สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ไปเดินป่าตามหาน้ำตกรูปหัวใจ หรือหลายคนอาจจะรู้จักในชื่อ น้ำตก เปรโต๊ะลอซู น้ำตกรูปหัวใจ เราได้มีโอกาสเดินทางไปในปี 2653 ในช่วงที่ยังไม่มีโควิดระบาดหนักเท่าปัจจุบันนี้ สาเหตุที่เราอยากมาเล่าเพราะแอบคิดถึงบรรยากาศการเดินป่า กินดิน กินฝน และเพื่อนร่วมทางที่ทำให้การเดินป่าเต็มไปด้วยความสนุก และเหนื่อยแสนสาหัส การไปเดินป่าครั้งนี้ยากตั้งแต่การเดินทางไป เพราะโค้งของจังหวัดตาก อำเภอแม่สอด มีมากถึง 1,219 โค้ง ซึ่งกว่าจะผ่านมาได้ก็ทำเอาเราเกือบถอดใจเลยค่ะ แต่พอผ่านโค้งมาได้เราจะได้เห็นวิวบรรยากาศรอบทางที่เต็มไปด้วยวิวภูเขาและป่าไม้ อากาศเย็น ๆ ของภาคเหนือที่โอบไปด้วยต้นไม้และภูเขารอบด้าน ถือว่าเป็นของโชคดีที่เราได้เห็นวิวสวย ๆ หลังจากที่อดทนผ่านโค้งมาได้เราตั้งหมุดเดินทางไปที่รีสอร์ท เพราะเราได้จ้างไกด์นำทางและการดูแลเมื่อเดินป่า ไม่ว่าจะเป็นที่พัก หรือ อาหารการกินเมื่ออยู่ในป่า ทางรีสอร์ทจะจัดเต็มไว้ให้ตามที่เราได้ตกลงกันค่ะ เมื่อถึงรีสอร์ทเราก็จะเดินทางโดยรถสองแถวของทางรีสอร์ทเพื่อส่งพวกเราไปที่ หมู่บ้าน ‘กุยเลอตอ’ ต้นทางเข้าของน้ำตก ‘เปรโต๊ะลอซู’ ระหว่างทางก็จะเห็นหมู่บ้านชาวเขาสัญชาติพม่าตั้งที่อยู่อาศัยและดำเนินชีวิตอยู่ที่บริเวณป่าและเขาในทางเข้าไปนำตกเปรโต๊ะลอซู เมื่อนั่งรถไปประมาณสักชั่วโมง-สองชั่วโมง ก็จะถึงโรงเรียนท่านผู้หญิงวิไล อมาตยกุล เป็นโรงเรียนเดียวในหมู่บ้านและทางเราได้โทรมาขออนุญาติขอพักเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ ซึ่งนี้เป็นที่พักของเราและเพื่อนอีก9 ชีวิตคืนแรกที่ได้เริ่มต้น ณ หมู่บ้าน กุยเลอตอ (การเดินทางของเราไปสามวันสองคืน วันแรกเราเลือกพักที่โรงเรียน ทางโรงเรียนให้นอนพักฟรีซึ่งพวกเราจ่ายค่าที่พักและน้ำไฟเป็นทุนการศึกษาให้กับน้อง ๆ ในโรงเรียน ส่วนวันที่สองนอนในป่าทางรีสอร์ทจึงคิดแค่ค่าเดินทาง อาหารและเต็นท์เพราะงั้นราคาจะไม่ได้สูงมากค่ะ)เมื่อทางรีสอร์ทส่งเราถึงโรงเรียนหมู่บ้านกุยเลอตอแล้ว ก็จะกลับและมาหาเราในวันรุ่งขึ้นส่วนอาหารที่กินก็จัดเตรียมกันคือมาม่าที่เตรียมมานั่นเองค่ะ ที่นอนก็เลือกเป็นเต็นท์สนามเพื่อกางนอนในโรงเรียน โชคดีที่น้อง ๆ ปิดเทอม ทำให้ไม่ได้มีการเรียนการสอน ในส่วนของอาบน้ำจะมีรำธารตรงหมู่บ้านสามารถอาบได้ ส่วนห้องน้ำจะมีอยู่ที่โรงเรียนหนึ่งห้อง ใครที่กลัวลำบากก็บอกไว้ตรงนี้นะคะว่าลำบากสุด ๆ เพราะงั้นก่อนมาให้เตรียมใจไว้เลยค่ะเพราะมาที่นี้ถือว่าลำบากเลย ในส่วนของสัญญาณอินเตอร์เน็ต ไม่มีค่ะ โดนตัดตั้งแต่ขึ้นเขาทางมาหมู่บ้านแล้ว แต่จะมีในส่วนของ wi-fi ของหมู่บ้านที่เราต้องซื้อจำกัดเป็นนาที ส่วนราคาเราไม่แน่ใจค่ะเพราะเดินทางไปนานแล้ว ร้านค้าก็จะมีของขายทั่วไป ขนม น้ำอัดลม ของใช้ เมื่อตกค่ำก็อาบน้ำที่ลำธาร กินกับข้าวที่ทำเอง กางเต็นท์นอนที่โรงเรียน เพื่อรอพรุ่งนี้เช้าไกด์นำทางจะพาเราไปขึ้นเขาตามหาน้ำตกโปรโต๊ะลอซู หรือ น้ำตกรูปหัวใจกันค่ะพอเราตื่นเช้าขึ้นเดินออกไปข้างนอกที่พักก็จะเห็นหมอกยามเช้า ฝูงไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ พร้อมทั้งอากาศเย็น ๆ น้ำค้างที่ตกอยู่บนหญ้า เป็นภาพและบรรยายที่สวยงามและหาดูได้ยากจริง ๆ ถ้าเทียบกับชีวิตคนเมืองอย่างพวกเรา 9 คน และในเวลา หกโมงเช้าโดยประมาณ ไกด์เดินทางก็มาเพื่อจะนำเราไปที่หมู่บ้านกุยลอตอ ห่างจากโรงเรียนไปนิดเดียวค่ะ แต่ด้วยคณะเดินทางเราเยอะเลยนั่งรถสองแถวไปที่ต้นทาง เมื่อถึงแล้วก็จะเห็นลูกหาบที่จะเสนอขายบริการขนของให้เรา อัตราการจ้างอยู่ที่น้ำหนักของกระเป๋าที่เราแบกไป ซึ่งพวกเราได้จ่ายค่าลูกหาบ ค่าไกด์ ค่าที่พักสำหรับพักในป่ากับทางรีสอร์ทไว้แล้ว ทำให้ในส่วนนี้เราไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไรค่ะ เมื่อเตรียมตัวพร้อม แล้ว แพ็คกระเป๋าเดินทางให้ดี และออกเดินทางไปตามหาน้ำตกรูปหัวใจกันเลยเราเดินทางผ่านป่าข้าวโพดในจุดแรกเป็นป่าที่ชาวบ้านปลูกไว้ตามฤดูกาล ระหว่างทางก็มีโคลนบ้าง ดินบ้าง สลับสับเปลี่ยนกันไป ส่วนบรรยากาศทางเดินเป็นภูเขาที่โอบเราไว้ท่ากลางป่าไม้ เจอเพื่อนร่วมทางต่างคณะบ้าง ทักทายบ้าง หยุดพักเมื่อเหนื่อย และเมื่อเดินไปสักพักก็จะเห็นกับสายน้ำที่ต้องเดินข้ามไป เป็นธารน้ำที่เราสามารถดื่มได้ (ไกด์บอก) ซึ่งพอได้ลองนำน้ำมาล้างหน้าล้างตาก็เย็นสดชื่นดีเลย ส่วนตัวเราไม่ได้ดื่มน้ำเลยไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง ส่วนเพื่อนที่ชิมก็บอกมาน้ำดื่มแล้วสดชื่นและรสชาติดีเลย เมื่อเดินผ่านน้ำตกไปได้สักพักทางก็จะค่อนข้างยากยิ่งกว่าเดิมค่ะ ด้วยความที่เป็นทางที่ยังไม่ได้สร้างเพื่อให้รถเข้าได้ทางเข้าไปจึงเป็นผืนป่าไม้ล้วนเลย บ้างทีก็จะเจอต้นไม้ต้นใหญ่ ๆ ขว้างทางไว้ตามธรรมชาติ ใครที่แบกสัมภาระหนักเกินตัวก็อาจจะเหนื่อยง่าย แนะนำว่าควรแบกในน้ำหนักที่เรารับได้และร้องเท้าเดินป่าต้องเป็นร้องเท้าที่เหมาะสำหรับเดินป่า ไม่หลวมและคับมากจนเกินไปเพื่ออำนวยความสะดวกตอนเดิน เมื่อเดินทางไปเรื่อย ๆ ไกด์ก็ให้เราได้พักสำหรับกินข้าวเที่ยงกัน ในส่วนของข้าวเที่ยงจะเป็นข้าหมูทอดธรรมดาที่หอมากับใบไม้ใหญ่ ๆ ซึ่งเราไม่ได้ถ่ายรูปไว้แต่ก็ยังประทับในใจในรสชาติที่อร่อยไม่รู้ว่าความเหนื่อยและหิวด้วยหรือเปล่า ร่วมๆแล้วเป็นรสชาติข้าวหมูทอดที่จำได้ไม่ลืมเลย พอพักกินข้าวกินน้ำพักเหนื่อยเติมพลังเสร็จ ก็เดินทางไปต่อค่ะ เดินทางไปที่จุดที่พักเพื่อจะจำสัมภาระไปเก็บไว้ ทางเดินก็ปีนป่ายโขดหินบ้างหรือแอบเดินยากบ้างใช้เวลาเดินสักพักไม่กี่อึกใจก็เดินทางมาถึงที่พักค่ะ เป็นที่พักกางเต็นท์อยู่ในป่าไม่เสียเงิน ใครที่ไปเองสามารถจำจองที่ได้เลย ส่วนเราไปกับทางรีสอร์ทเขาก็จะเตรียมหาที่ให้ กางเต็นท์ให้สำหรับนอนพัก หากับข้าวให้กินตามแพ็คเก็ตที่เราเสียเงินเลยค่ะ เต็นท์หนึ่งนอนได้สองคนเราก็จับจองเต็นและเก็บสัมาภาระ พักเหนื่อยสักแปปก็เตรียตัวเดินทางไปน้ำตกต่อ บอกเลยว่าร่างกายและใจต้องพร้อมที่เดินทางต่อสู้ความเหนื่อยและปวดตัวต่อเพื่อไปยังเป้าหมายของเรา น้ำตกรูปหัวใจ! พอเราเตรียมตัวไปหาน้ำตกรูปหัวใจแล้ว แนะนำว่าให้นำสัมภาระไปให้น้อยที่สุดค่ะ นำของที่ไม่จำเป็นไว้ที่เต็นท์แบกแค่ตัวเราเองขึ้นไปให้ได้ การเดินทางไปน้ำตกรอบนี้จะเห็นวิวที่ต่างออกไป ตลอดทางเดินจะเห็นสายน้ำไหลลงมาเกือบตลอดทั้งทางเพราะข้างบนคือน้ำตกโปรโต๊ะลอซูที่เราตามหา และทางขึ้นก็จะปีนป่ายมากขึ้นเพราะน้ำตกอยู่สูงมาก ๆ ในส่วนของการเดินต้องระมัดระวังเพราะทางลื่นและมีโขดหินอยู่จำนวนมากตามทางเดิน ยิ่งใกล้น้ำตกไปมากเท่าไหร่ทางก็จะยิ่งลาดชันและสูงขึ้นมากเท่านั่นพอเดินมาถึงจุดสุดท้ายที่เราต้องปีนเขาขึ้นไปดูน้ำตก ในส่วนของช่วงนี้ต้องให้คนที่ชำนาญทางหรือคนมีความคล่องตัวขึ้นนำทางเราไปก่อนถึงจะช่วยดึงเพื่อนที่เดินทางมาด้วยกันขึ้นไปได้ ตรงนี้ก็เป็นอีกที่ที่ค่อนข้างอันตรายต้องระวังให้มาก พอขึ้นมาถึงตรงนี้ก็ถึงแล้วน้ำตกโปรโต๊ะลอซูหรือน้ำตกรูปหัวใจที่เราตามหามาอย่างยากลำบาก ถ้าถามถึงความสวยงามของภาพจริงที่พบเจอ มีคะแนนเต็มเท่าไรเราก็คงให้คะแนนเต็มทั้งหมด ด้วยบรรยากาศ ความเหนื่อย การร่วมเดินกับเพื่อน หรือภาพน้ำตกสองสายที่บรรจบมารวมกันทำให้เป็นรูปหัวใจ มันสวยงามสุด ๆ สมแล้วกับความเหนื่อยและความยากลำบากที่เราฝ่าฝันมาจนถึงน้ำตกรูปหัวใจ จบแล้วกับทริปสุดประทับใจ ทั้งแสนเหนื่อย แสนท้อ แต่ก็แสนจะประทับใจในคร่าวเดียวกัน เราจดจำภาพบรรยากาศได้ชัดเจน แม้มันจะผ่านมานานแล้ว แต่ความสวยงามของการเดินทาง รอยยิ้มของผู้คน ความน่ารักของเพื่อนร่วมทีม หรือความมีน้ำใจของผู้คนที่เดินทางไปจุดมุ่งหมายเดียวกัน มันมีค่ามากสำหรับประสบการณ์ครั้งนี้ ถ้าหากเราสามารถเดินทางไปเที่ยวแบบไม่มีโควิดได้อีกครั้ง เราก็คงจะมาเขียนเรื่องราวประสบการณ์การเดินทางครั้งใหม่ให้ทุกคนได้ฟังอีก แล้วเจอกันใหม่ ขอบคุณค่ะเครดิตภาพ : ภาพจากนักเขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !