ช่วงนี้ใครที่กำลังรู้สึกเหนื่อย ๆ กับการเรียน หรือการทำงาน เราขอแนะนำสถานที่พักใจ พาทุกคนหนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ มาผ่อนคลายความเครียดที่ “สวนหลวง ร.9” สวนสาธารณะและแหล่งเรียนรู้ทางพฤษศาสตร์ ใครจะไปเชื่อว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่กลางกรุงเทพฯ โดยซ่อนตัวอยู่ในเขตสวนหลวง แถมยังมีขนาดใหญ่มากจนคนที่พึ่งมาครั้งแรกอาจเดินหลงทางได้ ต้นไม้ละลานตา พื้นที่กว้างขวาง และบรรยากาศร่มรื่นของสวนแห่งนี้ เป็นสิ่งที่ครองใจใครหลาย ๆ คนได้เป็นอย่างมาก และถือเป็นจุดเด่นของที่นี่เลยก็ว่าได้ ฟีลกู้ดสุด ๆ ไปเลย สามารถมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ได้ทุกวัน ตั้งแต่เช้ายันเย็น ค่าเข้าก็ไม่แพง แต่ในวันธรรมดาสวนจะไม่ค่อยมีคนมากนัก เทียบไม่ได้กับวันเสาร์-อาทิตย์ที่จะมีผู้คนพลุกพล่านมากกว่า ใครที่มาช่วงเย็น ให้เร่งมือหน่อย เพราะถ้าเลยเวลา 1 ทุ่ม เจ้าหน้าที่จะมาลั่นกลอนประตูสวนทันทีเลย แต่หากมาในช่วงเช้าจะรู้สึกเหมือนหลุดมาอีกโลกหนึ่งที่เวลาเดินช้าลงกว่าปกติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบาย ๆ ไม่เร่งรีบ บรรยากาศภายในสวนเงียบสงบ ลมพัดเย็นสบายกำลังดี อีกทั้งแสงอาทิตย์ในยามนี้ก็ไม่ร้อนมากด้วย บริเวณสนามหญ้าและริมทางเดินมีผู้คนให้เห็นประปราย ส่วนใหญ่จะพากันมาออกกำลังกายรับแสงแดดยามเช้า สายรักสุขภาพห้ามพลาด นอกจากวิ่งจ๊อกกิ้ง และปั่นจักรยานแล้ว ยังมีกิจกรรมกลางแจ้งอื่น ๆ อีก ที่ไม่ต้องใช้แรงเยอะแต่ก็เรียกเหงื่อได้เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น ออกกำลังกายเบา ๆ ด้วยการเต้นแอโรบิก แถมเรายังแอบได้ยินมาว่าบางวันที่สวนก็มีสอน “รำมวยจีน” หรือ “ไทเก๊ก” ด้วยนะ เราเดินตามทางไปเรื่อย ๆ ก็มาถึงแปลงดอกไม้ที่เขาฮิตกัน เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่ใครต่อใครก็ต้องมาเช็คอินตรงนี้ ได้ภาพสวย ๆ กลับมาเพียบ แต่ละแปลงจะมีดอกไม้แตกต่างชนิด หรือไม่ก็แตกต่างสี แต่จัดเรียงไล่สีออกมาแล้วดูสวยงาม น่าชม เราไปช่วงเดือนธันวาคม ในแปลงก็เลยมีแต่ดอกไม้ฤดูหนาว ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละฤดูกาล สำหรับสายถ่ายรูปที่อยากเก็บภาพวิวทิวทัศน์ และบรรยากาศดี ๆ แต่ไม่อยากมาช่วงที่คนเยอะ ๆ เราแนะนำให้มาวันธรรมดาเพราะคนจะน้อยกว่าช่วงวันหยุด มาสักประมาณ 8 โมงเช้า เป็นเวลาที่แสงกำลังสวย แต่ถ้าอยากให้ภาพดูร่มรื่นแนะนำช่วงบ่าย 2 โมงเย็น ก็จะได้มู้ดภาพที่ต่างออกไปจากช่วงเช้า ถัดไปเป็นโซนที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักสักเท่าไหร่นัก โซนนี้จะเป็นทางเดินปูนสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เรียงยาวเป็นแถวพาเข้าสู่ป่าจำลอง ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอต้นไม้สูงใหญ่ตั้งเรียงรายไปทั่ว บริเวณนั้นค่อนข้างเงียบสงบ ดูลึกลับ แต่ก็มีเสียงนกร้องให้ได้ยินอยู่เรื่อย ๆ พาให้เรารู้สึกตื่นเต้นไปกับกับการเดินป่า โดยมีทางออกให้เลือกหลายทาง แต่ทางออกที่เราออกจะอยู่ใกล้กับ “สวนจีน” ซึ่งเป็นสถานที่ที่จำลองมาจากสวนของต่างประเทศ ทางเดินกรวดหินที่มีการจัดเรียงอย่างดีเป็นแนวยาว โต๊ะน้ำชากลม ๆ เตี้ย ๆ ตั้งอยู่หน้าบ้านเรือนสไตล์จีนโบราณ การตกแต่งสวนมีลักษณะที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้หลุดเข้าไปในซีรีส์จีนย้อนยุคเรื่องไหนสักเรื่อง การตกแต่งสวนจะเน้นสไตล์โบราณ กำแพงปูนสีขาวเรียบ ๆ ที่ล้อมรอบอยู่ มีขนาดที่ไม่สูงมากนัก บางช่วงของกำแพงมีหน้าต่างฉลุลายแทรกอยู่ ดูประณีต และอ่อนช้อย แผ่นหินสลักที่จัดวางไว้บนแท่น พุ่มไม้ทรงสี่เหลี่ยม และต้นไผ่เรียบ ๆ ที่ดูแล้วสบายตา แต่ที่เราสะดุดตาที่สุดคงหนีไม่พ้นหินก้อนโตรูปทรงแปลกตาที่ถูกตั้งโชว์ไว้ ถ้าเดินเลียบตามทางหินไปอีกด้านหนึ่ง จะพบทางเชื่อมที่พาไปสู่สระบัว ซึ่งมีศาลาริมน้ำไว้สำหรับนั่งพักเหนื่อย แอบกระซิบไว้เลยว่าหากมาถูกจังหวะอาจได้เจอน้องเต่าโผล่ขึ้นมาทักทายจากสระบัว แบบที่เราเจอ หรืออาจได้ชมดอกบัวบานสะพรั่งเต็มสระ หากใครที่เดินจนเริ่มเหนื่อยแล้ว มานั่งพักกันที่ศาลาหรือเก้าอี้ม้านั่งที่วางไว้ตามริมทางได้นะ มีตั้งอยู่หลายจุดเลย ศาลาที่เราเห็นส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้กับจุดขายอาหารและเครื่องดื่ม หรือไม่ก็ใกล้กับห้องน้ำ ถือว่าสะดวกสบายครบครันจริง ๆ ถึงพาผู้สูงอายุหรือเด็กเล็กมาก็หายห่วงเรื่องหยุมหยิมแบบนี้ไปได้ ขอบอกก่อนว่าช่วงที่เราไปตรงกับที่สวนจัด “งานพรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9” พอดี นอกจากจะมีการจัดแสดงดอกไม้นานาพรรณให้ชมแล้ว ก็ยังมีตลาดนัดขนาดย่อม ๆ อยู่ 2 จุดด้วยกัน มีของให้เลือกช็อปมากมาย ทั้งของกิน เสื้อผ้า และเครื่องประดับ คนซื้อแบบเราเดินเพลินไม่มีเบื่อ แถมมีของติดไม้ติดมือกลับบ้านเพียบ เรากับเพื่อนซื้อของกินภายในงานมากันเต็มไม้เต็มมือ ก่อนจะมองหาทำเลเหมาะ ๆ ในการปิกนิก โชคดีที่ร้านค้าตั้งอยู่ใกล้สระน้ำจึงไม่ต้องเดินไปไหนไกล เลือกที่นั่งใต้ต้นไม้ จัดที่จัดทางสักหน่อยก็เริ่มปิกนิกยามบ่ายกันได้ บรรยากาศแถวริมสระน้ำค่อนข้างร่มรื่น วิวสวย เป็นจุดที่ดูแล้วน่าจะเหมาะแก่การมานั่งปิกนิกกับครอบครัวเป็นอย่างมาก ถ้าไปแถวริมสระคงหนีไม่พ้นกิจกรรมยอดฮิตที่คนมักจะทำกัน ก็คือ “การปั่นเป็ด” วิธีการเช่าเรือก็ไม่ยากเลย แค่ทุกคนเดินตรงไปที่ท่าเรือแล้วส่องดูว่ายังมีเรือว่างอยู่หรือไม่ ถ้ามีก็รีบบอกพี่พนักงานว่าจะเช่าเรือเป็ดสัก 1 ลำ พอจ่ายปุ๊บก็ขึ้นได้ปั๊บ สามารถเล่นได้นานเกือบชั่วโมงเลย สถานที่ผจญภัยลับ ๆ อีกที่ของเรา ที่ใครหลายคนอาจจะยังไม่รู้ ถ้าเราเดินเจากบริเวณสระน้ำ เลาะผ่านโซนที่มีเครื่องออกกำลังกายตั้งอยู่เยอะ ๆ ก็จะเจอกับ “เขาวงกต” เป็นจุดที่ไม่ว่าจะเข้าไปกี่ครั้งก็ยังจำทางออกไม่ได้สักที กว่าเรากับเพื่อนจะออกมาได้ก็ใช้เวลาเดินกันอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว ต่อไปเรามาเติมเต็มความรู้ที่ “หอพฤกษศาสตร์” กันสักหน่อยดีกว่า ช่วงที่เราไปมีจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับไผ่ เราใช้เวลาฟังพี่เจ้าหน้าที่บรรยายนานราว 5 นาทีได้ จับใจความได้ว่า ไผ่ทุกชนิดที่นำมาโชว์เป็นไผ่จริง และบางอันก็ค่อนข้างหาดูได้ยาก แล้วไผ่แต่ละชนิดก็นำมาใช้ประโยชน์แตกต่างกันไปด้วย อยากให้ทุกคนได้ลองมาสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ แบบนี้ดูสักครั้ง ซึ่งวิธีการเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ยากเลย คงคอนเซ็ปต์ง่าย สะดวก ประหยัด หากนั่งรถไฟฟ้าสายสีเหลืองก็ให้มาลงที่สถานี “สวนหลวง ร.9” เดินออกทางออก 2 และอาจจะนั่งวินหรือเดินเข้ามาก็ได้ แต่สำหรับชาวเขตประเวศแบบเรา หากมาจากทางแยกประเวศจะง่ายกว่า ขึ้นสองแถวสาย “อุดมสุข” เพียงแค่ต่อเดียวก็ถึงหน้าสวนเลย สุดท้ายนี้หวังว่าทุกคนจะสนุกและเพลิดเพลินไปกับบทความที่เราเขียนนะคะ ภาพถ่ายทั้งหมดโดยนักเขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !