สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศธรรมชาติแบบภูเขา หนึ่งจังวัดในภาคเหนือซึ่งเป็นเมืองแห่งขุนเขาที่พลาดไม่ได้คือ แม่ฮ่องสอน ในบทความนี้ผู้เขียนจะมาเล่าประสบการณ์เที่ยวแม่ฮ่องสอนในระยะเวลา 3 วัน 2 คืน โดยใช้รถส่วนตัว มาดูกันว่าสถานที่เที่ยวแต่ละแห่งที่ผู้เขียนได้ไปเยือนมาเป็นอย่างไรบ้าง วันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้เขียนและครอบครัวเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนโดยขับรถส่วนตัวมาจากทางเชียงใหม่ ก่อนจะถึงตัวเมืองเราได้แวะสะพานประวัติศาสตร์ปายหรือสะพานประวัติศาสตร์ท่าปายและจุดชมวิวกิ่วลม สองสถานที่นี้สามารถสังเกตได้ง่ายเนื่องจากอยู่ติดถนนใหญ่ และเพราะเป็นฤดูท่องเที่ยวสะพานประวัติศาสตร์ท่าปายจึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ มาต่อที่จุดชมวิวกิ่วลม เรามาถึงที่นี่ตอนเย็นแล้ว อากาศตอนนั้นหนาวมาก มีลมพัดมาทีก็ต้องรีบหันหลังหลบเพราะมันเย็นจริงๆ แก็งค์รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่หรือที่เราชอบเรียกกันว่า Big Bike หลายกลุ่มจอดเรียงกันเป็นแถว เรียกได้ว่าตลอดทริปนี้เจอพวกเขาในทุกสถานที่ที่ไปเลยทีเดียว ขับท้าอากาศหนาว เก่งสุด ๆ เรามาถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอนในช่วงหัวค่ำจึงเข้าที่พักและเดินออกมาหาอะไรกินกัน ถ้าพักกลางตัวเมืองจะสามารถเดินออกมาที่ถนนคนเดินแม่ฮ่องสอนซึ่งติดกับสวนสาธารณะหนองจองคำได้เลย ที่ถนนคนเดินมีทั้งของกินและของฝากน่าซื้อ ทั้งหมวกแบบญวน เสื้อผ้าไทย ผ้าไทยสำหรับมาตัดเป็นเสื้อ พวงกุญแจแม่ฮ่องสอนและงานฝีมือต่าง ๆ ที่นั่งกินเป็นโต๊ะกลมนั่งพื้นติดกับบึงน้ำ เราสั่งส้มตำและซื้ออาหารพื้นเมืองสองสามอย่างมากิน มีหมูพวง แอ๊บหมู (คล้ายการเอาข้างในไส้อั่วมาห่อใบตองแล้วนึ่ง) ข้าวปุกซึ่งแม่ค้าบอกว่าเป็นข้าวเหนียวผสมงาปิ้ง และอื่นๆอีกมากมาย ตัวถนนคนเดินอยู่ติดกับวัดจองคำและวัดจองกลางที่กลางคืนจะประดับไฟสวยงาม สามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปไหว้พระได้ แถมที่หน้าวัดยังมีโคมขายเผื่อใครอยากลอยโคม เช้าวัดถัดมาเราตื่นแต่เช้าเพื่อไปวัดพระธาตุดอยกองมู แนะนำให้มาแต่เช้าเพราะที่จอดรถมีจำกัด และจะได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น วัดพระธาตุดอยกองมูอยู่ในตัวเมืองขับรถขึ้นมาได้เลย ในวัดจะมีพานใส่ดอกไม้ให้เราเดินถือเวียนรอบวัดสามรอบและนำไปวางตามฝั่งวันเกิดของตัวเอง บนวัดมีร้านกาแฟเล็ก ๆ แต่วิวทะเลหมอกสวยเกินราคา นักท่องเที่ยวสามารถมานั่งห้อยขาจิบกาแฟหรือเครื่องดื่มร้อนชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางอากาศหนาวได้ ถัดมาเราขับรถไปยังสะพานซูตองเป้ ทางเข้าเป็นถนนในชนบท มีบ้านชาวบ้านอยู่รายทาง ป้ายทางเข้าทำจากไม้ตั้งตรงที่จอดรถซึ่งเป็นลานดินขนาดไม่กว้างมากกลางหมู่บ้าน เมื่อเดินเข้าไปจะเห็นตัวสะพานไม้สีเทาทอดยาวอยู่กลางทุ่งนา เราเดินไปสุดสะพานเจอวัดซูตองเป้ วัดขนาดเล็กแต่ประทับใจผู้เขียนอย่างมากเนื่องจากศิลปะการตกแต่งของเขามีลักษณะเฉพาะ เหมือนเป็นอีกภูมิปัญญาที่ผู้เขียนไม่เคยรู้จักมาก่อน แม้จะเป็นช่วงเที่ยงแต่บนวัดไม่ร้อนเลย มีลมพัดตลอด เป็นสถานที่สงบอีกแห่งหนึ่ง ในโบสถ์จะมีแผ่นไม้ผูกเชือกหลากสีให้เขียนคำอธิษฐานแล้วนำไปแขวน หนึ่งคำอธิษฐานต่อหนึ่งแผ่นไม้ ข้างวัดมีอุโมงค์ไม้สานให้เดินชมรอบวัด ปางอุ๋งอยู่ห่างจากสะพานซูตองเป้ไม่กี่กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถไม่ถึงสิบห้านาที แดดจะแรงหน่อยในช่วงบ่ายแต่วิวของปางอุ๋งที่เห็นน่าจะทำให้หลายคนชอบได้ทันที สิ่งที่เจอคือเนินหญ้าสีเขียวโล่งลาดลงมาจากสันของอ่างเก็บน้ำและทะเลสาบที่ล้อมด้วยสวนสนสูง สถานที่นี้มอบความรู้สึกปลอดโปร่งและผ่อนคลายให้ผู้มาเยือน ที่นี่มีทั้งบ้านพักและพื้นที่ให้กางเต็นท์พักแรม สามารถติดต่อได้ที่ที่ทำการของเจ้าหน้าที่ กิจกรรมที่เราไปทำคือพายเรือไม้ไผ่ชมทะเลสาบ ความจริงจะมีคนพายให้แต่เพราะเรือขึ้นได้แค่สามคนเราเลยขอพายกันเอง สนุกดี พายยากอยู่แต่วิวถ่ายรูปจากบนเรือสวยอยู่แล้ว เราจึงได้รูปดี ๆ โดยไม่จำเป็นต้องพายไปไกล เรือ 150 บาทต่อชั่วโมงรับได้สามคนบนเรือ (รวมคนพาย) ไฮไลท์ของทะเลสาบที่เราหาข้อมูลมาคือการถ่ายรูปกับหงส์ แต่พายไปไม่เห็นหงส์สักตัวจนเมื่อเข้าฝั่งจึงถึงบางอ้อ เขาเพิ่งเอาน้องออกมาปล่อยเป็นหงส์ขาวสองตัว หงส์ดำหนึ่งตัว เราออกจากอำเภอเมืองและเข้าหาที่พักในอำเภอขุนยวม เรานอนกันที่โรงแรมมิตรขุนยวม เจ้าของต้อนรับดีมาก ใจดีมาก พูดคุยเป็นกันเองยิ้มแย้มแจ่มใส ห้องมีหลายราคาให้เลือก เช้าของวันที่ 8 เรามุ่งสู่ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ ทางขึ้นชันหน่อย เมื่อไปถึงด้านบนจะเป็นภาพถนนโค้งไปมาสลับกับเนินเขาที่เต็มไปด้วยดอกบัวตองทั้งเนิน เสียดายแค่ว่าดอกบัวตองบานไม่นาน แนะนำควรมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน เพราะตอนผู้เขียนไปดอกบัวตองก็เริ่มเหี่ยวไปมากแล้ว ลมข้างบนแรงมากและหนาวมาก จำได้ว่าอากาศประมาณ 11 องศา เตรียมเสื้ออุ่น ๆ ไปให้ดีเลย สถานที่สุดท้ายที่เราแวะคือน้ำตกแม่สุรินทร์ เป็นที่ที่เราไม่ได้แพลนไว้แต่เพราะเป็นทางผ่านเลยเข้าไปดู ตอนแรกไม่ได้หวังอะไรมาก แต่พอเดินเข้าไปเห็นจริงๆ มันเหมือนความอลังการที่ถูกซ่อนเอาไว้ น้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงจากหน้าผาเป็นสิ่งที่ไม่ว่าถ่ายกี่รูปก็ไม่ได้เท่าที่เห็นด้วยตาจริง ๆ ที่นี่นักท่องเที่ยวไม่มาก เราเดินชมวิวกันสบาย ๆ และเหล่านี้คือสถานที่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมืองสามหมอกที่ผู้เขียนได้ไปเยือนมา ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับผู้ที่อยากไปเที่ยวในภาคเหนือแต่ยังไม่มีไอเดีย สามารถปักหมุดตามสถานที่เหล่านี้ได้เลย