รใกล้จะปีใหม่สงกรานต์นี้หลายๆคนที่ทำงานต่างจังหวัดหรือในกรุงเทพมหานคร คงหยุดยาวหลายวันและกำลังเดินทางมุ่งหน้ากลับบ้าน เพื่อไปหาครอบครัวที่น่ารัก กลับสู่อ้อมกอดอันแสนอบอุ่น หวังว่าคงเดินทางกันอย่างปลอดภัยนะคะ คงมีเวลาพักผ่อนและเข้าวัดทำบุญกันหรือเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ วันนี้ผู้เขียนมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีตำนานเล่าขาน มากกว่า 100 ปี "วัดศรีบัวบาน" บ้านบกหวาน ตำบลค่ายบกหวาน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย วัดที่เต็มไปด้วยความศรัทธา ใครที่ผ่านไปผ่านมาในตำบลค่ายบกหวานหรือจังหวัดหนองคาย ต้องมากราบสักการะองค์พระธาตุหลวงปู่ชาลี ที่เป็นศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจของพี่น้องชาวตำบลค่ายบกหวาน วัดที่มีตำนานเล่าขานมาแต่ช้านานวัดในชุมชนชนบทที่เต็มไปด้วยความผูกพันธ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วัดศรีบัวบาน วัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลค่ายบกหวาน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย วัดเก่าแก่ที่ตั้งมาพร้อมกับตำนานค่ายทหารในสมัยท่านแม่ทัพเจ้าพระยาบดินทร เดชา(สิง สิงหเสนี)ซึ่งนำเหล่าทหารมาปราบกบฏฮ่อในสมัยนั้น ซึ่งกองทัพทหารได้มาตั้งกำลังพลหลักอยู่ที่บ้านบกหวานบริเวณใกล้กับลำห้วยบกหวาน ซึ่งในอดีตบ้านบกหวานมีชื่อว่าบ้านผักหวาน ในหมู่บ้านจะมีต้นผักหวานเป็นจำนวนมากเพื่อให้ร่มเงาและนำมาประกอบเป็นเมนูอาหารได้ วัดศรีบัวบานเป็นที่สักการะของเหล่าทหาร เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจ ในการปราบฮ่อครั้งนั้น ซึ่งก็มีเหล่าทหารได้นำต้นจำปามาปลูกไว้เพื่อเป็นต้นไม้ประจำวัดและให้ดูสวยงาม วัดศรีบัวบานจึงเป็นที่พึ่งทางใจให้กับเหล่าทหารที่มาปราบฮ่อใยสมัยนั้น วัดที่เต็มไปด้วยความประทับใจในหลายๆเรื่องที่ยังคงอยู่คู่มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนในตำบลนี้ก็ชอบแวะเวียนมากราบไหว้ หลวงปู่อย่างสม่ำเสมอ ไปว่าจะไปทำงานต่างประเทศหรือกรุงเทพ ก็จะมักมาขอพรจากหลวงปู่ก่อนไป เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและปกปักรักษาเมื่ออยู่แดนไกล ด้วยคำสนของหลวงปู่ที่พูดติดปากกันมาแต่ช้านานทำให้ลูกหลานยึดถือปฏิบัติและมีความเลื่อมใสหลวงปู่ เราประทับใจที่วัดศรีบัวบานได้มีการบูรณะซ่อมแซมบริเวณรอบๆวัดให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น และสะดวกสบายๆแก่ผู้ที่เข้ามากราบไหว้องค์หลวงปู่ชาลี ใต้ร่มไม้ของแต่ละต้นก็มีที่ให้นั่งรับลมชมวิวเกือบทุกต้น ทางด้านทิศตะวันออกก็ใกล้กับลำห้วย ยิ่งบรรยากาศเย็นๆจะมีเด็กๆมานั่งเล่น เพราะลมเย็น อากาศเย็นสบายมากๆ ฝั่งที่องค์พระธาตุหลวงปู่ก็จะติดกับทุ่งนา อากาศก็เย็นสบายดีอีกเหมือนกัน มองไปเห็นต้นข้าวต้นหญ้าเขียวๆ ทำให้สบายตามากๆ ถ้ามองรอบๆวัดแล้วจะได้กลิ่นอายของความเป็นบ้านๆมาก อาจจะดูเหมือนวัดทั่วๆไปนะ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของคนในท้องถิ่น ระหว่างบ้าน วัด ชุมชน เป็นอย่างดี ประตูทางออกจะมีอยู่ 4 ทาง ทางที่1คือเส้นถนนทางไปบ้านโพนตาล ทางที่2คือเส้นมาจาก 4 แยกเส้นทางซอยวัดศรีบัวบาน ทางที่3คือเส้นทางแถวทุ่งนาทางที่องค์พระธาตุหลวงปู่ และทางที่4 คือเส้นทางสะพานข้ามลำห้วย แต่เส้นนี้สัญจรได้แค่รถมอไซต์และจักรยานนะคะ เพราะสะพานแคบ ใครที่อยากให้อาหาร นอกจากนี้จะมีฝูงไก่น่ารักๆแวะมาให้อาหารด้วยก็ได้นะ ไก่เยอะมาก บรรยากาศภายในวัดจะมีต้นไม้ข้างๆกำแพงทั้ง 4 ทิศ เลยคะ เย็นสบายทั้งวันแน่นอน มีต้นจำปาที่คือว่าเก่าแก่ราวๆกับวัดอยู่ 2-3 ต้น ให้ร่มเงาทางด้านหลังโบสถ์ ตอนเย็นๆก็มักจะมีเด็กๆชอบไปนั่งเล่นตรงนั้นด้วยผู้เขียนขอเล่าประวัติคร่าวๆของหลวงปู่ชาลี อัตตคุตโตเพื่อนให้เพื่อนๆได้รู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นวัดศรีบัวบานและทำไมวัดศรีบัวบานจึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านบกหวาน ตำบลค่ายบกหวาน จังหวัดหนองคายและจังหวัดใกล้เคียงรวมถึง สปป.ลาว เมื่อปีพุทธศักราช 2450 หลวงปู่อายุได้ 20 ปี เพราะเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โดยอยู่ที่บ้านนาฮี(วัดพระประดิษฐ์) มีพระครูอ่อนตา ปัญญาวโรเป็นผู้อุปัชฌาย์และมีพระอาจารย์ให้กับหลวงปู่ หลวงปู่ชาลีได้ฉายาทางธรรมว่า อัตตคุตโต ที่แปลว่า ผู้มีตนเป็นที่พึ่ง จากนั้นหลวงปู่ก็ได้ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัย ทั้งเรื่องพุทธศาสตร์และไสยศาสตร์และยังมีโอกาสได้ไปธุดงค์ที่ภูเขาควายประเทศลาวหลายปี มีลูกศิษย์ทางสปป.ลาว เยอะมากๆ หลวงตากลับจากศึกษาทางภูเขาควายแล้ว ก็ได้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีบัวบานเพราะเจ้าอาวาสองค์เดิมมรณะภาพไปแล้ว ไม่มีใครประจำที่วัด ซึงหลวงปู่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีบัวบานเป็นรูปที่ 4 เมื่อปี 2458 หลวงปู่เองจึงได้พัฒนาวัดให้เกิดความเจริญมากขึ้น จนน่าเลื่อมใส และเป็นที่พึงพาอาศัยของชาวบ้านบกหวานอีกด้วย เพราะหลวงปู่ใจดี จึงเป็นรักใคร่ เลื่อมใสของชาวบ้าน และในเวลาต่อมามีชาวบ้านมา นิมนต์หลวงปู่ไปประจำวัดดงแขม(มฤคทายวัน) เพราะว่าวัดในขณะนั้นแทบไม่ต่างอะไรกับป่าช้า ชาวบ้านเข้าไปลำบากแต่เพราะกำลังศรัทธาในองค์หลวงพ่อพระศรีอาริย์ จึงอยากให้หลวงปู่ชาลี ไปช่วยดูแล เพื่อให้วัดกลับมาเป็นวัดอีกครั้ง หลวงปู่ชาลีจึงได้สร้างอุโมงค์เพื่อบังแดดบังฝนองค์พระศรีอาริย์ไว้และในเวลาต่อมาจึงได้สร้างอุโบสถ์ขึ้นและบูรณะสถานที่วัดดงแขมให้ดูสวยงามและน่าเลื่อมใสมากขึ้น หลวงปู่ชาลีจึงมีความผูกพันธ์กับวัดดงแขมมากๆและไปมาอยู่เสมอ หลังจากพัฒนาวัดดงแขมเสร็จหลวงปู่ก็กลับมาอยู่วัดศรีบัวบาน บ้านบกหวานเหมือนเดิมและพัฒนาวัดอยู่ตลอดๆ หลวงปู่จึงมีลูกศิษย์เยอะ เพราะหลวงปู่คอยช่วยเหลือ บำบัดทุกข์บำรุงทุกข์ชาวบ้านอยู่ตลอด หลวงปู่ชาลีมรณะภาพเมื่อปี 2510 ด้วยอาการอาพาธเป็นที่โศกเศร้าของชาวบ้านบกหวาน ตำบลค่ายบกหวานและลูกศิษย์ทั้งหลายเป็นอย่างมาก สิริอายุ 80 ปีวันที่จัดงานฌาปนกิจหลวงปู่ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2511 แรม 3 ค่ำ เดือน 3 หลวงปู่เชื่อว่าการถ่ายรูปจะทำให้อายุสั้น จนในที่สุดหลวงปู่ก็ยอมให้ถ่ายรูปเมื่อหลวงปู่ท่านอายุได้ 66 ปี และเป็นเพียงรูปเดียวที่ปรากฎจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันทางวัดได้สร้างรูปเหมือนหลวงปู่ชาลีประดิษฐานไว้ในพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ชาลี และได้บูรณะพระธาตุหลวงปู่ชาลีใหม่ โดยพระธาตุเดิมของหลวงปู่ยังคงสภาพเดิมในพระธาตุใหม่ ที่มีความสูงมากกว่า 3 เมตรไว้ให้กราบสักการะ ได้ปรับวิสัยทัศน์รอบๆวัดให้ดูสวยงามมากขึ้น ส่วนพระธาตุหลวงปู่ชาลีจะอยู่ทางทิศตะวันออกและบูรณะโบสถ์ หอระฆังให้ดูแข็งแรงขึ้น รวมถึงได้สร้างพระสีวลีและท้าวเวสสุวรรณไว้หน้าโบสถ์เพื่อให้คนได้กราบไหว้อีกด้วยนอกจากนี้แล้วผู้เขียนยังได้เล่าถึงตำนานต้นจำปาที่มีอายุมากกว่า 191 ปี ที่เหล่าทหาร นำทัพโดยท่านแม่ทัพเจ้าพระยาบดินทร เดชา(สิง สิงหเสนี)และหลวงพิพิธ(ม่วง) ท่านและเหล่าทหารของท่านได้นำต้นจำปามากมายมาปลูกไว้ที่วัดศรีบัวบาน เพราะท่านเห็นว่าในตอนนั้นภายในวัดไม่ค่อยมีต้นไม้ ต้นจำปาที่ว่าจะเป็นต้นจำปาพันธุ์ดั้งเดิม ซึ่งพันธุ์ดั้งเดิมจะมีลักษณะกิ่งก้านของต้นโอบกอดเข้าหากัน ซึ่งภายในวัดศรีบัวบานจะเหลืออยู่ 2-3 ต้น ต้นจะอยู่ด้านหลังของโบสถ์ซึ่งในทุกๆวันก็จะมีเด็กและผู้สูงอายุออกไปนั่งเล่นใต้ร่มต้นจำปานี้พอสมควร นอกจากนี้ช่วงใกล้ถึงเทศกาลสงกรานต์ชาวบ้านก็จะมาเก็บเอาดอกจำปานี้ไปทำพวงมาลัยห้อยคอ เพื่อนำไปขายที่วัดโพธิ์ชัยที่จะมีงานอัญเชิญองค์พระใสลงจากพระอุโบสถมาประดิษฐ์ไว้ศาลาด้านล่าง เพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดหนองคายและจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงชาวไทยได้มาสรงน้ำในเทศกาลสงกรานต์ทุกปีวัดศรีบัวบานเราก็จะได้อันเชิญรูปเหมือนหลวงปู่ชาลีออกจากพิพิธภัณฑ์ มาประดิษฐานที่หน้าพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ เพื่อให้ชาวตำบลค่ายบกหวานได้สรงน้ำตลอดช่วงสงกรานต์เช่นเดียวกันคะปีใหม่สงกรานต์แบบไทยแล้วใครที่ผ่านไปผ่านมาทางหนองคาย อย่าลืมมาไหว้ขอพรพระธาตุหลวงปู่ชาลี อัตตคุตโต ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธ ชาวตำบลค่ายบกหวาน ตำบลใกล้เคียงและจังหวัดหนองคายเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ หลวงปู่ชาลียังเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวลูกหลานอยู่ตลอดมาด้วยคำสอนของหลวงปู่ที่มีต่อชาวบ้านและลูกศิษย์ทำให้เป็นที่กล่าวขานว่ามาถึงตำบลค่ายบกหวานต้องได้มาไหว้ขอพรองค์พระธาตุหลวงปู่ชาลี อัตตคุตโตสงกรานต์ปีนี้ มาไหว้พระธาตุหลวงปู่ก่อนเดินทางไปที่อื่นต่อเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว ก็ขอให้เพื่อนๆมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ร่ำรวยเงินทอง ไม่ทุกข์ไม่เครียดกับทุกเรื่องราวปัญหาที่ผ่านมาในชีวิตและขอให้เที่ยวอย่างสนุก ขับรถโดยสวัสดิภาพกันด้วยนะ ภาพปก ออกแบบจาก canva โดยผู้เขียนภาพประกอบบทความทั้งหมดโดยผู้เขียนแชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”