“เก็บเรื่องมาเล่า โดยหนุ่ม-สุทน” สุขสันต์วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562 บันทึกการการเดินทาง วันนี้ ต้องบันทึกไว้เลยว่าอากาศหนาวในกรุงเทพมหานคร ซึ่งหาได้ยากมากๆ ครับ สำหรับวันนี้ หนุ่ม-สุทน มีเรื่องมาเล่าให้ฟังเหมือนเดิมครับ ตามเหตุผลที่ได้เดินทางไปสำรวจเส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปตามเส้นทางสายมิตรภาพ-สระบุรี แต่หนุ่ม-สุทนเข้าเส้นทางเลียบคลองระพีพัฒน์ เป็นคลองที่ขุดขึ้นมาสมัยรัชกาลที่ 5 มีถนนเลียบคลองระพีพัฒน์เขต อ.หนองแค จ.สระบุรี ไปเชื่อม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยาได้ครับ ส่วนริมคลองระพีพัฒน์เป็นที่ตั้งวิหารหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ตามชื่อของชาวบ้านเรียกขานกันเองในปี พ.ศ. 2502 ตรงกับวันจันทร์ที่ 2 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 12 ปีกุน เพราะเป็นวันที่พบองค์หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ครับ สังเกตเห็นว่าจะตรงกับเลข 2 ก็น่าแปลกดีนะครับ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเรื่องราวความเป็นมาของหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์องค์นี้นั้นพบโดยเจ้าหน้าที่หรือคนงานกรมชลประทานที่มีหน้าที่ดูแลประตูน้ำกั้นคลองระพีพัฒน์ชื่อประตูน้ำพระเอกาทศรถครับ เจ้าหน้าที่หรือคนงานมาขุดดินเพื่อถมที่ดินบริเวณที่ถูกน้ำกัดเซาะตลิ่งพัง ปรากฏว่าขุดพบดินเป็นก้อนแต่แข็งมากๆ เมื่อมองแล้วคล้ายๆ รูปปั้นองค์พระพุทธรูป เมื่อชาวบ้านรู้ข่าวต่างพากันมาดูก็คิดกันต่างๆ นานาว่าคนงานคงเห็นดินแข็งๆ ก็เลยปั้นเป็นองค์พระพุทธรูป ยังไม่เชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปจริงครับ แล้วก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมีชาวบ้านชื่อนางฝอยรับจ้างหาบข้าวมาลงเรือ พอเดินทางกลับผ่านองค์พระซึ่งยังไม่มีใครเชื่อว่าเป็นพระพุทธรูป นางฝอยจึงเอาเปลือกอ้อยและใบมะขามเทศปักไว้เพื่อล้อเลียนว่าฉันได้บูชาแล้วนะ เมื่อกลับมาถึงบ้าน เกิดเหตุป่วยไข้และปวดหัวอย่างหนัก นางฝอยก็คิดได้ว่าหรือคงจะเป็นเพราะสิ่งที่เราไปล้อเล่นองค์หลวงพ่อเป็นดินแน่นอน นางฝอยได้กลับมาจุดธูปเที่ยนขอขมาที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินไป ปรากฏว่าหายป่วยทันทีทันใจ ต่อมาชาวบ้านในตลาดอยากรู้เหตุการณ์เป็นจริงหรือไม่ ได้พากันไปหาเจ้าเข้าทรงหรือคนเข้าทรง โดยเจ้าเข้าทรงเล่าเรื่องให้ฟังว่าย้อนอดีตกลับไปสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีบริเวณนี้มีนายทัพมารอเพื่อจับช้างหรือคล้องช้างอยู่ที่นี่ 3 วันไม่พบช้างก็เลยนอนหลับพักผ่อนปรากฏว่าพระเครื่องคล้องคอล้นหายหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอและเชื่อว่าเทวดาคงปกปักรักษาองค์พระเครื่องเอาไว้กลายเป็นดินแข็งแล้วคนงานได้ขุดดินพบคล้ายๆ พระพุทธรูปครับและยายหนูก็ถามเจ้าเข้าทรงว่าท่านชื่ออะไร! เจ้าเข้าทรงบอกให้ยายหนูไปทำพิธีตั้งศาลเพียงตาในเดือน 12 แล้วนิมนต์พระสงฆ์ 5 วัดวัดละ 1 รูปยายหนูก็ทำตามจึงรู้ว่าสำเร็จศักดิ์สิทธิ์และต่อมาชาวบ้านเรียกหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ถึงทุกวันนี้ครับ ส่วนด้านหลังวิหารหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์คือตลาด ต.คชสิทธิ์ อ.หนองแค จ.สระบุรี มีร้านหอยทอดและผัดไทยแบบโบราณขายในตลาดมาแล้ว 35-40 ปีครับ นั่งกินหอยทอดหรือผัดไทยแบบชาวบ้านได้อรรถรสดีครับ ได้เวลาพอสมควรเดินทางต่อไปเส้นทาง อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ผ่านร้านกาแฟสดริมคลองตามสไตล์ หนุ่ม-สุทน ต้องแวะจิบกาแฟสดครับนั่งเล่นชิวๆ และหาข้อมูลด้วยฮิฮิ ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านกาแฟริมคลองเขาบอกทุกวันเสาร์ อาทิตย์ นักท่องเที่ยวจะแวะนั่งดื่มกาแฟสดและสเต็กหมูหมักเนื้อนุ่มๆ ครับแต่หนุ่ม-สุทน หันไปเห็นไอติมโบราณก็เลยทดลองจิบกาแฟสดเข้มๆ กินไอติมโบราณเป็นแท่งๆ ได้อรรถรสดีว้าวๆ หวานนิด เข้มด้วยรสชาติกาแฟสดดีจุงเบย ใครอยากลองจิบกาแฟสดบวกไอติมโบราณได้ครับ เดินทางต่อไปศึกษาประวัติศาสตร์ที่บ้านโพสาวหาญติดกับวัดพรานนก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเรื่องราวด้านประวัติศาสตร์เมื่อครั้งที่ชาวสยามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2309 ครั้งนั้นพระยาตากสินหรือพระยาวชิรปราการหรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้รวบรวมผู้คนในกรุงศรีอยุธยาประมาณ 500 ชีวิตตีฝ่าวงล้อมของกองทัพพม่าออกเดินทางมาบ้านโพสาวหาญเพื่อนำเสบียงรวมถึงชาวบ้านที่จะรวมกันกอบกู้เอกราชกรุงศรีอยุธยากลับมาคืนมาให้ได้ครับ ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปศึกษาประวัติศาสตร์ที่บ้านโพสาวหาญได้ สำหรับวัดพรานนก 1.อนุสรณ์สถานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 2.พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจัดสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา 3.นมัสการองค์หลวงพ่อแดงพระพุทธรูปศิลาของวัดพรานนกและรูปหล่อหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดด้วยครับ ได้เวลาพอสมควรเดินทางต่อเข้าเส้นทาง อ.วังน้อยถึงตัวพระนครศรีอยุธยาพักผ่อน 1 คืนเป็นการเดินทางแบบวงรอบที่น่าสนใจและหนุ่ม-สุทนเชื่อว่าต่อไปนี่แหละนักท่องเที่ยวจะเดินทางตามที่หนุ่ม-สุทนแนะนำนะครับ เรื่องและภาพโดย : หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์ แฟนเพจเฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/ #เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน #รักษ์เที่ยว #รักษ์ทะเลไทย #รักษ์สุมทรสงคราม #รักษ์ตัวเองนะ #คนรักษ์กาแฟ #bigmaptravel #เที่ยวเพลิน #tourismlocallife #STNewsThailand