สวัสดีครับคุณผู้อ่าน วันนี้ แต้มเอง จะขอพาเที่ยววัดลามะ (The Lama Temple) สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งศรัทธาและวัฒนธรรมในปักกิ่งกันครับ โดยวัดลามะ หรือ ยงเหอกง (Yonghe Temple) เป็นสถานที่ที่รวบรวมความงดงามของสถาปัตยกรรมจีนและกลิ่นอายของศาสนาพุทธนิกายลามะแบบทิเบตอย่างลงตัว เราไปเดินเที่ยวกันดีกว่าครับ วัดลามะ เดิมทีไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นวัด แต่เป็นพระราชวังขององค์ชายสี่แห่งราชวงศ์ชิง ซึ่งก็คือ จักรพรรดิยงเจิ้ง ในภายหลังครับ พระราชวังแห่งนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นวัดในปี ค.ศ. 1744 ตามพระราชโองการของฮ่องเต้จักรพรรดิเฉียนหลง หลังจากนั้นจึงได้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธนิกายลามะ และได้รับการบูรณะมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นวัดสำคัญและแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกนิยมมาเยี่ยมชมครับ วัดลามะเป็นที่รู้จักในฐานะวัดนิกายลามะทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในปักกิ่ง และยังเป็นที่นิยมของชาวจีน โดยเฉพาะสายมูที่มักมาไหว้พระขอพรเรื่อง การงาน ความรัก และสุขภาพ ครับ การออกแบบของวัดสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานวัฒนธรรม 4 สายหลัก ได้แก่ ฮั่น มองโกล แมนจู และทิเบต บรรยากาศภายในวัดเงียบสงบร่มรื่น เหมาะแก่การเดินชมและสัมผัสพลังงานแห่งความศรัทธาครับ และเมื่อเราเดินเข้ามา เราจะได้เห็น หอระฆัง (The Bell Tower) ซึ่งเสียงระฆังที่ดังมาจากหอระฆังด้านหน้าทางเข้าวัดเป็นสิ่งแรกที่ต้อนรับคุณผู้อ่านเมื่อมาถึงวัดลามะ การตีระฆัง 3 ครั้งเชื่อกันว่าจะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลและความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาครับ ต่อมาคือ มหาตำหนักยงเหอกง (The Hall of Harmony and Peace) โดย วิหารนี้โดดเด่นด้วยป้ายชื่อ 4 ภาษา ได้แก่ จีนกลาง แมนจู มองโกล และทิเบต ภายในประดิษฐาน พระพุทธเจ้าสามภพ ได้แก่ พระพุทธเจ้าปางอดีต ปัจจุบัน และอนาคต พร้อมพระอรหันต์ที่เรียงรายอยู่รอบวิหารครับ ตำหนักนี้มีจุดเด่นคือภูเขาอรหันต์ ที่แกะสลักจากไม้จันทร์หอม โดยมีพระอรหันต์ 500 รูปกระจายอยู่บนภูเขาไม้แกะสลักขนาดใหญ่ ทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานองค์จงคาปา ผู้สถาปนาพุทธศาสนานิกายลามะครับ โดย วิหารว่านฝูเก๋อ (The Pavilion of Ten Thousand Happinesses) เป็นไฮไลต์เด็ดของวัดลามะครับ วิหารนี้ประดิษฐาน พระศรีอริยเมตไตรย แกะสลักจากไม้จันทร์หอมสีขาวต้นเดียว สูงถึง 26 เมตร โดยส่วนหนึ่งจมอยู่ใต้ดิน 8 เมตร รูปแกะสลักนี้ได้รับการบันทึกจากกินเนสบุ๊คว่าเป็น พระไม้แกะสลักจากไม้ต้นเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ครับ ที่วัดลามะยังมีเครื่องรางยอดนิยม เช่น กำไลข้อมือที่ทำจากผงธูป ซึ่งมีความหมายเฉพาะตัวในแต่ละสี หากคุณผู้อ่านอยากได้กำไลสวย ๆ ต้องเผื่อเวลาเข้าคิวซื้อที่ห้องจำหน่ายของที่ระลึกกันด้วยนะครับ การเดินทาง ที่ตั้ง: ยงเหอกง (Yonghe Temple) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง การเดินทาง: สามารถนั่งรถไฟใต้ดินสาย 2 หรือสาย 5 มาลงที่สถานี Yonghegong (Lama Temple Station) เวลาเปิด: 9.00 - 16.30 น. ค่าเข้าชม: 25 หยวน (ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลง) การมาเยือนวัดลามะคือการเดินทางที่เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศรัทธาเข้าไว้ด้วยกัน คุณผู้อ่านจะได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมที่งดงาม ความศักดิ์สิทธิ์ที่อบอวล และความน่าอัศจรรย์ของสมบัติทางพุทธศาสนา อย่างเช่น พระศรีอริยเมตไตรยที่ใหญ่ที่สุดในโลก วัดแห่งนี้เป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นพื้นที่ที่ให้คุณผู้อ่านได้เรียนรู้ เข้าใจ และชื่นชมความหลากหลายของวัฒนธรรมจีนอย่างแท้จริงครับ ถ้ามีโอกาส อย่าลืมมาเยือนวัดลามะเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์อันน่าประทับใจนี้ด้วยตัวเองครับ นอกจากนี้ คุณผู้อ่านก็สามารถมาพูดคุยกันได้ในช่อง “แสดงความคิดเห็น” ได้เลยนะครับ แต้มเอง เป็นพื้นที่ในการเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจที่แต้มได้ไปเจอมา ทั้งสถานที่ อาหาร การใช้ชีวิต และเรื่องราวการเรียนอีกสารพัด ฝากกดติดตามด้วยนะครับ เครดิต รูปภาพหน้าปก / รูปภาพประกอบบทความ - แต้มเอง(ผู้เขียน) ฝากติดตาม · แต้มเอง อ่านบทความอื่นๆ บน TrueID Creator เข้าร่วม Community กับ แต้มเอง อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !