่า 5,000 แผ่น แต่ละแผ่นหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม อีกด้วยเชียวนะ โอ๊ยยยย สตอรี่ดี และแพงมาก แถมภายในยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวกัมพูชาอีกด้วย มาถึงที่พนมเปญทั้งที ก็อย่าพลาดที่จะเข้ามากราบไหว้ ขอพรนะครับ

 

 

        เราใช้เวลาอยู่ตรงจุดนี้ จนถึงเวลาประมาณ 17.00 น. ก็ถึงเวลาไปลุยกันต่อ ที่ วัดพนม เนี่ย ! วันเดียว ต้องเที่ยวให้คุ้ม ฮ่าๆ วัดพนมตั้งอยู่ใจกลางเมืองพนมเปญ ใกล้ตลาดเก่า ดังนั้นทุกสามารถเรียกแท็กซี่ หรือ Grab เดินมาได้อย่างสะดวก

 

 

        แม้เราจะใช้เวลาอยู่ตรงบริเวณวัดพนม ไม่นานมาก แต่เราก็ได้เดินเล่น ถ่ายรูป และไหว้พระ ขอพร ครบ! ชาวพนมเปญได้เล่าให้เราฟังว่า ที่นี่ในอดีต เคยมีเศรษฐีนีชาวเขมร ชื่อเพ็ญ บังเอิญพบพระพุทธรูปน้ำพัดมาเกยฝั่งหลายองค์ ด้วยความที่เธอมีความเชื่อ และศรัทธาในศาสนาอยู่แล้ว เธอจึงสร้างวัดขึ้นมาบนยอดเขาที่อยู่ใกล้ๆ จึงเรียกกันเรื่อย ต่อๆ กันมาว่า พนมเปญ แปลว่า เขายายเพ็ญ

 

 

        เที่ยวเล่นกันจนเหนื่อยแล้วสำหรับวันแรก ก็ถึงเวลามื้อเย็น กันแล้ว โดยมื้อนี้เราได้ฝากท้องไว้กับ ภัตตาคาร Hun Nam แค่ชื่อก็น่าจะเดากันออกแล้ว ว่ามันต้องเป็นอาหารจีนแน่ๆ บอกเลยว่าอาหารจีนร้านนี้อร่อยมาก รสชาติที่ไม่ได้จืด อย่างที่หลายคนคิด แต่เมนูที่เราชอบมากที่สุด ก็คือเมนู ปลาซาบะย่างซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน เนื้อปลาถูกย่างมาได้สุกกำลังดี เนื้อด้านในยังมีความชุ่มฉ่ำ รสชาติหวาน โอ๊ยยย เราคอนเฟิร์มว่าดีจริงๆ ครับ

 

 

        อิ่มท้องกันไปแล้ว ก็ได้เวลากลับโรงแรมไปนอน พักผ่อนเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปเที่ยวชม นครวัด เมืองเสียมราฐ ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคืนนี้เราได้จองที่พัก ชื่อว่า PHNOM PENH ERA HOTEL บอกเลยว่าห้องกว้างมาก หลับสบาย เต็มอิ่มแน่นอน

 

 

        สำหรับคืนนี้ “ฝันดีครับ”

 

DAY 02 : นครวัด อีก 6 ชั่วโมงเจอกันนะ

 

 

         ครับ ! ที่ต้องตั้งชื่อว่า “นครวัด อีก 6 ชั่วโมงเจอกันนะ “ ก็เพราะวันนี้เราจะต้องตื่นตั้งแต่ ตี5 อาบน้ำ แต่งตัว ลงมาทานข้าวเช้า ชั้นล่างของโรงแรม ให้เสร็จเรียบร้อยทุกอย่งก่อน 07.00 น. เพื่อที่จะเดินทางไปเมือง เสียมราฐ

 

 

        แก ! เนื่องจากเมืองเสียมราฐ ตั้งอยู่ห่างจากเมืองพนมเปญ ประมาณ 300 กว่ากิโลเมตร ไม่แปลกเลยครับ ที่เราจะต้องนั่งรถบัส โดยใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง เอาเป็นว่าเราจะไม่พูดถึงระหว่างทางล่ะกันเนอะ เพราะตัวเราเองก็หลับตลอดทาง ฮ่าๆ เราเหยียบพื้นดิน เมืองเสียมราฐก้าวแรก ตอน 12.30 น. แน่นอนว่า ทริปนี้สัญญาไว้ว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง !

        เราได้ฝากท้องไว้กับร้านอาหารซีฟู้ดร้านนึง แถวตลาดเสียมราฐ แต่จำชื่อร้านไม่ได้ ! อ่านไม่ออก ขอโทษน้าาาา ! เอาเป็นว่ามื้อนี้อร่อยเกือบทุกเมนูเลยล่ะครับ รสชาติจัดจ้านสไตล์ไทยๆ แต่ที่ต้องยกให้เป็นอันดับหนึ่งเลย ก็คือ เมนูออส่วนเลยครับ แป้งมีความนุ่ม หอมกลิ่นน้ำมันงาอีกด้วย ส่วนตัวเนื้อหอยนางรม ก็สด ไม่มีกลิ่นคาวอีกด้วย

 

 

        เมื่ออิ่มท้องกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาเที่ยวกันอย่างจริงจังสักที ! แน่นอนว่าแพลนของเราในช่วงบ่ายวันนี้ คือการไปเที่ยว ปราสาทนครวัด ที่นี่ถือว่าเป็นมรดกโลกที่น่าสนใจเป็นอย่างมากพลาดไปคงเสียดายน่าดูเนอะ

        อ่านรีวิวเที่ยวนครวัดแบบเต็มๆ ที่นี่ : เที่ยวหนึ่งวัน เดินเล่น ชมมรดกโลก นครวัด เมืองเสียมราฐ กัมพูชา สัมผัสปราสาทหินอายุกว่าพันปี ที่เห็นแล้วต้องทึ่ง

        ซึ่งค่าตั๋วในการเข้าชมนครวัดทั้งหมด 1 Day Pass ราคาจะอยู่ที่ 37 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณไม่เกิน 1,500 บาทไทย บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวไม่คุ้มนะครับ เพราะ นอกจากปราสาทนครวัดแล้ว ด้านในพื้นที่แห่งนี้ ยังมีจุดปราสาทอื่นๆ อาทิ ปราสาทตาพรหม ปราสาทบายน และปราสาทอื่นๆ อีกมากมาย

 

 

        แอบกระซิบบอกว่าตอนซื้อตั๋ว เจ้าหน้าที่จะถ่ายรูปเรา แล้วแปะลงในตั๋วด้วย บัตรใบเดียวสามารถเข้าชมได้ทุกปราสาท ดังนั้นห้ามทำหายเด็ดขาด ! เพราะทุกปราสาท จะมีเจ้าหน้าที่ขอตรวจเสมอ เมื่อได้ตั๋วมาอยู่ในมือแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนรถบัส เป็นคนเล็กด้วยนะ เพราะด้านในพื้นที่นครวัด ไม่อนุญาตให้รถบัสคันใหญ่ เข้าด้านใน ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวปราสาทชำรุด และทรุดโทรมอีกด้วย

 

 

        เรามีเวลาเพียงครึ่งวัน ในการเที่ยวนครวัด ดังนั้นแพลนที่เราวางไว้ จะขอเริ่มจากจุด ปราสาทตาพรหม แล้วต่อด้วยปราสาทบายน และไปจบที่ปราสาทนครวัด ครับ เริ่มต้นกันที่จุด ปราสาทตาพรหม กันก่อน บอกเลยว่าใครที่เป็นแฟนคลับภาพยนตร์ชื่อดังระดับฮอลลีวูดเรื่อง Tomb Raider ล่ะก็ จะต้องคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี

 

 

        ที่นี่เป็นปราสาทที่ถูกทิ้งร้างมานานถึง 500 ปี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1729 ถือเป็นปราสาทหินในยุคสุดท้ายของอาณาจักรขอม ภายในตัวปราสาทจะมีภาพแกะสลักที่สะท้อนให้เราได้เห็นถึงเรื่องราวทางพุทธประวัตินิกายมหายานอีกด้วย รวมไปถึงไฮไลท์ในการมาที่นี่ ก็เพื่อมาชมมุมปราสาทจุดนึง ที่มีต้นไม้ใหญ่ ขึ้นแทรกตัวระหว่างปราสาทหิน อย่างน่าอัศจรรย์ แถมจุดนี้ก็ยังเป็นจุดถ่ายรูปประจำนักท่องเที่ยวอีกด้วย อ้ะ ! ต้องแชะสักหน่อยล่ะกัน

 

 

        ไปกันต่อกับจุด ปราสาทบายน บอกเลยว่าปราสาทที่นี่สวย และขลังเป็นอย่างมาก เพียงแค่ก้าวเท้าลงจากรถบัส ลมพัดเย็นๆ ก็ลอยมาทันที ! ขนลุก ปราสาทแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเขมร นับเป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกอีกด้วย แถมยังมีความงดงาม และความซับซ้อน ในแง่การสร้างตัวปราสาท

 

 

        ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือภาพแกะสลักอายุราวๆ 1,000 ปี และหอรูปหน้าหันสี่ทิศ ที่ปัจจุบันเหลือเพียง 37 หอ แล้วนั่นเอง เอาเป็นว่ามันยิ่งใหญ่ สมกับตำแหน่งมรดกโลกอีกแห่งนึงเช่นกันครับ

 

 

        เอาล่ะ ถึงเวลาของจุดสุดท้ายในวันนี้แล้ว กับจุด ปราสาทนครวัด ที่เราใฝ่ฝันว่าอยากมาสักครั้งในชีวิต จนตอนนี้มันก็มาถึงแล้วซินะ ! ปราสาทนครวัด เปรียบเสมือนวิมานของเทพเจ้าสูงสุดที่บรรจงชะลอลงมาประดิษฐานไว้ในโลกมนุษย์ และที่จุดแห่งนี้ยังถือเป็นจุดสำคัญที่สุด ในพื้นที่เขตนครวัดอีกด้วย

 

 

        ที่นี่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 1650 โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 โดยถวายเป็นพุทธบูชา สิ่งที่เราชื่นชอบมากๆ ในปราสาทแห่งนี้ ก็คือ การเดินชมรูปสลักนางอัปสรจำนวนนับหมื่นองค์ แต่เราก็คงชมไม่ครบทั้งหมื่นองค์หรอกนะ ฮ่าๆ

 

 

        แถมนอกจากจะได้ชมรูปสลักนางอัปสรแล้ว บริเวณด้านในก็ยังมีภาพแกะสลักนูนต่ำ การกวนเกษียณสมุทร ให้เราได้ร้อง ว้าว ! ออกมาอีกด้วย

 

 

        ก่อนเดินทางกลับ เราได้มีโอกาสขึ้นบันไดไปชมวิว และกราบไหว้พระ ที่จุดสูงสุดของปราสาทนครวัดอีกด้วย แม้บันไดจะสูง และชันแค่ไหน แต่การได้ขึ้นไปถึงด้านบนแล้ว ทุกคนจะหายเหนื่อยทันที เพราะมันสวย งดงามมาก วิวที่ทุกคนจะได้เห็น ก็คือ พื้นที่ล้อมรอบทั้ง 4 ทิศ ของปราสาทนครวัด นั่นเองครับ

 

 

        เมื่อเดินชมปราสาทนครวัดกันเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางกลับเข้าสู่กลางเมืองเสียมราฐ เพื่อหาอะไรทานอร่อยๆ กันก่อนเข้าโรงแรม จะบอกว่า ในเมืองเสียมราฐมีร้านอาหาร แนวสตรีทฟู้ดเยอะมาก แถมราคาก็ไม่ได้แรงอะไรมากอีกด้วย

        อิ่มกับเมนูสตรีทฟู้ดในเมืองเสียมราฐกันแล้ว ก็ขอแวะการแสดงอังกรโรซาน่าบรอดเวย์ สักหน่อยที่ Rosana Broadway top attractions in Siem Reap บอกเลยว่าหากใครมีเวลาสักนิดล่ะก็ แนะนำให้มาดูกันเลย ราคาค่าเข้าชมก็ไม่แรง สบายกระเป๋าแน่นอน

 

 

        ที่นี่ถือเป็นคาบาเร่ย์โชว์สาวประเภทสองแห่งแรกในกัมพูชา โดยมีโชว์ไฮไลท์ อย่างระบำนางอัปรา ซึ่งเป็นโชว์ประจำชาติของกัมพูชา นั่นเองครับ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรล่ะก็ อย่าลืมมาลองกันดูนะครับ

 

 

        เหนื่อยจริงๆ แล้วล่ะ ! ถึงเวลาเข้าเช็คอินโรงแรมกันแล้วสำหรับคืนนี้ เราได้จองที่พัก Royal Empire Hotel เอาไว้ 1 คืน ก่อนที่จะเดินทางกลับไปพนมเปญ วันพรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ ห้องพักที่นี่ก็กว้างขวาง สะดวกสบาย ไม่ไกลจากใจกลางเมืองเสียมราฐอีกด้วย

 

 

        สำหรับคืนนี้ “ฝันดีนะครับ”

 

DAY 03 : เสียมราฐครึ่งนึง พนมเปญครึ่งนึง

 

 

        ถามว่าเมื่อคืนหลับสบายหรือเปล่า ? บอกเลยว่า ม้วนเดียวจบจริงๆ ไม่มีการตื่นระหว่างคืน ฮ่าๆ แม้เมื่อวานเราจะใช้พลังงานไปเยอะ สำหรับการเข้าชมนครวัด แต่เราก็ยังคงต้องไปต่อ !

        สำหรับแพลนในช่วงเช้าของวันนี้ เราก็ขอเข้าโหมดมูเตลู พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย โดยการไปกราบไหว้ ขอพรให้ดวงปังๆ กันที่ ศาลองค์เจ๊ก องค์จอม สถานที่สำคัญที่ใครไป ใครมา ต้องห้ามพลาดที่จะมากราบไหว้

 

 

        ที่นี่มีชื่อเสียงตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ซึ่งในสมัยนั้นองค์เจ๊ค องค์จอม มีความสามารถในเรื่องการรบเป็นอย่างมาก จึงเป็นที่เกรงขามของข้าศึกศัตรู แต่เห็นเก่งกาจ ดุดันขนาดนี้ แต่พระองค์ก็มีความใจดี อ่อนโยนนะครับ เลยไม่แปลกที่ชาวบ้าน และคนสนิทรอบข้างเคารพนับถือ

        ต่อมาอีก 400 ปี ประเทศกัมพูชาได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และได้มีการศึกษาประวัติของเจ้าเจ๊ก และเจ้าจอม จึงเห็นว่าทั้งสองพระองค์เหมาะที่จะเป็นบุคคลตัวอย่าง เลยสร้างรูปปั้นขึ้นมาตั้งไว้ อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน นั่นเองครับ

 

 

        เมื่อไหว้ ขอพรกันเสร็จแล้ว ระหว่างเดินกลับไปขึ้นรถบัส ก็ได้ผ่านอุโมงค์ต้นไม้สีเขียว ใหญ่โตอีกด้วย แต่ที่แปลกก็คือ บนต้นไม้ใหญ่นี้ มีเหล่าค้างคาวอาศัยอยู่เพียบ โหยยยยยย ไหนบอกค้างคาวกลัวแสงแดดไง ฮ่าๆ

 

 

        ก่อนเดินทางกลับไปนอนที่พนมเปญอีกหนึ่งคืน เราได้ส่งท้ายการเที่ยวเมืองเสียมราฐ กันที่ ตลาดซาจ๊ะ ตลาดเก่าที่มีของขายพื้นเมือง อาทิ ผ้าพันคอ เสื้อยืด หินไม้แกะสลัก และอื่นๆ อีกเพียบ !

 

 

        แม้จุดมุ่งหมายสำคัญของการมาที่ตลาดแห่งนี้ คือการได้เลือกซื้อของฝากกลับบ้าน แต่ ! แต่ ! แต่ ! เรากลับเพลิดเพลินกับสถาปัตยกรรม บ้านเมืองบริเวณแถวตลาดมากกว่า มันมีความสวย จนเราถ่ายรูปกันเพลินเลยทีเดียว อ้าว ! แล้วของฝากล่ะ ?

 

 

        บอกลาเมืองเสียมราฐ กันไปอย่างถาวร แล้วเจอกันใหม่ ในครั้งหน้า คราวนี้ก็ถึงเวลาของการนั่งรถบัสมุ่งหน้าสู่เมืองพนมเปญกันอีกครั้ง ครับ ! 6 ชั่วโมงผ่านไป เผลอๆ ก็ 7 ด้วยซ้ำ เพราะรถติดมากๆ ในถนนเส้นเข้าเมืองพนมเปญ คืนนี้ถือเป็นคืนสุดท้ายแล้วสำหรับทริปนี้ เราเองก็ใจหายไม่แพ้กัน ฮ่าๆ

 

 

        ดังนั้นคืนนี้ อาจจะต้องออกท่องยามราตรีกันสักหน่อย เมื่อเรานำกระเป๋า สัมภาระทั้งหมดไปเก็บที่โรงแรม PHNOM PENH ERA Hotel เรียบร้อยแล้ว (โรงแรมเดิมที่คืนแรกมานอนนั่นแหละ) ก็ได้ลงมาทานข้าวเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรม

        โอ๊ยย มื้อนี้จัดเต็มเว่อร์ ทั้งกุ้งแม่น้ำเผา ไก่บ้านต้มซีอิ๋ว และอื่นๆ อีกมากมาย เอาเป็นว่ากลับไทยรอบนี้ น้ำหนักขึ้นก็ยอม !

 

 

        หลังจากอิ่มมื้อเย็นกันเสร็จแล้ว ก็ได้มีโอกาสออกไปนั่งดริ้ร้านแฮงค์เอาท์แถวโรงแรม ซึ่งถือเป็นการปิดท้ายทริปที่ลงตัวมากสำหรับเรา (เหรอ?) แอบกระซิบบอกอีกครั้ง เพราะจำไม่ได้ว่าบอกไปแล้วยัง ว่า “เบียร์ที่กัมพูชา ราคาถูกมาก ถูกพอๆ กับน้ำอัดลมเลยล่ะ” ใครที่เป็นสายดื่ม ห้ามพลาดเด็ดขาด ของมันต้องมี !

        เรานั่งชิลที่ร้านแฮงค์เอาท์จนถึงตอนเที่ยงคืนนิดๆ ก็ถึงเวลากลับไปพักผ่อนที่โรงแรม เพราะพรุ่งนี้เช้า เราจะต้องตื่นเช้ามาก เพื่อที่จะไปขึ้นเครื่องให้ทัน ในไฟล์ท 07.55 น. มาลุ้นกันว่า เราจะตื่นทันไปขึ้นเครื่องหรือเปล่า ฮ่าๆ

        สำหรับคืนนี้ “ฝันดีครับ”

 

DAY 04 : ค่อยเจอกันใหม่นะครับกัมพูชา

 

 

        งานเลี้ยงก็ต้องมีจังหวะเลิกรา การเดินทางก็เช่นกัน ! หลังจากที่เมื่อคืนเราได้กลับมาพักผ่อนที่โรงแรมตอนเที่ยงคืนนิดๆ เสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นอีกครั้ง ตอนเวลา 04.45 น. คุณพระ ! จำเป็นต้องเช้าเบอร์นี้เลยป่ะ

        เราได้อาบน้ำ แต่งตัว แบกกระเป๋าไปขึ้นรถบัส เพื่อจะต้องไปเช็คอินให้ทัน ที่สนามบินพนมเปญ ระหว่างทางที่นั่งรถบัสไปสนามบิน ก็มีฟีลหลับบ้าง ใจหายบ้าง ไม่อยากกลับบ้าง แต่ ! ยังไงก็ต้องกลับอ่ะเนอะ

 

 

        ดังนั้นเราขอสรุปทริปนี้เลยล่ะกันว่า กัมพูชา เป็นอีกหนึ่งประเทศเพื่อนบ้าน บินไม่ไกลจากไทย ที่ทุกคนต้องมาสัมผัสแบบเราสักครั้งในชีวิตให้ได้ เพราะนอกจากนครวัด ปราสาทหินต่างๆ แล้ว ที่นี่ยังมีวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมอื่นๆ ให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกันอีกด้วย อีกทั้ง เรื่องการใช้เงินของที่นี่ก็ง่าย สะดวกสบาย แถมใช้งบไม่แพง !

        เจอกันทริปหน้านะครับ อย่าลืมไปเที่ยวกันล่ะ บั้ยยยยย

 

ขอบคุณทริปดีๆ จาก TrueYou , Wonderfulpackage และ Lanmei Airlines

 

ที่เที่ยว อาเซียน อื่นๆ ที่น่าสนใจ ต้องไปเลย 

สะบายดีลาว ! เที่ยวเวียงจันทน์ วันเดียว งบไม่เกิน 1500 บาท ไปเช้าเย็นกลับ

10 ที่เที่ยว หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก

 

อัพเดทที่พักสุดชิลล์ ที่เที่ยวสุดมันส์ ที่กินสุดฮิป

ติดตาม travel.trueid.net ได้ที่