คราวที่แล้วเราพาทุกคนไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “มินิแกรนด์แคนยอนเมืองไทย” อย่าง “หาดชมดาว” กันไปแล้ว วันนี้เราจะพาทุกคนมาเที่ยวชมต้นไม้เรืองแสงในยามค่ำคืนที่วัดสิรินธรวรารามภูพร้าวค่ะ รับรองว่าสวยงามจนต้องลั่นชัตเตอร์กล้องรัว ๆ เลยล่ะค่ะ ^^ “วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว” หรือเรียกกันอย่างสั้น ๆ ว่า “วัดภูพร้าว” แต่คนส่วนมากมักนิยมเรียกหรือขนานนามกันว่า “วัดเรืองแสง” ซึ่งวัดแห่งนี้วัดไทยสุด Unseen ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงก่อนถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องเม็ก ชายแดนไทย-ลาว ในอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ที่จำลองสภาพแวดล้อมของเขาไกรลาศหรือวัดป่าหิมพานต์ ถือได้ว่าวัดภูพร้าวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดอุบลราชธานีอีกแห่งหนึ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้ชม “ต้นไม้เรืองแสง” หรือการเรืองแสงสีเขียวของต้นกัลปพฤกษ์ทางด้านหลังพระอุโบสถสีปัดทองในยามค่ำคืนแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม อย่างวิวแม่น้ำโขง, วิวฝั่งประเทศลาว, ด่านสากลช่องเม็ก และอ่างเก็บน้ำบริเวณเชิงเขาที่คล้ายทะเลสาบ รวมทั้งการชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกในตอนเช้าและตอนเย็นอีกด้วยค่ะ เมื่อเดินทางมาถึงบนยอดเขาก็จะเห็นพระอุโบสถสีปัดทองขนาดใหญ่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางวัดภูพร้าว ซึ่งไฮไลต์หรือจุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ “ต้นไม้เรืองแสง” หรือการเรืองแสงสีเขียวของต้นกัลปพฤกษ์ อันเป็นลวดลายจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ทางด้านหลังของพระอุโบสถค่ะ สำหรับต้นไม้เรืองแสงนี้เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิตในภาพยนตร์เรื่อง “อวตาร” โดยเขายังเป็นผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตนเองและทาสารฟลูออเรสเซนต์หรือสารเรืองแสงฟอสเฟอร์ (Phosphor) ลงไปรอบ ๆ ต้นกัลปพฤกษ์อีกด้วย ทำให้ต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสงสีเขียวอย่างสวยงามที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเฉพาะในยามค่ำคืน หลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ทั้งนี้เพราะสารฟลูออเรสเซนต์หรือสารเรืองแสงมีคุณสมบัติในการรับแสงพระอาทิตย์ช่วงกลางวันและฉายแสงชัดเจนช่วงกลางคืนค่ะ หากต้องการมาเที่ยวชมและถ่ายภาพ “ต้นไม้เรืองแสง” เราขอแนะนำว่าให้มาเที่ยวชมในช่วงคืนเดือนมืดและช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 น. กับช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00 - 19.30 น. จะดีกว่าค่ะ เพราะยิ่งมืดมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเห็นต้นไม้เรืองแสงได้อย่างชัดเจนและสวยงามมากขึ้นเท่านั้น และหากโชคดีก็อาจได้เห็นดวงดาวมากมายส่องแสงสุกสกาวเต็มท้องฟ้ารายล้อมพระอุโบสถอีกด้วยค่ะ สำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพควรเตรียมกล้องถ่ายรูปไว้ถ่ายภาพดีกว่า เพราะหากถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือจะทำให้ถ่ายภาพเรืองแสงได้ยากค่ะ นอกจากนั้นภายในวัดภูพร้าวยังมีสถาปัตยกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจให้ได้ชมอีกด้วย อย่างเช่น “อนุสรณ์เจดีย์” ของพระครูกมลภาวนากร (หลวงพ่อสีทน กมโล) ที่เป็นลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์บุญมาก ผู้ก่อตั้งวัดภูพร้าว ซึ่งอยู่ด้านข้างของพระอุโบสถสีปัดทอง และ “พระประธาน” ประดิษฐานไว้ตรงกลางพระอุโบสถสีปัดทอง มีลักษณะคล้ายพระพุทธชินราชในจังหวัดพิษณุโลก เพียงแต่จะนำส่วนรัศมีออกไปเพื่อให้ดูกลมกลืนกันมากยิ่งขึ้น โดยฉากหลังของพระประธานทำเป็นต้นโพธิ์และติดด้วยแผ่นพระทองไว้ตรงเบื้องบนค่ะ หากใครมาเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานี ห้ามพลาดที่จะแวะมาเที่ยวชม “ต้นไม้เรืองแสง” ในยามค่ำคืนที่วัดภูพร้าวกันนะคะ ไม่งั้นจะถือว่ามาไม่ถึง! และหากโชคดีอาจเห็นฝูงทางช้างเผือกเชือกใหญ่เปล่งประกายบนท้องฟ้าอย่างสวยงามเหนือพระอุโบสถสีปัดทองก็ได้ ใครจะไปรู้ จริงมั้ยคะ? 😁😁😁 📍 ปักหมุดได้ที่: วัดสิรินธรวราราม 99 ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี 34350🚘 GPS: https://goo.gl/maps/AYDaaohpXZisbeJV7📞 โทร: ททท.อุบลราชธานี 04-524-3770🏡 เปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 - 21.00 น. Credit ภาพหน้าปก, ภาพประกอบบทความโดย: Canva, Windy_55 (ผู้เขียน) อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !