ลองมาดู 5 สัญญาณที่คุณควรตัดสินใจการเดินทางคนเดียวกัน แต่ขอบอกก่อนว่านี่ไม่ใช่งานวิจัยแต่อย่างไรนะคะ ในทุกๆ ปีจะมีกระทู้แนวเผาเพื่อนซี้ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทางในลักษณะแบบควรทำอย่างไรกับเพื่อนดี และในกระทู้ของปีนี้ที่เราเห็นคือเพื่อนไม่ติดหรู ไม่นอนโรงแรม 5 ดาว ไม่กินร้านดัง จริงๆ มีหลายกระทู้นะแต่อันนี้เป็นไวรัลในกลุ่มเที่ยวญี่ปุ่น ส่วนตัวมองว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกันนั่นแหละ มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมากมายแต่ถ้าไม่รู้ว่ามันเป็นสัญญาณแบบไหนก็ลองมาเช็กกันในบทความนี้ก่อน 1. สนุกกับการวางแผนในแบบของตัวเองหลายคนอาจคุ้นเคยกับการช่วยการวางแผนแต่จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ชอบวางแผนเอง และชอบให้เป็นไปตามแผนด้วย และในบางกลุ่มอาจถึงขั้นไม่ชอบให้ใครมาปรับเปลี่ยนแผน หรือแม้แต่รู้สึกหงุดหงิดที่ต้องรอคำตอบคือถามแล้วอยากให้ตอบทันทีโดยที่ลืมไปว่าคนให้คำตอบอาจกำลังยุ่ง ( แต่ในบางคนก็คือไม่ใส่ใจจะตอบแล้วมาโวยวายที่หลัง )ใดๆ ก็ตามหากคุณเป็นแบบนี้คุณเหมาะกับการเดินทางคนเดียวค่ะ เพราะบางคนที่จะไปด้วยเขาก็อยากให้แผนเที่ยวมันเป็นไปตามที่เขาโอเคด้วย ถ้าจะไปกับคนอื่นมันก็ต้องแคร์ แต่ถ้าจะไม่แคร์ก็คงต้องไปคนเดียว ในขณะที่คนวางแผนอาจรู้สึกว่าแผนนี้ดีแล้วเธอจะเปลี่ยนทำไม อีกคนก็อาจมองว่าเรายึดตัวเองเป็นที่ตั้งจนน่าอึดอัดนั่นเองเพื่อลดปัญหาในอนาคตต่างคนต่างไปดีกว่า จากประสบการณ์ของเราเราเองก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเวลาใครมาเปลี่ยนแผนหรือไม่แสดงความเห็นตอนถามแต่พอเที่ยวจริงมาติหรือมาบอกอันที่จริงเป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้ได้นะ เพื่อคงความรู้สึกดีๆ ต่อกันไว้เราเลยกลายเป็นคนชอบเที่ยวคนเดียวหรือไปแค่กับคนที่ไลฟ์สไตล์เดียวกันจริงๆ แทน2. ไม่เอนจอยกับทริปของคนอื่นหากคุณต้องไปจอยทริปกับใครสักคน จะทริปจำเป็นหรือทริปคนรู้จักแล้วไม่เอนจอยเลย ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความคนอื่นจัดทริปไม่ดีนะแต่อาจเป็นเพราะไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ในส่วนของเราเราน่าจะจัดอยู่ในประเภทไม่นอนหรูไม่เข้าร้านดัง เพราะอาหารหรือคาเฟ่ดังมักจะมีคนเยอะ ไม่ชอบรอ ห้องนอนมีไว้เก็บของ อาบน้ำ นอน ต้องจองหรูไปทำไม เราเลยชอบนอนโฮสเทล จากประสบการณ์เคยถูกแซะว่าเที่ยวเหมือนเข้าค่ายทั้งที่เราเอนจอยมาก จริงๆ การที่ชอบนอนโรงแรมหรูหรือนอนโฮสเทลมันก็ไม่มีใครผิดทั้งนั้นอะ ข้อนี้ถ้าคุณไปแล้วไม่เอนจอยสรุปแบบไม่ต้องไปนั่งจับผิดหรือโทษใครง่ายๆ ได้เลยว่าไลฟ์สไตล์ต่างกันแค่นั้นเลย โดยเฉพาะถ้าไปกับเพื่อนแล้วไม่จอยไม่ต้องตั้งกระทู้ถามอะไรให้มากความนั่งลิสต์ไลฟ์สไตล์เพื่อนกับตัวเองเพื่อหาความต่างและหาตรงกลางในการปรับเข้าหากันดีกว่า แต่ถ้าปรับไม่ได้แนะนำให้ต่างคนต่างเที่ยวเพื่อรักษามิตรภาพไว้แทนค่ะ3. อึดอัดหรือรู้สึกปวดหัวเมื่ออยู่ทามกลางความวุ่นวาย / คนพูดเยอะอินโทรเวิร์ทมีหลายประเภท บางประเภทรู้สึกไม่ดีตอนอยู่กับคนเยอะหรือบางประเภทไม่ได้ซีเรีสเรื่องจำนวนคนแต่แค่ไม่ชอบการพูดคุยรวมไปถึงความวุ่นวาย ถ้าคุณรู้สึกอึดอัด ประหม่า ปวดหัว หรือพลังงานน้อยเมื่ออยู่กับคนเยอะๆ หรือกลุ่มใหญ่ที่แย่งกันพูดหรือคุยกันจอแจสนั่นลั่นทุ่งตลอดเวลา บางทีคุณอาจเป็นหนึ่งในอินโทรเวิร์ทแต่อาจจะต้องไปเช็กว่าเป็นประเภทไหน มันจะมีหนึ่งในประเภทของอินโทรเวิร์ทที่จะไม่ชอบพูดคุย นอกจากเราอาจจะอึดอัดที่ต้องคุยแล้วบางทีการเงียบของเราก็ทำให้คนอื่นอึดอัดนะ ดังนั้นอาจจำเป็นคนเดินทางคนเดียวเพื่อไม่ทำให้คนอื่นอึดอัดและไม่ทรมานตัวเองรีวิวจากประสบการณ์เวลาไปกับเพื่อนซึ่งเป็นเพื่อนที่เข้าใจเราจะบอกว่าขออยู่ในโลกส่วนตัวนะซึ่งหมายถึงฟังเพลงตลอดเวลา ( บนรถไฟ ) เพื่อนคนนี้โอเค แต่ก็เคยมีเพื่อนคนอื่นพูดเลยว่าคงไปด้วยกันไม่ได้เพราะเขาชอบคุย และก่อนหน้านี้เคยขอให้ผู้ร่วมทริปคนหนึ่งเงียบสัก 5 นาที เราพูดปกติไม่ได้หงุดหงิด แต่เขาโกรธและประชดด้วยการไม่พูดเลยแม้แต่ตอนถามเรื่องสำคัญก็ไม่พูดเลย สรุปมันเป็นเรื่องของความเป็นตัวเองของทั้งเราและเขาที่อาจสร้างความอึดอัดใจจนกลายเป็นบาดหมางใจได้ เช่นนั่นแล้วถ้าไม่ชอบคุยก็ไปคนเดียวหรือจับคู่ไปกันคนพูดน้อยเหมือนกันแทน จะได้มีความสุขทั้งสองฝ่าย4. ระยะเวลาในการเดินทางหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่สนุกคือระยะเวลาของทริปที่อาจเป็นผลจากการลางาน บางคนลาได้เยอะไปหลายวันได้ซึ่งเขาก็อาจจะจัดทริปแบบชิลๆ ไม่จำเป็นต้องทัวร์ชะโงก แต่คนลางานได้น้อยมีเวลาจำกัดก็ต้องเก็บแลนด์มาร์คแบบด่วนจี๋ เรื่องนี้ส่งผลตรงที่คนที่ลางานได้เยอะหรือเที่ยวแบบระยะยาวมาโดยตลอดถ้าต้องรีบทั้งทริปจะรู้สึกเหนื่อยไม่สนุกค่ะ ส่วนคนที่รีบเที่ยวเพราะเวลาจำกัดเขาจำเป็นต้องรีบทำเวลาเขาก็อาจจะไม่พอใจที่เราช้า แบบว่าเราอยากตื่นสายแต่เขาจะรีบออกไปตั้งแต่เช้าให้ได้แบบนี้บอกเลยพังค่ะ กลับมาอาจมีฝั่งใดฝั่งหนึ่งไม่อยากไปด้วยอีกเลยค่ะ ต้องระวังค่ะ5. ชอบติทุกสิ่งอย่าง ข้อนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ เลยนะคะ สำหรับคนชอบติชอบบ่นทุกอย่าง หากไม่หาคนประเภทเดียวกันไปด้วยกันก็โปรดเดินทางคนเดียว หรือไม่ร้องตามคนอื่น ส่วนตัวรู้สึกไม่เอนจอยกับคนประเภทนี้มากที่สุดเลย หากมีอยู่จะรู้สึกอึดอัดมาก ยิ่งถ้าเป็นคนที่บ่นเหนื่อยทุกอย่าง ระแวงหรือกลัวทุกอย่างด้วยจะทำให้ทริปกร่อยเลย เช่น อยากไปจุดนี้แต่คนนี้ในทริปกลับไม่ยอมไปเพราะเดินไม่ไหว หรือบ่นร้อนตลอด หรือกินยาก เรารู้สึกว่ามันดูแลยากและทำให้ทริปที่ควรจะง่ายๆ กลายเป็นเรื่องเยอะ มันมีผลเสียทั้งสองฝ่ายนะ คนที่อยู่ง่ายกินง่าย หรือชอบความท้าทายเขาก็ไม่สนุกแหละเพราะเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำหรือกินในสิ่งที่เขาอยากกิน ส่วนคนที่อยู่ยากเหนื่อยง่ายก็จะเหนื่อยมากขึ้นเพราะต้องพยายามทำให้ได้เหมือนคนอื่น ดังนั้นไปคนเดียวหรือไปหากลุ่มที่นิสัยเหมือนกันจะดีและทำให้เที่ยวสนุก สบายใจกว่าค่ะและนี่ก็คือ 5 สัญญาณนิสัยของคนที่ควรเที่ยวคนเดียวหรือควรหาคนที่เหมือนๆกันแทนเที่ยวกับใครก็ได้ เพราะ 5 สัญญาณที่ว่ามานี่มันเป็นผลพวงมาจากนิสัยและไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคล หลายครั้งก็ทำให้คนในทริปมีปัญหากันจริง บางกลุ่มอาจเคลียร์กันได้ บางกลุ่มอาจทริปเดียวพอ หรือบางคนก็เที่ยวด้วยกันปกติแต่ลับหลังไปตั้งกระทู้พาระแวงกันเปล่าๆ ตัดปัญหาเที่ยวคนเดียวไปเลยจบ สุดท้ายนี้ใครคิดเห็นแบบใดคอมเมนต์แชร์กันที่กล่องคอมเมนต์ข้างล่างได้นะคะ หากใครชอบบทความนี้ก็สามารถแชร์ออกไปได้เลย หรือแวะไปติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเราได้ที่ twitter ที่ Artinime หรือ Facebook เพจ แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย ได้เลยค่ะhttps://x.com/supamas_kpr/status/1809079374442025162- เรียบเรียงเนื้อหาและถ่ายภาพโดยหญิงเถื่อน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !