วันนี้ Boo Planet จะพาไป ดูตะวันขึ้นก่อนใคร ไป ผาแต้ม อุบลราชธานี นั่นก็เพราะจังหวัดอุบลราชธานี อยู่ทางด้านตะวันออกสุดของประเทศไทย (หมายถึงทิศทางนะครับ บางคนจะบอกว่าอยู่ตะวันออกเฉียงเหนือ อันนั้นคือแบ่งตามภาคอย่าสับสนนะ 555) แล้วตรงบริเวณ ผาแต้ม นี้ก็เป็นหน้าผาสูง มองลงไปก็จเห็นแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นพรหมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศลาว หมายถึงเรามาไกลมาก เท่านั้นยังไม่พอจะพาท่านผู้อ่านเดินไปด้านล่าง จะได้เห็นภาพเขียนสีโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุกว่า 3000 ปีด้วย เป็น Unseen Thailand เลยทีเดียว ผาแต้ม หรือ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีพื้นที่ครอบคลุม 3 อำเภอของจังหวัดอุบลราชธานี คือ อำเภอโขงเจียม อำเภอศรีเมืองเชียงใหม่ และอำเภอโพธิ์ไทร พื้นทีประมาณ 340 ตารางกิโลเมอตร มีทั้งที่ราบสูงและเนินเขามีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่านานาชนิด ด้านตะวันออกสุดจดแม่น้ำโขงซึ่งเป็นพรมแดนติดต่อกับประเทศลาว จะมีหน้าผาสูง มีทางเดินลงไปด้านล่าง เพื่อไปดูภาพเขียนยุคก่อนประวัติศาสตร์ ฉะนั้น เราต้องวางโปรแกรมให้ไปถึงที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม กันตั้งแต่เช้ามืด เพื่อที่จะได้ถ่ายภาพ พระอาทิตย์ขึ้น แชร์ลงบนโซเชียลก่อนใครในวันนี้ ก่อนที่พระอาทิตย์จะเคลื่อนหนีไปที่อื่นครับ จริง ๆ ก็คือตามหลักการทางภูมิศาสตร์ที่กล่าวไว้แต่แรกแล้ว บริเวณผาแต้มเป็นหน้าผาสูงแล้วยังอยู่ทางทิศตะวันออกที่สุดของพื้นที่ประเทศไทย สมัยก่อนมักจะได้ยินกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศทางวิทยุ ใช้เป็นจุดอ้างอิงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นของประเทศไทย วัดจาก ผาชะนะได ซึ่งก็เป็นจุดที่สูงสุดของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม นอกจากนี้ในพื้นที่อุทยานยังมีจุดชมวิว อีกหลายผา เช่น ผาเมย ผาเจ็ก ผาขาม ผาชะนะได ผาสร้อย เมื่อถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นกันจนหนำใจแล้ว เราก็สามารถหาอะไรทานที่ร้านค้าของอุทยานฯ เป็นอาหารเช้ากันก่อน รอท้องฟ้าสว่างอีกนิด ก็จะเดินลงไปด้านล่าง ซึ่งมีทางเดินและบันได้ทำเอาไว้ไม่ลำบาก ตามหน้าผา จะเจอภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ ฝีมือมนุษย์ มีอายุเก่าแก่กว่า 3000 ปีทีเดียว แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ สัตว์ เครื่องมือ สัญลักษณ์ และ มนุษย์ ภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ที่ผาแต้ม อยู่บนหน้าผาที่ยาวประมาณ 180 เมตร มีภาพทั้งหมดมากกว่า 300 ภาพ ถือว่าเป็นภาพเขียนสีที่ยาวที่สุดในประเทศไทยด้วยครับ บริเวณใกล้ ๆ ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจแบบเห็นแล้วต้องลงไปถ่ายรูปกัน อย่าง เสาเฉลียง ที่มีรูปร่างคล้ายดอกเห็ดที่เป็นหินเต็มไปหมด ซึ่งเกิดขึ้นจากธรรมชาติ เสาหินพวกนี้ถูกลมและน้ำกัดเซาะเป็นเวลานับล้าน ๆ ปี (นักธรณีวิทยาคาดว่าบริเวณนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน มีการพบซาก เปลือกหอย ทราย อยู่ในเนื้อหิน น้ำตกสร้อยสวรรค์ อยู่ไม่ไกลกันนักครับ น้ำตกสร้อยสวรรค์ไหลจากหน้าผาสูงสองด้าน เกิดจากลำห้วยสร้อยและลำแซไผ่ ไหลมารวมกันจะดูคล้ายสายสร้อยห้อยคอ แต่เราไปในช่วงเดือนมกราคม ซึ่งไม่ใช่หน้าน้ำ อาจจะเห็นน้ำตกน้อยไปหน่อย แต่ที่ไปช่วงนีก็ตั้งใจไปครับ เพราะใกล้ ๆ กัน จะมีทุ่งดอกไม้ป่า ซึ่งจะออกดอกในช่วงปลายฝนต้นหนาว ประมาณเดือน พฤศจิกายน ไปถึงเดือน กุมภาพันธ์ ทุ่งดอกไม้ป่า อยู่ที่ลานหินด้านบนของน้ำตกสร้อยสวรรค์ ดอกไม้ป่าบริเวณนี้ ในอดีต สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาท พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราดำเนินมาทอดพระเนตรความงามของดอกไม้ และได้โปรดพระราชทานนามให้กับดอกไม้เหล่านี้ใหม่ เช่น สร้อยสุวรรณา (จากเดิมคือดอกหญ้าสีทอง เป็นดอกไม้สีเหลือง) ดุสิตา (หญ้าข้าวก่ำน้อย ดอกไม้สีน้ำเงินอมม่วงมีกลีบบาง) มณีเทวา (ดอกกระดุมเงิน ที่เป็นดอกกลม ๆ สีขาว) ครั้งนึง ทาง ททท.ได้รวมทุ่งดอกไม้ป่าแห่งนี้ ไว้ในแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน ด้วย ขอขอบคุณที่อ่านและติดตามครับ เรื่องและภาพทั้งหมด โดย Boo Planet