เวลาชวนเพื่อนไปเที่ยวมาเก๊า มักมีคำถามตามมาเสมอว่าไปเที่ยวคาสิโนเหรอ คำตอบคือเปล่าจ้ามาเก๊าไม่ได้มีแค่คาสิโนนะ จริง ๆ มาเก๊าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มาก ๆ มีความผสมผสานของวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก จะบอกว่าเหมือนเมืองยุโรปเล็ก ๆ เมืองนึงก็ว่าได้ เพราะเดิมเคยเป็นเขตปกครองพิเศษของโปรตุเกส จึงมีร้านอาหารและตึกสไตล์โปรตุเกสอยู่รอบ ๆ เมือง ถ้าใครยังคิดว่ามีแต่คาสิโนอยู่อีก ลองมาดูว่าเราจะพาคุณไปเปิดมุมมองมาเก๊าที่เราไปเห็นมาว่ามันดีแค่ไหน การเดินทางในมาเก๊าพึ่งเริ่มมีการใช้รถไฟฟ้าบางจุด ส่วนใหญ่ยังต้องนั่งรถเมล์หรือแท็กซี่ แต่ถ้าตามคาสิโนจะมีรถฟรีบริการค่ะ การนั่งรถเมล์ที่นี่ไม่ยากเลยค่ะ แต่ควรเตรียมเหรียญให้พอดีกับค่าโดยสาร วิธีคำนวณค่าโดยสารจะดูที่ป้ายรถเมล์ได้เลย ซึ่งจะคิดจากจุดที่เราเริ่มต้นเดินทางจนถึงจุดลง และรถแต่ละสายจะจอดเฉพาะป้ายของตนเองเท่านั้น ต่อให้เส้นทางผ่านเหมือนกันแต่จะไม่จอดนอกป้ายเลยค่ะ แลนด์มาร์คแรกที่เราอยากแนะนำให้มาเที่ยวคือ A-Ma Cultural Village ไม่เสียค่าเข้าชมนะคะ วัดนี้จะอยู่บนเขา และมีเทพธิดา A-Ma เทพธิดาแห่งท้องทะเล หรือคนไทยเรียกเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งเป็นที่นับถือของคนมาเก๊าประดิษฐานอยู่ เราสามารถนั่งรถเมล์แล้วนั่งรถมินิบัสฟรีขึ้นไปข้างบนเขาได้ รถมินิบัสจะมีเป็นรอบ ๆ เริ่มบริการตั้งแต่ 9 โมงเช้าค่ะ จากนั้นก็มาที่หมู่บ้านโคโลอาน ที่นี่จะมีโบสถ์ฟรานซิส ซาเวียร์ (St. Francis Xavier) ซึ่งเคยใช้ประกอบฉากแต่งงานซีรีส์เกาหลีเรื่องเจ้าหญิงวุ่นวาย เจ้าชายเย็นชาด้วยนะคะ ที่เกาะนี้จะมีวัดดัง ๆ หลายวัดให้มาสักการะขอพรกัน เช่น วัดทินโห่ว (Tin Hau) วัดทำกง (Tam Kung) ที่สำคัญคือมีทาร์ตไข่ชื่อดัง Lord Stow's Bakery ด้วยค่ะ ขายทาร์ตไข่ชิ้นละ 10 MOP ซึ่งในบรรดาร้านทาร์ตไข่ที่เราชิมที่มาเก๊าของท่านลอร์ดอร่อยสุดเลย และเมนูกาแฟใส่กุหลาบของร้าน Lord Stow's Garden Cafe เป็นกาแฟที่เราประทับใจมาก ๆ ค่ะ แก้วละ 35 MOP ร้านนี้สังเกตง่าย ๆ เดินหาตึกสีฟ้าเลยค่ะ ที่เกาะนี้เราเดินเล่นเลียบริมฝั่งทะเลได้เรื่อย ๆ เป็นเมืองที่ค่อนข้างสงบมาก ๆ แตกต่างจากย่านใจกลางเมืองมาก ที่เกาะไทปาส่วนใหญ่แหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวมักแวะเที่ยวกันคือคาสิโน แต่จุดที่เราแวะไปเที่ยวคือหมู่บ้านไทปาและถนนสายอาหาร (Rua do Cunha) ที่หมู่บ้านไทปาจะมีสวนสวย ๆ และมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ไทปาและโคโลอานด้วยค่ะ สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์จะต้องเสียค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 5 MOP เด็ก 2 MOP เปิดทุกวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 10.00 - 18.00 น. ส่วนถนนสายอาหารที่นี่มีเมนูเด็ด ๆ และร้านของฝากขายเยอะมากค่ะ ร้านขนมของฝากที่นี่แค่ชิมก็อิ่มแล้วค่ะ ขนมที่คนมักซื้อติดไม้ติดมือกันคือขนมทองพับ มีลักษณะคล้ายทองม้วนแต่แป้งกรอบบางและใส่ไส้หมูหยอง พับเป็นทรงสี่เหลี่ยมค่ะ แต่เมนูที่แนะนำว่าควรมาลองชิมคือโอเด้งสไตล์มาเก๊า จะเป็นลูกชิ้นลวกราดด้วยน้ำแกงกะหรี่ค่ะ ทานตอนอากาศเย็น ๆ อร่อยมากเลยนะคะ ราคาของลูกชิ้นแต่ละแบบจะไม่เท่ากันนะคะ มีป้ายบอกราคาแต่เป็นภาษาจีนค่ะ ส่วนจุดศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวที่ต้องแวะมาเยือนกันแทบทุกคนคือ จัตุรัสเซนาโด้และโบสถ์เซนต์ปอล นักท่องเที่ยวจะแวะมาเยี่ยมชมโบสถ์เซนต์ปอลกันตลอดทั้งวัน ขนาดเรามาแต่เช้านักท่องเที่ยวก็ยังเยอะมาก ๆ นอกจากนี้แลนด์มาร์คอีกจุดที่ต้องแวะมากันคือวัดอาม่า A-Ma Temple เป็นวัดสำคัญของมาเก๊ามีประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับเทพธิดาอาม่าของชาวมาเก๊า และใกล้ ๆ วัดอาม่ายังมีร้านอาหารโปรตุเกส Ma Kok Meng Kei ราคาไม่แพงขายด้วยค่ะ เราทานเมนู African Chicken in Spicy Sauce จานใหญ่มาก ๆ จานละ 57 MOP เองค่ะ อีกจุดที่เราชอบและอยู่ไม่ไกลจากวัดอาม่า คือคฤหาสน์ Lou Kau เป็นคฤหาสน์สไตล์จีนให้อารมณ์บรรยากาศเหมือนอ่านนิยายความฝันในหอแดง ที่นี่มีมุมให้ถ่ายรูปสวย ๆ เยอะเหมือนกันค่ะ และไม่เสียค่าเข้าชมด้วยค่ะ เปิดให้ชมทุกวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 10.00 - 18.00 น. แต่ถ้าชอบวิวแบบเมืองจำลองที่มาเก๊าก็มี Macau Fisherman's Wharf มาให้นักท่องเที่ยวได้แวะมาเช็คอินถ่ายรูปสวย ๆ ฟรีไม่เสียค่าเข้าชมด้วยค่ะ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งในมาเก๊าที่เราไปเห็น ยังมีอีกหลายจุดมากที่น่าสนใจ สำหรับเราการมาเที่ยวมาเก๊าครั้งเดียวไม่พอจริง ๆ ค่ะ ใครอยากมาเที่ยวมาเก๊าควรหลีกเลี่ยงวันจันทร์นะคะ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะหยุด และสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในมาเก๊ามักเข้าชมฟรี ช่วยประหยัดงบค่าใช้จ่ายไปได้เยอะมาก ๆ เลยค่ะ เครดิตรูปภาพโดยผู้เขียน