หากคุณเป็นพุทธศาสนิกชนและต้องการเดินทางท่องเที่ยวไปยังดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนา ผมขอแนะนำเมืองย่างกุ้ง อดีตเมืองหลวงของประเทศพม่า เมืองนี้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัดวาอารามและการนับถือศาสนาพุทธที่เคร่งครัดของผู้คนชาวพม่า เพียงคุณกำแบงค์พันห้าใบ คุณก็สามารถไปสัมผัสเมืองแห่งนี้ได้ด้วยตัวของคุณเอง ซึ่งผมพิสูจน์มาแล้วโดยการเดินทางของผมจะเป็นยังไงจะอิ่มบุญมากแค่ไหน เชิญติดตามอ่านกันได้เลยครับ การเดินทางของผมจะใช้เวลาทั้งหมด 2 วัน 1 คืน โดยเดินทางด้วยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD-4230 ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที เราก็เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติย่างกุ้ง โดยเวลาท้องถิ่นที่ประเทศพม่าจะช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที แล้วผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองตามปกติได้เลยเพียงแค่มีพาสปอร์ตเล่มเดียวก็สามารถอยู่ในประเทศพม่าได้ 14 วัน ซึ่งการเดินทางในเมืองย่างกุ้งค่อนข้างสะดวกสบาย และสามารถใช้แอพลิเคชั่น Grab เป็นแอพลิเคชั่นตัวเดียวกับของประเทศไทยในการเดินทางได้เลย โดยมีรถครอบคลุมทั่วทั้งเมืองย่างกุ้ง ผมจึงลองใช้เรียกรถตั้งแต่ในสนามบินเข้าเมืองเลย โดยทริปนี้ผมพักที่โรงแรม Scott@31 street Hostel เป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำรวม โดยอยู่ใกล้ตลาดสก๊อต ร้านเคเอฟซี ร้านพิซซ่าคอมปานี เมื่อพร้อมแล้วจึงออกเดินเท้าจากโรงแรมไปที่บริเวณเจดีย์สุเล ซึ่งเดินไปไม่ถึงกิโลเมตรก็ถึงแล้ว โดยตัวเจดีย์ตั้งอยู่กลางวงเวียนคล้ายกับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในบ้านเรา และบริเวณข้างเจดีย์เป็นที่ตั้งของสำนักงานต่างๆ โดยอาคารสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลสมัยที่ประเทศพม่าเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษ อาคารสีแดงนี้คือ City Hall ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากหอนาฬิกาบิ๊กเบนที่ประเทศอังกฤษ อนุสรณ์สถานแสดงถึงการได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษ โดยแฉกที่เห็นมีห้าแฉกแสดงถึงจำนวนรัฐของประเทศพม่า สถานีรถไฟย่างกุ้ง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตกและวัฒนธรรมของพม่า หลังจาหนั้นจึงเรียก Grab ไปที่เจดีย์กาบาเอ ซึ่งภายในมีพระมหามุณีประดิษฐานอยู่ภายในวัด หลังจากนั้นจึงเรียก Grab เดินทางไปที่วัดพระนอนตาหวาน ซึ่งประดิษฐานพระนอนที่ใหญ่มากๆในประเทศพม่า หลังจากนั้นจึงเดินใช้วิธีเดินเท้าไปที่วัดงาทัตจี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่เท่าตึกสี่ชั้น แต่ตอนที่ผมไปวัดบูรณะอยู่จึงไม่ได้ถ่ายรูปมา หลังจากนั้นจึงเรียก Grab ไปที่ทะเลสาบกันดอว์จี ทะเลสาบแห่งนี้มีความสำคัญคือเป็นที่ตั้งของภัตตาคารการะเวก ซึ่งเป็นภัตตาคารอาหารบุฟเฟ่ต์ชื่อดังในย่างกุ้ง เป็นภัตตาคารที่ออกแบบจากศิลปะสไตล์พม่าอันเป็นเอกลักษณ์จนถึงขนาดที่เบียร์ยี่ห้อประจำชาติคือ เมียนมาร์เบียร์ ใช้เป็นตราสัญลักษณ์ของยี่ห้อเบียร์ ซึ่งทะเลสาบนี้เหมาะแก่การถ่ายรูปให้แบล็คกราวน์เป็นเจดีย์ชเวดากองได้เลย หลังจากนั้นจึงเดินไปที่เจดีย์ชเวดากอง โดยทางขึ้นเจดีย์มีเด็กคอยขายถุงพลาสติกไว้ใส่รองเท้า ซึ่งค่อนข้างตื้อมากต้องคอยระวังให้ดีเด็กจะจับถุงพลาสติกมาใส่ในมือเราเอง เมื่อมาถึงตรงลานเราต้องเสียค่าเข้าชม 10,000 จ๊าด ประมาณ 300 บาท โดยการเข้าไปในทุกวัดของพม่าจะต้องถอดรองเท้าไว้ บรรยากาศข้างบนเต็มไปด้วยพุทธศาสนิกชนชาวพม่าที่มาสวดมนต์กันในตอนเย็นอย่างคับคั่ง หลังจากนั้นจึงนั่ง Grab กลับเข้าที่พัก โดยพม่าจะมีห้างชื่อ Junction City เป็นห้างที่หรูหราที่สุดในย่างกุ้งแล้ว เป็นอาหารเย็นของวันนั้นหลังจากนั้นจึงเขาที่พัก และพร้อมลุยย่างกุ้งในวันต่อไป เช้าวันนี้เริ่มต้นด้วยอาหารท้องถิ่นกับร้าน 999 Shan Noodle Shop โดยเปิด google map จากโรงแรมไปได้เลย จะขายก๊วยเตี๋ยวรัฐฉานและมีเมนูเด็ดคือเต้าหู้ทอด ซึ่งอร่อยมาก หลังจากนั้นจึงเดินทางเตรียมตัวกลับประเทศไทย โดยการเรียกรถ Grab ให้ไปส่งที่สนามบินย่างกุ้งโดยสนามบินมี Terminal เดียวจึงเดินทางได้สะดวก ซึ่งผมเดินทางกลับในไฟท์ตอนเย็นโดยสายการบินแอร์เอเชียเที่ยวบิน FD-258 ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที ก็มาถึงสนามบินดอนเมือง โดยเป็นทริป 2 วัน 1 คืน ที่อิ่มบุญอิ่มใจมากครับ งบประมาณ ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ 2,189 บาท ค่าเข้าชมสถานที่ 750 บาท ค่าอาหารและค่าเดินทาง 2,000 บาท รวมทั้งหมด 4,939 บาท หากคุณกำแบงค์พันเพียงห้าใบ คุณก็สามารถมาเที่ยวที่เมืองย่างกุ้ง เมืองแห่งพุทธศาสนาได้อย่างสบายใจแล้ว ย่างกุ้งเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมพม่าและตะวันตกรวมกันอย่างลงตัวเหมาะแก่สายฮิปสเตอร์และสายบุญที่ชาวพุทธทุกคนควรจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยือนเมืองๆนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต