สวัสดีครับท่านนักเที่ยวสายบุญทั้งหลายวันนี้ผู้เขียนมีเรื่องของวัดมานำเสนออีกแล้วครับท่าน วัดที่ว่านี้เป็นวัดที่มีความพิเศษกว่าวัดอื่น ๆ ที่ผู้เขียนเคยนำเสนอไปเพราะเท่าที่จำได้ผู้เขียนได้เสนอไปร้อยกว่าบทความมีเรื่องเกี่ยวกับวัดไม่น่าจะต่ำกว่าร้อยบทแต่ว่าวัดที่นำเสนอไปแล้วนั้นมีความแปลก พิเศษ หลากหลายแตกต่างกันไปครับ และทุกวัดที่นำเสนอไปจะเป็นวัดที่มีพุทธศิลป์ และรูปแบบในการประดับตกแต่งของแต่ละแห่งบางแห่งก็จะคล้าย ๆ กัน อย่าเพิ่งสงสัยครับว่าผู้เขียนกำลังจะสื่อถึงอะไร มาดูกันครับสิ่งที่กำลังจะสื่อให้เห็นคือความแตกต่างของวัดที่จะเสนอต่อไปนี้ครับ วัดที่ว่านี้ชื่อว่าวัด “วัดต้นรุง” เป็นวัดที่ตั้งอยู่ที่ ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ (ใกล้ ๆ กับอนุสาวรีย์พระเจ้าฝางพระนางสามผิว) มาดูกันครับว่าวัดนี้มีความพิเศษที่อยากนำเสนอมีอะไรบ้าง จุดที่หนึ่ง ก่อนที่ท่านจะเข้ามายังเขตพุทธาวาสท่านจะพบกับซุ้มประตูด้านหน้าวัดจะมีรูปปั้นของเทวดายืนอยู่ซ้าย-ขวา ซุ้มทางเข้า (เทวดาอุ้มหม้อสีน้ำตาล) ด้านบนเสากำแพงจะมีรูปปั้นเทพนมองค์สีขาวอยู่สองฟากทางเข้าความพิเศษที่เมื่อท่านมาแล้วหากสังเกตดี ๆ รูปปั้นเทวดา และเทพนมนี้จะเป็นศิลปะแบบไทใหญ่...ใช่ครับฟังไม่ผิดศิลปะแบบไทใหญ่จริง ๆ วัดนี้เป็นวัดที่มีพุทธศิลป์เป็นแบบศิลปะไทใหญ่ (ผู้เขียนเข้าใจว่าน่าจะมีการผสมผสานกันกับศิลปะแบบพม่า) ครับโดยเป็นวัดที่เป็นศูนย์รวมใจของพี่น้องชาวไทใหญ่ (ไตใหญ่) ผู้เขียนทราบว่าเป็นการรับอิทธิพลทางพุทธศิลป์ประเทศพม่า จุดที่สอง พระวิหารท่านจะพบว่าวิหารวัดจะไม่เหมือนกับวิหารวัดทั่ว ๆ ไปที่เรา ๆ ท่าน ๆ พบเห็นกันนะครับเพราะวิหารแห่งนี้มีลักษณะพิเศษคือสร้างจากไม้ครึ่งปูนมีลักษณะสวยงามดูแปลกตาเพราะเป็นพุทธศิลป์แบบไทใหญ่โดยด้านบนจะเป็นแบบห้องโล่ง ๆ สำหรับประดิษฐานพระประธาน และสำหรับให้พุทธศาสนิกชนได้ขึ้นไปทำบุญ จุดที่สาม บนพระวิหารอีกเหมือนกันครับจุดนี้คือพระประธานบนพระวิหารที่ประดิษฐานอยู่ผู้เขียนขอบอกเลยว่างดงามมาก พระประธานที่ว่านี้คือ พระเจ้าระแข่งเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องสีทองสวมชฏา มีสังวาลย์ ผู้เขียนทราบจากพระที่ได้สนทนากับท่านในวัดว่าพระเจ้าระแข่งนี้เป็นองค์จำลองมาจากประเทศพม่า โดย คำว่า"ระแข่ง" นี้ตามภาษาไทยใหญ่ หมายถึงเมืองยะไข่ เมืองที่เป็นต้นกำเนิดพระพุธรูป ต่อมามักเรียกแทนพระพุทธรูปพุทธลักษณะนี้ว่าพระพุทธรูประแข่ง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแท่นธรรมาสน์ซึ่งเก่าซึ่งเป็นศิลปะแบบไทยใหญ่ (สวยงามมาก) ไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อนหากท่านมาแล้วสามารถเข้าไปกราบสักการะขอพร และเข้าชมได้นะครับ แท่นธรรมมาสน์ ศิลปะแบบไทใหญ่โบราณ สวยงามมากไม่เคยพบ และเห็นที่ใดมาก่อน จุดที่สี่ ด้านข้างพระวิหารจะมีพระเจดีย์องค์สีทองจะมีลักษณะเป็นโขงด้านในมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่สี่ด้าน ด้านบนจะมีลักษณะ เหมือนระฆังคว่ำปลายยอดสุดจะมีฉัตรสีทองประดับตกแต่งอยู่สวยงามมาก ท่านสามารถกราบขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัวได้นะะครับ จุดที่ห้า ด้านล่างลานพระวิหารจะมีต้นสาละ และต้นศรีมหาโพธิ์อยู่หน้าวัด ไม่ต้องสงสัยครับความสำคัญสำหรับต้นไม้สองชนิดนี้เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติในช่วงตอนที่พระพุทธเจ้าเจ้าประสูติใต้ต้นสาละโดยเดินได้เจ็ดก้าวมีดอกบัวคอยรองรับพระบาทและพระองค์ได้เปล่งวาจา ที่เรียกว่า อาสภิวาจา “เราเป็นผู้เลิศของโลก เป็นผู้ใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้ประเสริฐที่สุดของโลก นี้เป็นการเกิดครั้งสุดท้าย ไม่มีการเกิดใหม่อีกต่อไป” สำหรับต้นพระศรีมหาโพธิ์มีความสำคัญคือ เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ได้ตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์และเสวยวิมุตติสุขเป็นเวลา 7 วัน เห็นหรือไม่ครับว่าต้นไม้สองชนิดนี้มีความสำคัญ และถือว่าเป็นต้นไม้ที่อยู่คู่กับความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนมายาวนาน เห็นไหมครับว่าวัดนี้มีดีจริง ๆ หากท่านเดินทางผ่านไปผ่านมาอย่าลืมแวะนะครับเพราะเป็นอีกหนึ่งวัดที่ห้าม (พลาด) จริง ๆ มาแล้วไม่ได้แวะรับรองจะเสียดาย...เอาหละครับสำหรับวันนี้เท่านี้ก่อนนะครับเอาไว้ผู้เขียนจะหาวัดที่น่าสนใจมานำเสนอท่านอีกอย่างแน่นอน....อ่อลืมบอกไปครับทุกปีที่วัดแห่งนี้จะมีการจัดให้มีประเพณีปอยส่างลอง (การบวชสามเณร) เป็นชื่อเรียกการบวชสามเณรของช่าวไทใหญ่ครับน่าดูน่าชมมาก หากมีโอกาสอย่าลืมมาร่วมบุญด้วยนะครับ......สำหรับวันนี้ธรรมะสวัสดีครับ เครดิตภาพทั้งหมดจากผู้เขียน ดร.อาบแสงจันทร์ ต.