เรื่องเล่าจากเจ้าถิ่น วัดเรืองแสง (วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว) เมื่อต้นปี ประมาณกลางเดือน มกราคม 2562 ผมกับทีมงานได้มีโอกาสไปร่วมงานการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 46 ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีเป็นเจ้าภาพ กิจกรรมมีการออกบูธ แจกน้ำดื่มให้กับนักกีฬา การแข่งขันมีการแข่งขันกันหลายสนาม เรายึดทำเลข้างสนามบอลในการตั้งบูธ ดูเด็กๆเตะบอล เชียร์กันไป ยิงกันจนประตูพรุน 11 ประตู ต่อ 0 สงสารทีมแพ้จัง บริเวณที่ตั้งบูธนั้นเป็นพื้นที่โล่ง มีเพียงร่มอันใหญ่เพื่อบังแดดเท่านั้น ร้อนต้องหลบไปนั่งดื่มกาแฟรับแอร์เย็นในร้านกาแฟของมหาวิทยาลัย ผมเป็นหัวหน้าทีม ในการมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ จึงบอกกับน้องๆ ว่า ประมาณสักบ่ายสามโมงค่อย Move ออกจากมอเรามาร่วมกิจกรรมแค่ 2 วัน ออกจากมอไปไหนดี ผมจิ้มมือถือ หาสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอุบล มีที่หนึ่งที่น่าสนใจคือวัดเรืองแสง ผมจึงถามพี่ทับทิม รองผู้จัดการสาขายิ่งเจริญปาร์คว่า พี่ทับทิมจากนี่ถ้าจะไปวัดเรืองแสง ไกลมั้ยครับ ประมาณ 80 กิโลจ๊ะไปกลับ 160 กิโล ก็ไกลอยู่เหมือนกันนะ ผมใคร่ครวญ ไหนๆ ก็ไหนๆ มาแล้วก็ไปดูกันดีกว่า พวกเราไม่ได้มากันบ่อยๆ ผมบอกกับตั้ม คนขับรถ ตั้มเราจะไปดูวัดเรืองแสงกัน ไปถูกมั้ยจะยากอะไรพี่ GPS ไง Go Go ทุกคนขึ้นรถเดี๋ยวไปถึงมืด เราใช้เวลาพอควรก็มาถึงวัดเรืองแสงประมาณ 5 โมงเย็นเศษๆ พอมาถึงทุกคนก็รีบลงจากรถตู้เพื่อเก็บภาพความประทับใจเก็บภาพดวงอาทิตย์ก่อนจะลับลาขอบฟ้า อากาศเริ่มเย็นสายลมพัดโชยผ่าน ฉันเห็นวัดตั้งอยู่ตรงหน้าชวนให้นึกถึงวัดเชียงทองมรดกโลกของประเทศลาว ใครก๊อปใครวะ ฉันคิด เขาเล่ากันว่า วัดเรืองแสงเป็นวัดที่จำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์ หรือเขาไกรลาส มา จุดเด่นของวัดคือ การได้มาชมภาพเรืองแสงเป็นสีเขียวของของต้นกัลปพฤกษ์ ที่เป็นจิตรกรรมที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถในยามค่ำคืน ให้พวกเราได้เก็บภาพความสวยงามกันครับ วัดแห่งนี้ถีอว่าเป็น Unseen ของจังหวัดอุบลราชธานี เลยนะครับ ด้านหลังของอุโบสถจะมีวิวทิวทัศน์เป็นลุ่มแม่น้ำโขง นอกจากจะเห็นวิวแม่น้ำโขงแล้ว ยังสามารถเห็นริมฝั่งของประเทศลาวได้อีกด้วย ต้นกัลปพฤกษ์ที่เรืองแสงนั้น ตามข้อมูลที่ผมได้ศึกษามาเป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ ซึ่งลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเอง โดยมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิตจากหนังเรื่องอวตาร โดยใช้สารเรืองแสง หรือสารฟลูออเรสเซนต์ ซึ่งจะรับแสงอาทิตย์ในตอนกลางวันพร้อมกับศิลปกรรมชิ้นนี้ได้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือหันข้างไปทางทิศตะวันตกก็เลยเหมือนเป็นฉากกั้นพลังงานในช่วงเวลาตอนกลางวัน แล้วจะฉายแสงออกมาในตอนกลางคืนคือเป็นการคายพลังงานออกมาจากตัวอุโบสถ อุโบสถนั้นมีต้นแบบมาจากวัดเชียงทองประเทศลาว คุ้นตามากเพราะผมเคยไปเที่ยวหลวงพระบางมาแล้ว และได้ไปเที่ยวที่วัดเชียงทอง ซึ่งได้นำมาเป็นวัดต้นแบบของวัดเรืองแสง ตอนพลบค่ำถือเป็นไฮไลท์ของวัดแห่งนี้จะเกิดปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์ งานพุทธศิลป์รูปต้นไม้ที่ผนังด้านหลังโบสถ์จะค่อยๆ เปล่งประกาย แท่น แท้น ! เกิดเป็นรูปต้นไม้เรืองแสงอันโดดเด่นท่ามกลางความมืด จนผู้คนขนานนามวัดแห่งนี้ว่า “วัดเรืองแสง” นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ไฟฉายจากมือถือของเราโดยใช้ลำแสงเขียนเป็นลวดลายลงที่พื้น จะปรากฎลวดลายเรืองแสงอันน่าอัศจรรย์ ใครที่สนใจก็สามารถแวะมาเที่ยวที่วัดแห่งนี้ได้ วัดแห่งนี้ ถือเป็น Unseen ของจังหวัดอุบลราชธานี เลยนะครับ พิกัด : ตำบล ช่องเม็ก อำเภอ สิรินธร อุบลราชธานี 34350 วัดเรืองแสง : เวลาเปิดให้ชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น.