หน้าฝนแบบนี้หลาย ๆ คนอาจคิดว่าควรไปชมทะเลหมอกสักที่ใช่ไหมคะ จริง ๆ แล้วการชมทะเลหมอกในหน้าฝนแค่คิดก็ฟินสุด ๆ แต่การได้มาสัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติและชุมชนก็เป็นความคิดที่ดีมากเหมือนกันค่ะ ทริปเราเลยจะพาทุกท่านไปทำกิจกรรมสนุก ๆ ที่จังหวัดปราจีนบุรี ถิ่นสมุนไพรกัน! พอพูดชื่อจังหวัดแล้วบางคนอาจเกาหัวแกรก ๆ ว่าที่ปราจีนบุรีมีอะไรน่าเที่ยวกันนะ จริง ๆ อยากบอกว่าจังหวัดนี้มีที่เที่ยวเยอะกว่าที่เราคิดมากเลยนะ แต่เราแค่ไม่รู้เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นผู้เขียนจะพาทุกท่านไปรู้จักปราจีนบุรีให้มากขึ้นค่ะ ตามมากันเลยที่แรกเราจะพาทุกท่านไปยังสวนสมุนไพรปลอดสารพิษกัน บอกก่อนเลยว่าสวนที่เราจะพาไปเป็นแหล่งผลิตสมุนไพรที่ส่งตรงให้แก่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรด้วยนะ ซึ่งคือที่ชุมชนบ้านดงบังค่ะ ทุกท่านจะได้เห็นว่าหมู่บ้านเล็ก ๆ นี่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สงสัยกันใช่ไหมละคะ ว่าทำไมถึงเรียกที่นี่ว่า บ้านดงบัง (ตอนได้ยินชื่อ ผู้เขียนแอบคิดถึงวงบอยแบนด์เกาหลีเลยนะเนี่ย) นั่นก็เพราะว่าเมื่อก่อนที่นี่เป็นชุมชนที่ปกคลุมไปด้วยป่าไม้เขียวขจี และมาบดบังบ้านเรือนที่นี่เลยถูกเรียกว่า “บ้านดงบัง” นั่นเองค่ะ อาชีพหลักของชาวบ้านที่นี่คือทำการเกษตร และมีการใช้สารเคมีจนเกิดปัญหาทางสุขภาพ ชาวบ้านจึงหันมาปลูกสมุนไพรเป็นอาชีพเสริมกัน และเลิกใช้สารเคมี จนเป็นชุมชนสมุนไพรปลอดสารเคมีให้เราได้ไปเยี่ยมชมแบบปัจจุบันนั่นเอง ชุมชนบ้านดงบังแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 40 ไร่เลยทีเดียวค่ะ ชาวบ้านปลูกพืชผักสวนครัวและสมุนไพรเป็นร้อย ๆ ชนิดเลยละค่ะ แบบที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เจอสมุนไพรเต็มไปหมด และสมุนไพรที่ส่งให้โรงพยาบาลนั้นก็มีมากมาย ตั้งแต่การรักษาอาการปวดเมื่อยจนไปถึงโรคต่าง ๆ เห็นเป็นยาแผนไทยแบบนี้สมุนไพรไทยบ้านเรามีสรรพคุณเกินคาดเลยนะคะ แอบกระซิบบอกก่อนเลยว่าชาวบ้านจะพาไปชมตั้งแต่ปลูกจนถึงขั้นตอนบรรจุเลย ซึ่งขั้นตอนต่าง ๆ ในการปลูกต้นสมุนไพร จะมีตั้งแต่การดูแล ระยะเวลาการปลูกที่เหมาะสมจะเก็บได้ พอเสร็จแล้วชาวบ้านก็พาเราไปเก็บสมุนไพรต่าง ๆ แล้วเราก็จะเอาสมุนไพรเหล่านี้มาล้างทำความสะอาดแล้วก็นำไปตากที่โรงตากสมุนไพรค่ะ สมุนไพรในโรงตากที่ทางผู้เขียนแอบเก็บบรรยากาศมาฝากแบบในภาพ เป็นสมุนไพรทางการพยาบาล 15 ชนิดด้วยกันเลยนะ โดยการตากแห้งแบบนี้ จะเป็นการตากแห้งที่ช่วยลดต้นทุนการผลิต สงสัยใช่ไหมคะแล้วลดต้นทุนยังไง เพราะไม่ต้องนำเข้าเครื่องอบค่ะ และยังช่วยลดเวลาให้น้อยลงด้วยนะ หลังจากนั้นชาวบ้านก็พาเรามาลองทำกิจกรรมการแปรรูปสมุนไพรกันค่ะ สิ่งที่ชาวบ้านให้เราได้ทำกันก็คือ ลูกประคบสมุนไพร ที่เป็นการบำบัดในรูปแบบแพทย์แผนไทยมาแต่โบราณ ตัวลูกประคบที่นี่มีกลิ่นหอม มาก เหมือนนั่งอยู่ในร้านสปาเลยละค่ะวิธีการทำ คือการนำสมุนไพรต่าง ๆ มาตำรวมกัน แล้วก็นำมาเทที่ผ้าขาวบาง มัดเชือกให้เรียบร้อยก็เป็นอันเสร็จสิ้น ง่ายมากเลยใช่ไหมละคะ ที่จริงเราสามารถทำใช้เองได้ที่บ้านเลย แค่มีสมุนไพรดี ๆ และรู้สรรพคุณ ก็สามารถใช้เป็นยาแผนไทยที่บ้านสำหรับครอบครัวได้เลยค่ะ พอเสร็จกิจกรรมก็เที่ยงวันพอดี แน่นอนว่ากองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง! ที่ชุมชนนี้นอกจากสมุนไพรสำหรับการทำยาแล้ว ยังมีอาหารที่ทำจากสมุนไพรด้วยนะคะ โดยชาวบ้านก็จะเตรียมไว้ให้เราได้ลองกินกัน รสชาติถือว่าดีมากเลยละค่ะ โดยเฉพาะกลิ่นหอมของพืชผักสมุนไพรที่เราเวลากัดเข้าไปแล้วเนี่ย กลิ่นหอมจะตีขึ้นมาเลย และในแต่ละคำก็มีคุณค่าสารอาหารครบถ้วน มื้อนี้ถือว่าอิ่มอร่อยและเฮลตี้มาก ๆ ค่ะนอกจากนี้ ที่ชุมชนบ้านดงบังเขายังมีกลุ่มร้านค้าที่จำหน่ายสมุนไพรในราคาย่อมเยาด้วยนะ หากใครสนใจก็ลองแวะมาเยี่ยมบ้านดงบังกันได้ รับรองว่าสนุกพร้อมได้ความรู้ไปแบบเต็มเปี่ยมแน่นอน ทริปการท่องเที่ยวครั้งนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ค่ะ เพราะถึงเวลาที่เราจะไปทำกิจกรรมสนุก ๆ กันแล้ว ซึ่งก็คือการล่องแก่งนั่นเองค่ะ ผู้เขียนจะพาทุกท่านไปสถานที่ล่องแก่งที่ขึ้นชื่อเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทยและอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นั่นก็คือ แก่งหินเพิง ค่ะ เรานั่งรถมาลงกันที่ทางเข้า ซึ่งจากชุมชนใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ และเดินต่อขึ้นมาด้านบนไม่นานก็ถึงหน้าแก่งหินเพิง ผู้เขียนแนะนำว่าถ้าทุกท่านมาในช่วงหน้าฝนแม่น้ำแก่งหินเพิงจะสวยมาก เพราะน้ำจะมีเยอะและเหมาะกับการเล่นล่องแก่งที่สุด แก่งหินเพิงมีลักษณะเป็นลานหินหักเห และไหลลงมาเป็นกระแสน้ำวนและน้ำค่อนข้างเชี่ยวมาก ๆ เลยละค่ะ ว่ากันว่าที่นี่มีความยากถึงระดับ 3-5 เลยทีเดียว เพราะมีกระแสน้ำแรง แก่งหินใหญ่มีการลดระดับต้องใช้เทคนิคการพายที่ค่อนข้างสูงเลยละค่ะ ในช่วงหน้าฝนน้ำจะมีความเชี่ยวมากขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะว่าจะเกิดอันตรายไหม เพราะในทุก ๆ จุดของการล่องแก่งจะมีเจ้าหน้าที่ประจำในแต่ละจุด เจ้าหน้าที่ทุกคนผ่านการฝึกฝนและทดสอบการช่วยเหลือมาแล้ว ดังนั้นปลอดภัยหายห่วงได้แน่นอนค่ะ บอกเลยว่าทุกท่านจะได้เล่นสนุกกันแบบเต็มอิ่มตลอด 2 ชั่วโมงแน่นอน เพราะตั้งแต่เริ่มเราจะต้องเจอกับน้ำและแก่งหินตามทางที่มาเพิ่มความท้าทายมากขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งมวลคลื่นน้ำกระทบกับเรือยางมากเท่าไรบอกเลยว่ายิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น! เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้ตลอดเส้นทางเลยละค่ะโดยจุดไฮไลต์ของการล่องแก่งจะอยู่ที่แก่งสไลเดอร์ค่ะ เมื่อถึงตรงที่น้ำนิ่งแล้วเราสามารถลงไปนอนลอยตัวเล่นขนานไปกับสายน้ำที่จะไหลไปเรื่อย ๆ ได้ บอกเลยว่าถ้าได้มาลองเล่นจะต้องติดใจแน่นอน เพราะนอกจากสนุกแล้ว ความตื่นเต้นนี่ถึงขั้นทำให้อะดรีนาลีนหลั่งเลยละค่ะ และไม่ต้องกลัวนะคะว่ามาล่องแก่งแล้วจะลำบาก เพราะที่ปลายทางจะมีห้องน้ำและร้านอาหารบริการค่ะต่อให้เที่ยวคนเดียวก็ไม่ต้องห่วงว่าจะเหงานะคะ เพราะทุกที่ทั้งสนุกและได้พบเจอกับเพื่อนใหม่ ๆ ด้วย ในส่วนตัวของผู้เขียนแล้ว ชอบกิจกรรมล่องแก่งมาก ๆ เลยละค่ะ แต่ก็ชอบบ้านดงบังด้วย สองจิตสองใจเพราะความสนุกมันก็แตกต่างกันไป แต่ขอสรุปสั้น ๆ ว่าดีทั้งคู่เลยค่ะ!สำหรับใครที่สนใจมาเที่ยวปราจีนบุรี แวะทำกิจกรรมแล้วอยากผ่อนคลาย ต้องไปที่อภัยภูเบศร เดย์ สปาเลยค่ะ โดยเฉพาะลูกค้าทรู เขามีส่วนลด 30% สำหรับบริการทรีตเมนต์ทุกรายการ คลิกเลย! ภาพถ่ายทุกภาพนักเขียนเป็นผู้ถ่ายเองอยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !