เรื่องเล่าจากเจ้าถิ่น: แหลมพรหมเทพ ในวันที่ฟ้าหม่น ผมอุตส่าห์ ดั้นด้นขึ้นมาถึงที่นี่ เพื่ออยากจะเห็นพระอาทิตย์ตกก่อนใครๆ โอ! พระเจ้า เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง ฝนโปรยลงมา เหมือนฟ้าฝนไม่เป็นใจ ท้องฟ้าเป็นสีขาวเทา ดูเศร้ายิ่งนัก ใจที่ลิงโลดพองโต จะเห็นพระอาทิตย์ตกก่อนใคร กลับทะลายแฟบลง ผมได้แต่รำพึงในใจ "ฟ้ามันจะเปิดมั้ยเนี่ย” ท้องฟ้ามันควรจะเป็นสีฟ้าไม่ใช่หรอ ผมมองไปเบื้องหน้า ทะเลสีครามเข้ม ยังคงงดงาม เมื่อแหงนหน้าดูท้องฟ้า กลับรู้สึกเศร้าใจ รถทัวร์นำคณะนักท่องเที่ยวจีนมาที่นี่หลายคัน ส่งเสียงชนิด สำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล โหวกเหวกเสียงดัง ทำลายบรรยากาศท้องฟ้าที่เป็นสีเทา แปรเปลี่ยน Pollution มลภาวะที่เกิดขึ้นโดยมนุษย์ ผมอยากจะตะโกนออกไป เฮ้ย! หุบปาก นั่นก็เพียงแค่คิด ฮ่า ๆ ๆ พวกเขาเยอะมว๊าก เดี๋ยวเขาแห่มากระทืบเอา ฮ่า ๆ ๆ ผมต้องปรับทัศนคติใหม่ ผมเดินไปที่หน้าผาที่แลเห็นต้นตาลยืนเรียงราย ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของแหลมพรหมเทพ ผมหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเก็บความประทับใจไว้ เสียงคลื่นยังคงซัดสาด ดอกหญ้าพริ้วไหวเป็นเชิงทักทาย สวัสดีจ้ะ ผมกำลังจินตนาการถึง ดวงตะวัน ที่อยู่เบื้องหน้า กำลังค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยลับลา ฟ้าค่อย ๆ แปรเปลี่ยนสีจากโทนสีฟ้าเป็นสีชมพูและสีส้มและส้มเข้มจนมืดมิดลาลับหายไปในขอบฟ้า สมภัสสร ๆ เสียงตะโกนร้องเรียกจากทีมงาน ทำให้ผมตื่นจากภวังค์ ไปเถอะ เดี๋ยวเราไปเดินถนนคนเดินกัน ผมสื่อใจถึงดวงอาทิตย์ที่ลาลับ ผมสัญญาว่าผมจะกลับมาอีกครั้ง ผมจะต้องมาเห็นพระอาทิตย์ตกก่อนใครๆ ผมสัญญา และความคิดหนึ่งก็แว่บเข้ามาในหัวผม อย่ามัวเสียดายกับพระอาทิตย์ที่ลับไป จนลืมไปว่า พระอาทิตย์วันใหม่ยังสวยงามอยู่เสมอ การเดินทางมายัง : แหลมพรหมเทพ 1.โดยรถยนต์ส่วนตัว จากตัวเมืองภูเก็ตไปตามทางหลวงหมายเลข 4027 และ 4024 ผ่านหาดราไวย์และหาดในยะ จากนั้นตรงไปตาม ทางหลวงหมายเลข 4233 อีกประมาณ 650 ม. ก็ถึงลานจอดรถของแหลมพรหมเทพ ต้องเดินขึ้นบันไดไปบนเนินสูงเพื่อไปจุดชมวิว ถ้าต้องการชมทิวทัศน์ที่ปลายแหลมพรหมเทพต้องเดินต่อไปตามทางอีกประมาณ 1 กม. 2.โดยรถโดยสารประจำทาง นั่งรถสองแถว สายภูเก็ต-ราไวย์-ในหาน หรืออาจจะเหมารถแท็กซี่มาก็ได้