รีเซต

หนีงาน ไปติดเกาะ เที่ยวภูเก็ต ทะเลใต้ อย่างชิล ฟีลเก๋กู้ด 2 คืน 3 วัน

หนีงาน ไปติดเกาะ เที่ยวภูเก็ต ทะเลใต้ อย่างชิล ฟีลเก๋กู้ด 2 คืน 3 วัน
เอิงเอย
29 สิงหาคม 2561 ( 03:46 )
27.9K
12

       คนไปทะเล ไม่หนีร้อน ก็หนีรัก... แต่มนุษย์งานอย่างเรา ขอหนีนายไปชิลแทนแล้วกันค่ะ ! สำหรับทริปนี้ เราจะไปฟิน เที่ยวภูเก็ต ไข่มุกเม็ดเล็กแห่งอันดามัน ที่ถ้าได้ไปสักครั้งต้องร้องว๊าวแน่นอน

       แต่ในใจก็คิดว่าถ้าต้องเตรียมทริปเองก็เหนื่อยไปอีก ความอยากไปรีแลกซ์ให้สบายเราเลยเลือกไปชิลกับหนุ่มสาวทัวร์ พร้อมโปรแกรมทริปที่ดีสุดๆ เพราะฉะนั้น อย่าได้รอ ! เก็บกระเป๋า แล้วตามเราหนีงาน ไปติดเกาะ เที่ยวภูเก็ต ทะเลใต้ อย่าชิล ฟีลเก๋กู้ด 2 คืน 3 วัน กันได้เลยค่า >.<

 

 

 


Day 01 | Phang Nga Bay

ขึ้นเรือยอร์ช ล่องอ่าวพังงา

 

อ่าวพังงา เที่ยวภูเก็ต


       เราตื่นแต่เช้าตรู่ พร้อมไปสนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากเช็คอินเรียบร้อย ก็ไปนั่งชิลฆ่าเวลาที่เลาจน์บางกอกแอร์เวย์สค่ะ มีทั้งจุดชาร์จแบตโทรศัพท์ WI-FI ฟรีอีกด้วย นั่งชาร์จแบตเล่นเฟซบุ๊คเพลินๆ ไปเลย แถมมีเครื่องดื่ม และขนมบริการเพียบ!

 

 

       ที่ปลื้มมากคือ ข้าวต้มมัด หวานมันแบบไทยๆ คืออิ่มเบาๆ ก่อนขึ้นเครื่อง ใครไม่มีเวลากินข้าวมาก่อนแบบเราก็รองท้องกันไปก่อนได้เลยค่ะ

 


      นั่งเพลินจนได้เวลาออกเดินทางกันแล้วค่ะ ที่นั่งบนเครื่องกว้าง ยืดขาได้สบาย แถมยังมีมื้อเช้าให้ได้อิ่มกันเต็มๆ ไปอีก บอกเลยว่า แค่เริ่มต้นก็รู้ว่า นี่มันทริปกินชัดๆ เราใช้เวลาแค่ชั่วโมงนิดๆ มองหน้าต่างผ่านหมู่เกาะน้อยใหญ่ แป๊ปเดียวก็ถึงสนามบินนานาชาติภูเก็ตแล้วค่ะ

 

       ที่แรกที่เราจะไปหลังแลนด์ดิ้งก็คือ วัดพระทอง หรือ วัดพระผุด พี่เอ็ม ไกด์สุดสวยของเราเล่าให้ฟังว่า วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ และเป็น 1 ใน Unseen Thailand ทีเดียวค่ะ ที่วัดแห่งนี้จะมีพระพุทธรูปซึ่งผุดขึ้นมาจากพื้นดินครึ่งองค์ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดภูเก็ตที่ชาวบ้านกราบไหว้ค่ะ


      หลังจากเราได้นมัสการองค์พระผุด เราก็ไปเดินชม พิพิธภัณฑสถานวัดพระทอง กันต่อ ซึ่งอยู่ภายในบริเวณวัดนั่นเอง ที่นี่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุข้าวของเครื่องใช้ของชาวภูเก็ตในสมัยก่อน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับวิถีคนภูเก็ตในสมัยก่อน แต่ละอย่างหาดูยากมากๆ ค่ะ ความดีในการมาเที่ยวกับทัวร์อีกอย่างก็คือ เราจะได้รู้เรื่องราวแต่ละสถานที่อย่างละเอียดมากๆ ถ้ามาเอง อาจจะได้แค่อ่านป้ายเล็กๆ น้อยๆ เป็นอะไรที่ดีจริงๆ ค่ะ

 

      ไหว้พระเป็นสิริมงคลกันแล้ว เอาล่ะ ได้เวลาไปลั้ลล้าออกทะเลกันเถอะ ! เรามุ่งหน้าไป ท่าเรืออ่าวปอ เพื่อลงเรือยอร์ช Andaman Passion ไปชิลที่ อ่าวพังงา กัน

 

 

      เรือยอร์ชลำใหญ่ ค่อยๆ เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ไปในทะเล เราเลือกที่นั่งด้านบนเพราะสามารถรับลมทะเลได้อย่างเต็มที่ มีเบาะนั่งให้ได้ชิลกันแบบส่วนตัว แต่ถ้าใครกลัวร้อนก็สามารถนั่งในห้องแอร์ที่ด้านล่างได้เช่นกันค่ะ ความเก๋ที่เราประทับใจมากๆ อยู่ที่หัวเรือ เพราะมีบีนแบ็กให้ได้นั่งชิคๆ เก๋ๆ คือมันดีมากกก... เป็นมุมถ่ายรูปสวยสุดๆ นั่งตรงไหนก็ชิคไปหมด คนชอบถ่ายรูปต้องฟินไปตามๆ กันแน่นอน

 

 

      ใช้เวลาไม่นาน เราก็มาถึง เกาะห้อง อ่าวพังงา น้ำทะเลสีเขียว โอบล้อมด้วยเขาสูง เป็นภาพหนึ่งในความทรงจำที่ไม่มีวันลืมแน่นอน ตรงจุดนี้ เรือจะจอดให้เราได้ลงเรือแคนู ซึ่งจะมีคุณลุงคนใต้ ชาวบ้านในพื้นที่มาเป็นคนพายเรือพาเราเที่ยวค่ะ

 

 

      เรือแคนูลำน้อยค่อยๆ ลอยไปในทะเล คุณลุงพาเราเข้าไปลอดถ้ำเล็ก ถ้ำน้อย ดูความสวยงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ แถมถ่ายรูปสวยๆ ให้เราอีกด้วยนะ ใครว่าคนใต้ดุ แต่เราว่าคนใต้น่ารักมากเลยน๊า

 

      หลังจากบ๊ายบายคุณลุงกลับขึ้นเรือยอร์ชของเราแล้ว ก็ได้เวลามื้อกลางวันค่ะ เราทานมื้อกลางวันกันบนเรือเลย ซึ่งก็มีอาหารหลากหลายอย่างแบบบุฟเฟ่ต์ พร้อมอาหารว่างระหว่างเดินทาง หิวตอนไหนก็มาเติมได้ตลอด นี่ไง ทริปกินที่แท้ทรู !


       จากเกาะห้อง เราไปต่อกันที่ เขาตะปู และ เขาพิงกัน หรือที่ฝรั่งเรียกกันว่า James Bond Island นั่นเอง เราลงเรือหางยาวไปยังเกาะตะปู ที่นี่มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ คอยดูแลนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ รู้สึกอุ่นใจจริงๆ

 

       เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเกาะก็คือ เราจะมองเห็นแท่งหินใหญ่มหึมาโดดเด่นปักอยู่ในทะเล ซึ่งถ้าเมื่อมองจากระยะไกลแล้ว จะเห็นมีลักษณะคล้ายกับตะปูขนาดยักษ์ถูกตอกลึกลงไปในน้ำ นี่แหละจึงเป็นที่มาของคำว่า เขาตะปู เช่นเดียวกันกับ เขาพิงกัน ที่อยู่ใกล้ๆ ที่มาก็คงไม่ต้องบอก เพราะชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นเขา 2 เขาที่มาพิงกันอยู่นั่นเอง

 

       ระหว่างล่องเรือกลับท่าเรืออ่าวปอ เราก็นั่งชิล ถ่ายรูปบนเรือเพลินๆ ดูพระอาทิตย์ตกดินท่ามกลางเกาะน้อยใหญ่อยู่กลางทะเล รู้สึกเลยว่า เรานี่มันตัวเล็กนิดเดียวเอง ถ้าเทียบกับธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้า แสงยามเย็นสาดส่องเข้ามาชวนให้สบายใจ โชคดีจริงๆ ที่หนีงานมาเที่ยว ฮ่าๆ


      เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป มื้อเย็นสุดพิเศษบนเรือก็กำลังจะเริ่มกันแล้วค่ะ มื้อนี้เป็นมื้อที่พิเศษมาก เป็นบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดที่เราโปรดปราน ของชอบทั้งนั้น กุ้ง ปลาหมึก น้ำจิ้มสุดแซ่บ เติมได้ไม่อั้น เป็นการจบทริปกลางทะเลที่ฟินมากกก

 

 

       หลังลงจากเรือ เรานั่งรถไปยังที่พัก ทริปนี้ยิ่งกว่าชิล เพราะเราไปเช็คอินกันที่ Crest Resort and Pool Villas ที่อยู่สูงที่สุดของหาดไตรตรัง เรียกได้ว่า จากห้องพักคือได้เห็นวิวทะเลสวยๆ ของป่าตองไปแบบเต็มๆ ทีเดียว

อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ Crest Resort and Pool Villas ภูเก็ต ที่พักสวยวิวทะเล รับ Vitamin Sea อันดามัน

=================

 

 


Day 02 | Mai Thon Island

เวลาเดินช้า ที่ เกาะไม้ท่อน

 


      วันที่ 2 ของทริปกันแล้ว วันนี้เราตื่นเช้านิดนึง เพื่อจะออกทะเลกันอีกแล้วค่ะ หลังจากอร่อยกับอาหารเช้า เรานั่งรถไปกันต่อที่ ท่าเรือรัษฎา เพื่อขึ้นเรือสปีดโบ้ทไปยังเกาะเล็กๆ ของทะเลภูเก็ต ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ และท้องน้ำอันอุดมสมบูรณ์ที่ เกาะไม้ท่อน กันค่ะ


      เช็คอินที่ท่าเรือ วันนี้เราไปชิลด้วยเรือสปีดโบ้ท Love Andaman ค่ะ ส่วนตัวแล้วเราชอบที่นี่เป็นพิเศษ เพราะทุกครั้งที่ได้ไปเที่ยวกับทัวร์ของ Love Andaman จะมีไกด์ที่เล่าเรื่องราวต่างๆ ของทะเลให้เราได้ฟัง และพูดทุกครั้งถึงการอนุรักษ์ทะเล ให้เราเที่ยวด้วยหัวใจสีเขียว ซึ่งเราคิดเสมอว่า ถ้าทุกที่ทำแบบนี้ ปัญหาของท้องทะเลไทยที่เกิดจากนักท่องเที่ยวคงเบาบางไปบ้างอย่างแน่นอน


     ลมทะเลพัดปะทะใบหน้า คลื่นลมวันนี้ไม่แรงมาก เสียงน้ำที่กระเพื่อมใต้ท้องเรือชวนให้ตื่นเต้นอีกครั้ง และไม่นาน เพียงแค่ 15 นาที เราก็มาถึงเกาะไม้ท่อนกันแล้วค่ะ น้ำทะเลใสกริ๊ง มองลงไปเห็นเงาปะการังที่อยู่เบื้องล่าง ทันทีที่เรือจอดสนิท อดใจวิ่งไปบนสะพานไม้เข้าสู่เกาะแทบไม่ทันเลยค่ะ

       แน่นอนตรงสะพานไม้จุดนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปที่สวยงามมากๆ เพราะเราจะได้ยืนอยู่ท่ามกลางสะพานที่มุ่งหน้าออกไปยังทะเลสวย ต้องไม่พลาดมาแวะถ่ายรูปตรงนี้กันด้วยนะจ๊ะ

 

      อีกมุมถ่ายรูปสวยไม่แพ้กันก็คือ ซุ้มนั่งที่ประดับด้วยม่านสีขาวริมทะเล ตรงนี้คือดีมากกก เหมาะกับการถ่ายรูปสวยๆ เป็นที่สุด เอาล่ะ ขอโพสต์สักหน่อย !


      เวลาบนเกาะค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ เราใช้เวลาเดินเลียบชายหาด สัมผัสผิวทรายที่ขาว และเนียนนุ่มราวคอฟฟี่เมต เดินย่ำลงไปสัมผัสน้ำใสๆ รู้สึกเลยว่า นี่คืออีกหนึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเลยทีเดียวค่ะ


      และแล้วก็ได้เวลาที่นัดหมายกัน ไกด์ข้าวหอมของ Love Andaman จะพาเราไปยังจุดดำน้ำชมปะการัง และถ้าโชคดีจะได้เจอน้องปลาการ์ตูน หรือน้องนีโม่ ด้วยนะ เอาล่ะ หลังจากได้อุปกรณ์ดำน้ำครบ ชูชีพพร้อม ก็เริ่มเดินลงทะเลกันได้เลยจ้า


      ความอะเมซซิ่งที่เรารู้สึกได้จากที่นี่ก็คือ เราสามารถเดินลงไปจากหน้าหาด เพื่อว่ายน้ำไปชมหมู่ปะการังได้โดยไม่ต้องนั่งเรือต่อไปยังที่ไกลๆ และที่สำคัญปะการังใต้ท้องทะเลนี้ก็สวยงามมากๆ มีความอุดมสมบูรณ์สุดๆ รวมถึงโชคดียังเป็นของเรา เพราะเราได้เจอน้องปลานี่โม่สมใจอยาก แถมด้วยปลาอื่นๆ อย่าง ปลาผีเสื้อ ปลานกแก้ว ปลาปั๊กเป้าหน้าหมา ยิ่งทำให้เรารักท้องทะเลนี้ขึ้นไปอีกมากๆ เลยค่ะ

 


      หลังจากดำน้ำอย่างดื่มด่ำ ท้องก็ร้องขึ้นมาดังๆ ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้วจ้า เราจัดเต็มสุดๆ กับบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ด กุ้งเผา ปลาหมึกย่างสดอร่อย น้ำจิ้มแซ่บๆ ไก่ทอด รวมถึงของหวานอีกเพียบ เอาแรงกันสักหน่อยหลังดำน้ำ บอกเลยคำเดียวว่า ฟินไปอี้กกก

 

 

       อาหารย่อย พร้อมลุยต่อ เราเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวเกาะไม้ท่อนกันต่อ ซึ่งตรงนี้ระยะทางไม่ไกลเลยค่ะ แค่ 200 เมตรเท่านั้น แต่เป็นทางลาดชันพอตัว เดินไป พักไป เรื่อยๆ ไม่รีบก็ถึง ตรงนี้เอง เราจะสามารถมองเห็นท้องทะเลอันดามัน พร้อมหมู่เกาะของภูเก็ตรอบด้าน เป็นวิวแบบ 180 องศาทีเดียว พี่ไกด์เล่าว่า ยิ่งวันไหนที่ฟ้าเปิด เราจะได้เห็นหมู่เกาะสิมิลันด้านขวามือไกลๆ อีกด้วยค่ะ


      บ่ายคล้อยได้เวลาบอกลาเกาะไม้ท่อนกันแล้ว คราวหน้าเราจะได้มาเจอกันใหม่อีกแน่นอน

 


      กลับมาฝั่งภูเก็ตอย่างแฮปปี้ กลับโรงแรมไปอาบน้ำอาบท่าเป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาสนุกกันแล้ว เพราะที่โรงแรมเตรียมเซอร์ไพรส์เบาๆ ไว้ให้เราค่ะ มีกิจกรรมเวิร์คชอปทำอาหารคลีนที่เราชอบมาก ได้ฟีลมาสเตอร์เชฟ ไทยแลนด์จริงๆ มีกรรมการชิมอาหารตัดสินให้เราด้วยนะ คือสนุกมากๆ ค่ะ

 

       หลังจากนั้นเราไปอร่อยกับมื้อเย็นกันที่ ร้านตู้กับข้าว ด้วยอาหารพื้นเมืองของภูเก็ต แต่ละจานที่เสิร์ฟมาบนโต๊ะ บอกเลยว่าน้ำลายสอทันที ทั้ง แกงปูเส้นหมี่ ปลากะพง น้ำพริกกุ้งเสียบ และอีกหลายอย่างที่รสเด็ดมากๆ ค่ะ

อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ ลิ้มรสอาหารปักษ์ใต้ ! ร้านตู้กับข้าว ร้านอาหารพื้นเมือง ภูเก็ต

 

       อิ่มแปร้กันแล้ว เราไปเดินชิลกันต่อที่ ถนนคนเดินภูเก็ต หรือ หลาดใหญ่ ซึ่งจะมีแค่ช่วงเย็นของวันอาทิตย์ เท่านั้น เป็นตลาดมีทั้ง ของกินพื้นเมือง สินค้าจากงานฝีมือต่างๆ รวมไปถึงการแสดงหลากหลาย แถมถ่ายรูปสวยสุดๆ หมดวันไปอย่างแฮปปี้ คืนนี้ฝันดีแน่นอน

=================

 

 

 

Day 03 | Old Phuket Town

คลาสสิค เมืองเก่าภูเก็ต

 

 

       เช้าวันใหม่มาถึงเร็วกว่าที่คิด ก่อนออกไปลั้ลล้าในเมืองภูเก็ต เราก็มาว่ายน้ำยืดเส้นยืดสาย ชมวิวทะเลสวยกันริมสระว่ายน้ำ แล้วออกเดินทางกันต่อ

 

       ที่ที่เราจะไปในวันนี้ตอนเช้าก็คือ วัดฉลอง หรือ วัดไชยธาราราม ซึ่งเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวภูเก็ตให้ความเคารพนับถือ

       เราเดินไปสักการะหลวงพ่อแช่ม พระเกจิชื่อดัง ที่ไม่เฉพาะชาวภูเก็ตเท่านั้นที่เคารพนับถือในความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ชื่อเสียงของหลวงพ่อแช่มไกลออกไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ปีนังอีกด้วยค่ะ


       เราไปกันต่อที่ ร้านอาหารหมอมูดง ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองแท้ๆ คือเรียกได้ว่า ไม่มาชิมเหมือนมาไม่ถึง เมนูอร่อยมาเสิร์ฟทั้ง ปลาทูยัดไส้ น้ำพริกกุ้งเสียบรสแซ่บ ต้มกะทิข่าไก่ และอื่นๆ อีกเพียบ อิ่มอีกแล้ว กลับไปอ้วนพีแน่นอน ฮ่าๆ

 


      ที่สุดท้ายในทริปที่เราพลาดไม่ได้เลยก็คือ เมืองเก่าภูเก็ต ค่ะ ซึ่งเต็มไปด้วยตึกชิโนโปตุกีสหลากหลายสีสัน และภาพสตรีทอาร์ทที่เพ้นท์ไว้ตามท้องถนน โดยเฉพาะที่ถนนพังงา จะมีเยอะมากๆ เดินถ่ายรูปกันเพลินไปเลยค่ะ และที่นี่ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของภูเก็ตอันเก่าแก่ ให้ฟีลหลุดเข้ามาในอีกโลกของภูเก็ตทีเดียว เป็นอะไรที่คลาสสิคมากๆ


        จบทริปนี้ด้วยความรู้สึกฟินมากๆ ได้ทั้งล่องเรือ ดำน้ำดูปะการังสวยๆ ชิมอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ เดินชิลถ่ายรูปฮิปๆ ในเมืองเก่า เป็นวันหยุดสั้นๆ ที่ดีต่อใจมากๆ หนีงานมาแค่ 3 วันก็ชาร์จแบตให้ชีวิตได้ถึงขนาดนี้ ไว้เจอกันใหม่คราวหน้านะจ๊ะ ภูเก็ต !

 

ขอบคุณทริปสนุกๆ จาก TrueYou, สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส, Crest Resort and Pool Villas, Love Andaman, Andaman Passion และ หนุ่มสาวทัวร์

 

 

อัพเดทที่พักสุดชิล ที่เที่ยวสุดมันส์ ที่กินสุดฮิป

ติดตาม travel.trueid.net ได้ที่