สวัสดีครับวันนี้ผมจะพามาเที่ยวเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย ในเวลาเพียงแค่ 48 ชั่วโมงครับ จะมาดูกันว่าเมืองแห่งสตรีทอาร์ทเมืองนี้จะมีอะไรให้ทำให้เที่ยวกันบ้างครับ เราเริ่มต้นการเดินทางโดยการนั่งเครื่องบินไฟท์เช้าสุดจากดอนเมืองมาลงที่สนามบินหาดใหญ่ หลังจากนั้นจึงเหมารถที่สนามบินให้เค้ามาส่งเราที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ เมื่อมาถึงสถานีแล้วเราจึงไปซื้อตั๋วรถไฟหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ในราคาคนละ 50 บาท โดยรถไฟออกในเวลา 7:30 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ก็มาถึงสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ ของมาเลเซีย ก็ทำการผ่านการตรวจคนเข้าเมืองตามปกติเลยครับ แล้วก็รอรถไฟเพื่อที่จะไปบัตเตอร์เวิร์ธ ราคาคนละ 11 ริงกิต โดยเวลาท้องถิ่นของมาเลเซียจะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นต้องดูเวลารถไฟออกให้ดีนะครับ เมื่อมาถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ ให้ออกมาแล้วเดินตามป้ายรูปเรือเลยครับ ซึ่งเราจะขึ้นเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะปีนัง ค่าเรือคนละ 3 ริงกิต โดยจ่ายแค่ขาไปขาเดียวขากลับไม่ต้องจ่ายแล้วนะครับ พอถึงฝั่งปีนังแล้วเราจึงเดินไปยังที่พักของเราครับ โรงแรม Red Inn Heritage อยู่ในย่าน Little India ของปีนังครับ ราคาคืนละ 180 บาทเท่านั้นครับ เมื่อเช็คอินอะไรเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปยังร้าน Chendol ชื่อดังของปีนังครับ Chendol คือลอดช่องบ้านเรานั่นเองครับ แต่ที่นี่จะนิยมใส่ถั่วแดงลงไปด้วยครับ ถ้วยละ 3 ริงกิต คนต่อแถวกันเยอะมากครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ครับ หลังจากนั้นจึงเรียก Grab ไปยัง Penang Hill ครับ ราคา 13 ริงกิต ไปถึงก็ซื้อบัตรเลยครับ ค่าขึ้นราคาคนละ 30 ริงกิต โดยเราต้องขึ้นรถรางขึ้นไปตรงบริเวณจุดชมวิวข้างบนนะครับ สำหรับผม 30 ริงกิต ถือว่าแพงเลยครับ เพราะข้างบนก็คือจุดชมวิวละก็มีวัดอินเดียเพียงเท่านั้นครับ ส่วนกิจกรรมอย่างอื่นข้างบนต้องเสียเงินเพิ่มเลยตัดออกไปเลย หลังจากนั้นจึงเรียก Grab ไปยัง Gurney Drive ซึ่งเป็นสตรีทฟู้ดชื่อดังของปีนัง โดยมื้อนี้ผมเลือกทานอาหารอาหรับและก็มีไก่สะเต๊ะ ซึ่งอร่อยมากครับ หลังจากนั้นจึงเรียก Grab เพื่อจะกลับไปยังที่พักก็จบลงไปสำหรับวันแรกครับ สำหรับเช้าวันต่อมา วันนี้จะมาในสาย Street Art ครับ โดยการตามหา Street Art ในปีนังนั้นไม่ยากเลยครับ เพราะทุกโรงแรมจะมีแผนที่สำหรับการบอกเส้นทางของ Street Art ในจุดต่างๆ ซึ่งผมก็เดินตามหาซะเมื่อยเลยครับ เพราะ Street Art ที่นี่เยอะมากครับ โดยรูปที่จะเห็นต่อไปนี้แค่เบื้องต้นเท่านั้นครับ โดยส่วนใหญ่นั้น Street Art จะรวมอยู่แถว Armenian Street ครับ หลังจากนั้นผมจึงเรียก Grab ไปยังวัด Gek Lok Si ซึ่งเป็นวัดจีนที่มีชื่อเสียงที่สุดในปีนังครับ แล้วก็เรียก Grab ไปยังวัดไทยและวัดพม่าบนเกาะปีนังครับ ซึ่งทั้งสองวัดอยู่ฝั่งตรงข้ามกันเลยคร้บ เมื่อเข้าวัดเข้าวาจนอิ่มบุญแล้ว จึงเดินทางไปยัง Chew Jetty โดย Grab ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงในปีนังครับ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในปีนังครับ เมื่อชมพระอาทิตย์ตกดินกันเสร็จแล้ว จึงเดินทางไปทานอาหารเย็นกันที่เซเว่น แล้วกลับที่พักเพื่อพักผ่อนสำหรับคืนสุดท้ายในปีนังครับ เช้าวันต่อมาเป็นวันสุดท้ายแล้วครับ ผมจึงเดินสำรวจรอบเมืองเพื่อรอเวลาขึ้นเรือเฟอร์รี่เพื่อที่จะกลับไปยังฝั่งบัตเตอร์เวิร์ธ โดยส่วนใหญ่อาคารที่ปีนังจะเป็นสไตล์ชิโน-โปรตุเกส เหมือนจังหวัดภูเก็ต แต่ที่นี่จะมีจำนวนอาคารเยอะกว่ามากครับ หลังจากนั้นจึงไปขึ้นเรือเฟอร์รี่แล้วใช้วิธีเดิมเหมือนกับขาไปเลยครับ นั่งรถไฟยาวไปจนถึงสถานีรถไฟหาดใหญ่แล้วก็นั่งรถไปสนามบินหาดใหญ่เพื่อที่จะขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพมหานครครับ แต่ก็ต้องระวังเรื่องเวลาด้วยนะครับ เมื่อถึงประเทศไทยแล้วเวลาจะช้าลง 1 ชั่วโมงครับ เป็นการจบทริปปีนังที่สมบูรณ์แบบมากครับ😀 สรุปงบประมาณทั้งหมด ค่าเครื่องบินกรุงเทพ-หาดใหญ่ ไป-กลับ 1,800 บาท ค่าที่พักที่ปีนัง 2 คืน 360 บาท ค่ากิน-ค่าเดินทาง 2,500 บาท รวมทั้งหมด 4,660 บาท ปีนังเป็นเกาะที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติแตกต่างจากจุดอื่นในมาเลเซียมากครับ จึงส่งผลให้ที่นี่มีเอกลักษณ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ สำหรับผมเวลาเพียงแค่ 48 ชั่วโมง ก็ทำให้ผมได้มาเห็นในทุกมุมมองของเกาะนี้แล้วครับ สุดท้ายผมขอกล่าวคำว่า Terimah Kasih Penang หรือ " ขอบคุณปีนัง" นั่นเองคร้บ