ใครที่กำลังวางแพลนเที่ยวญี่ปุ่นแบบชิลๆ เราขอแนะนำเมืองฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya) เมืองเล็กๆ ในจังหวัดชิซุโอกะ(Shizuoka) ที่บรรยากาศความชิลมาแบบเต็มขั้น ไม่ต้องรีบร้อนมากมายเท่ากับการเดินเที่ยวในเมืองหลวง ไปฟูจิโนมิยะฉบับ 1 day trip เที่ยวที่ไหนได้บ้าง วันนี้ขอเอา plan ที่เราเคยไปเที่ยวมาบอกต่อกันค่ะ วิธีเดินทางไปเมืองฟูจิโนมิยะโดยรถไฟ ความจริงสามารถเดินทางมาด้วยวิธีอื่นๆ ได้เหมือนกันค่ะแต่การนั่งรถไฟชินคันเซนจะประหยัดเวลาและตอบโจทย์ 1 day trip ของเรามากที่สุด วิธีการเดินทางมาฟูจิโนมิยะโดยรถไฟ ได้แก่ ขึ้นรถไฟชินคันเซ็นสาย Tokaido ขบวน Hikari หรือ Kodama จากสถานีโตเกียวไปยังสถานีมิชิมะ (Mishima) ใช้เวลาประมาณ 51 นาที ราคาประมาณ 4,100-6,700 เยน เมื่อมาถึงสถานีมิชิมะ ให้ต่อรถไฟ JR Tokaido Line Local ไปยังสถานีฟูจิ (Fuji) ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ราคาประมาณ 500 เยน จากสถานีฟูจิ ต่อรถไฟ JR Minobu Line ไปยังสถานีฟูจิโนะมิยะ (Fujinomiya) ใช้เวลาประมาณ 19 นาที ราคาประมาณ 300 เยน แพลนเที่ยว fujinomiya 1 วัน ไปไหนดี? ทะเลสาบทานูกิ (Lake Tanuki) น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls) Mt. Fuji World Heritage Centre (静岡県富士山世界遺産センター) ร้านยากิโซบะ หน้าศาลเจ้าฟุจิซังเซนเงน Fujisan Sengen Shrine ศาลเจ้าฟุจิซังเซนเงน แวะนั่งชมวิวภูเขาไฟฟูจิสวยๆ ที่ด้านนอกศาลเจ้า แพลนเที่ยว 1 วันแบบชิลๆ ที่ฟูจิโนมิยะ (Fujinpmiya) ทันทีที่มาถึงเมืองฟูจิโนมิยะ บรรยากาศของความสงบ slow life ก็เข้ามาปรากฎต่อสายตาได้อย่างทันทีเลยละ เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกับตอนที่เราเดินเวียนวนสับสนอยู่ในสถานีโตเกียวกันคนละขั้ว บรรยากาศชิลๆ ผู้คนไม่จอแจ ไม่ต้องเดินอย่างเร่งรีบ ไม่วุ่นวาย มีบรรยากาศดีๆ พร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สามารถมองเห็นได้แทบทุกมุมของเมืองฟูจิโนมิยะ อย่างภาพนี้เราถ่ายมาจาก Sky Walk ของสถานีฟูจิโนมิยะได้แบบชิลๆ เลย มาที่สถานที่แรกที่เราจะไปกันนั่นคือ ทะเลสาบทานูกิ (Lake Tanuki) ทะเลสาบน้ำจืดที่อยู่ ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากฝีมือของมนุษย์ในปี ค.ศ. 1935 เพื่อใช้ในการชลประทาน แต่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ที่รอบทะเลสาบจะมีสถานที่สำหรับกางเต็นท์ชมวิวภูเขาไฟฟูจิโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีและดอกซากุระผลิใบที่วิวจะสวยมากเป็นพิเศษ ส่วนวิธีการเดินทางไปยังทะเลสาบทานูกิให้เราเดินลงมาจาก Sky walk (ฝั่งที่มีหอนาฬิกา) จากนั้นมาคอยรถเมล์ที่ป้าย 2 ซึ่งมุ่งหน้าไปยังคิวกามูระ ฟูจิ (Kyukamura Fuji) ให้เราลงที่ป้ายสุดท้ายได้เลย ตารางการเดินรถจะเริ่มตั้งแต่ช่วง 9:20 และรอบสุดท้าย 16:40 น (ภาพอัปเดต ตุลาคม 2567) ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 50 นาที ค่าโดยสารประมาณ 1,000 เยน/เที่ยว (รวมไปกลับประมาณ 2,000 เยน) 📌สำหรับใครที่มีแพลนจะแวะหลายๆ จุดหรือได้ราคาที่คุ้มกว่า ให้เลือกซื้อตั๋วแบบ 2 วัน (2 day pass) ซึ่งมีจำหน่ายที่เคาน์เตอร์ในบริเวณเดียวกันกับที่รอรถเมล์ ราคาตกประมาณ 1,650 เยน โดยเราสามารถขึ้น-ลงรถเมล์ภายในเส้นทางกี่ครั้งก็ได้ภายใน 2 วัน ส่วนวิธีใช้เราสามารถยื่นตั๋ว 2 วันให้คนขับรถเมล์ดูตอนขาลงได้เลยค่ะ บรรยากาศภายในทะเลสาบทานูกิเต็มไปด้วยธรรมชาติ มีป่าสนและวิวที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ โดยรอบทะเลสาบมีระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร แม้ระยะทางจะดูไกลแต่ด้วยลมเย็นและฟ้าปลอดโปร่งทำให้การเดินรอบทะเลสาบเป็นประสบการณ์ที่สนุกและเพลิดเพลินดีสุดๆ ทั้งนี้เราสามารถเช่าจักรยานมาปั่นเล่นรอบทะเลสาบได้ด้วย ระหว่างทางจะเห็นเลยว่ามีคนมาวิ่ง มาเดินออกกำลังกาย บ้างก็พาน้องหมามาเดินเล่นกันเยอะมากๆ ส่วนลานสำหรับกางเต็นท์ก็มีคนมาใช้บริการกันเยอะเลยทีเดียวเชียว มุมสะพานยื่นยาวออกไปจากฝั่งก็เป็นมุมถ่ายภาพยอดฮิตที่ทะเลสาบทานูกิเหมือนกันค่ะ บรรยากาศโดยรวมของที่นี่คือสดชื่น เติมออกซิเจนกันได้เต็มปอดสุดๆ แต่สำหรับเรื่องอาหารมีให้บริการน้อยเลยค่ะ (จุดนี้แอบคิดถึงลานขายอาหารในสวนสาธารณะบ้านเรามาก) เพราะฉะนั้นเราแนะนำว่าเตรียมขนมปัง ของหวาน ของคาวและเครื่องดื่มติดกระเป๋ามาด้วยจะดีที่สุด เดินเที่ยวจนเสร็จก็วนมารอรถเมล์ที่ป้ายเดียวกันกับขามา เลยถ่ายภาพรอบรถเมล์มาฝากกันค่ะ โดยรถเมล์ขากลับขากทะเลสาบทานูกิจะค่อนข้างน้อยหน่อยเพราะฉะนั้นเล็งรอบกลับกันดีๆ แต่ถ้าใครมีแพลนจะไปเดินเล่นที่น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Waterfall) กันต่อ แถวๆ นั้นจะมีรถเมล์ออกไปยังสถานีฟูจิโนมิยะมากขึ้น ไม่ต้องกังวลไปจ้าจากนั้นเราก็ขึ้นรถเมล์กลับออกมาเพื่อเดินเล่นกันต่อที่ น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Falls) โดยรถบัส ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ประมาณ 620 เยนต่อเที่ยว โดยน้ำตกแห่งนี้ถือเป็นน้ำตกที่มีความงดงามและมีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในฐานะส่วนหนึ่งของ "ภูเขาไฟฟูจิและแหล่งน้ำที่เกี่ยวข้อง" บรรยากาศในน้ำตกคือสวยงามมากจริงๆ ค่ะ เป็นทิวน้ำตกที่ทั้งกว้างและใหญ่ มีความสูงประมาณ 20 เมตร และมีความกว้างกว่า 150 เมตร เราประทับใจในการทำทางเดินและสะพานต่างๆ มาก มันสวยงาม เดินง่าย ที่สำคัญคือไม่ทำลายความงดงามของบรรยากาศโดยรอบ สามารถชมวิวที่ชั้นน้ำตกได้ตรงๆ หรือจะเดินขึ้นบันไดไปอีก 2 ชั้นเพื่อมาดูที่จุดชมวิวชั้นบนได้ด้วย สำหรับใครที่รู้สึกหิวๆ แล้ว บริเวณทางเข้าน้ำตกจะมีร้านอาหารขนาดกลางๆ ประมาณ 2-3 ร้าน เมนูจะเป็นยากิโซบะ ชุดอาหาร เครื่องดื่มและไอศกรีม รวมถึงมีร้านขายของฝากจากท้องถิ่นด้วยละ น่ารักมากๆ เดินเที่ยวเล่นเสร็จแล้วก็เดินไปรถบัสที่ป้ายด้านหน้าทางเข้าน้ำตกชิราอิโตะเพื่อกลับเข้าไปที่สถานีฟูจิโนมิยะกันได้เลย!! เมื่อมาถึงสถานีฟูจิโนมิยะแล้ว สถานที่ต่อมาที่เราอยากแนะนำให้ลองมาชมความงามกันคือ Mt. Fuji World Heritage Centre (静岡県富士山世界遺産センター) ใช้เวลาเดินเท้าจากสถานีฟูจิโนมิยะแค่เพียง 5-10 นาทีเท่านั้น สถานที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งรวมข้อมูลประวัติความเป็นมาของภูเขาไฟฟูจิและความสำคัญของภูเขาไฟฟูจิในฐานะสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น งานออกแบบยิ่งใหญ่อลังการมากๆ ภาพล่างจะเป็นอาคารที่มีทรงกรวยกลับหัวที่ออกแบบโดย Shigeru Ban เพื่อสะท้อนเงาของภูเขาไฟฟูจิในบ่อน้ำด้านล่าง สื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างภูเขาไฟฟูจิและแหล่งน้ำ โดยเขาจะเปิดให้บริการเวลา 9.00-17.00 น. มีค่าเข้าประมาณ 300-500 เยน/คน **ศูนย์ฯ จะปิดทำการในวันอังคารที่สามของทุกเดือน หากวันดังกล่าวตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปิดตามปกติและปิดในวันถัดไปแทน** เพราะฉะนั้นอย่าลืมตรวจสอบวันที่เข้าไปเที่ยวกันอย่างละเอียด ต่อจากนั้นเราก็เดินกินลมชมวิวมาเรื่อยๆ อาคาร สถานที่ต่างๆ มี mood ของความเป็นญี่ปุ่นราวกับหลุดมาจากอนิเมะหรือหนังสักเรื่องเลยเชียว เดินลัดเลาะชมเมือง ดูถนนหนทาง ด้วยความเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิทำให้มีแม่น้ำไหลในเมืองค่อนข้างเยอะ ทางเมืองก็จัดแต่งเป็นคลองเส้นเล็กๆ ได้อย่างสวยงาม เหมาะกับการเดินชมวิวสุดๆสถานที่ต่อไปซึ่งเราจะไปกันต่อคือ Fujisan Sengen Shrine ศาลเจ้าฟุจิซังเซนเงน ศาลเจ้าชินโตที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในประเทศญี่ปุ่น แต่ก่อนจะเดินเข้าไปอย่าลืมแวะชิมร้านยากิโซบะชื่อดังตรงทางเข้าศาลเจ้าฯ ราคาเริ่มต้นที่จานละ 600-700 เยน ยากิโซบะผัดใหม่ ร้อนๆ อร่อยมาก รสเค็มนำนิดๆ เส้นยากิโซบะเหนียวนุ่ม กินคู่กันกับไข่ดาวเยิ้มๆ อร่อยดี กินเสร็จแล้วก็เดินชมความงดงามภายในศาลเจ้ากันต่อ บรรยากาศในศาลเจ้าแห่งนี้ทั้งสวยงาม สงบ ร่มรื่นมากๆ สถาปัตยกรรมอ่อนช้อย มีสระน้ำ Wakutama-Ike ในเขตศาลเจ้าซึ่งไหลมาจากชั้นหินของภูเขาไฟฟูจิ โดยรอบมีที่นั่งให้ชมวิวบรรยากาศที่ทั้งร่มรื่นและเย็นฉ่ำ ออกมานั่งรับลมยามเย็นหน้าศาลเจ้า มองไปด้านหลังเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิตัดกับถนนสวยๆ มุมนี้คือจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ใครมาก็ต้องแวะเก็บภาพไว้เป็นความทรงจำ พอแดดเริ่มลับฟ้า อากาศก็เย็นลงเรื่อยๆ ดื่มด่ำกับวิวจนเต็มอิ่มแล้วก็หาอะไรรองท้องก่อนขึ้นรถไฟกลับ ถือว่าเป็นการปิดทริปฟูจิโนมิยะ 1 วันแบบสบายๆ ได้ทั้งธรรมชาติ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรมและวิวภูเขาไฟฟูจิแบบเต็มตา ยกให้ทริปนี้เป็นทริปท่องเที่ยวในเมืองเล็กๆ ของญี่ปุ่นที่ทั้งชิลและอิ่มใจสุดๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นเมืองฟูจิโนมิยะยังมีที่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเยอะมาก เช่น Makaino Ranch, Fuji Milk Land, Fuji takasago brewery ที่เหลือให้กลับมาเที่ยวได้อีกหลายต่อหลายครั้ง 🌸 ภาพหน้าปก และ ภาพในเนื้อหาทั้งหมด โดย ผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !