หลังจากที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร (วัดใหญ่) พิษณุโลก ได้แจ้งว่าปี 2566 นี้จะจัดงาน งานสมโภชพระพุทธชินราช ไฮไลท์ของงานคงไม่พ้นที่ 1 ปีมีครั้งเดียวที่วัดจะเปิดให้"ขึ้นพระปรางค์" ไหว้พระธาตุ สายบุญ สายมู เพื่อความเป็นสิริมงคล พลาดไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีสินค้าพื้นบ้านจำหน่ายให้กับสายช้อป ยังมีของเล่นต่าง ๆ มาสร้างความสุขให้กับประชาชนจากพิษโควิดทำให้งานสมโภชพระพุทธชินราชได้ว่างเว้นไปถึง 2 ปี ปี 2566 เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย จึงได้กลับมาจัดงานอีกครั้ง สิ่งที่ทุกคนรอคอยคงไม่พ้น การจะได้ขึ้นพระปรางค์ที่ด้านหลังวิหารพระพุทธชินราช จะเปิดให้ประชาชนเข้ามาสักการะเฉพาะในงานสมโภชพระพุทธชินราชเท่านั้น เราคิดว่ามีวัดในประเทศน้อยมาก ๆ ที่จะเปิดให้ขึ้นพระปรางค์ เมื่อทางวัดใหญ่แจ้งว่าเปิดให้ขึ้นได้ช่วงงานสมโภช เราจึงตั้งใจมากที่จะขึ้นพระปรางค์ เพื่อเป็นสิริมงคลสำหรับตนเองและครอบครัวสำหรับการเดินทางใช้รถส่วนตัวสามารถจอดได้ตามที่วัดจัดให้ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าและด้านข้างของวัด สำหรับรถสาธารณะ สำหรับจังหวัดใกล้เคียง รถโดยสารข้ามจังหวัดจะผ่านที่วัดอยู่แล้ว สามาถลงตรงหน้าวัดได้เลยเมื่อมาถึงงานด้านหน้าของพระปรางค์ มีเจ้าหน้าที่และจิตอาสาคอยดูแลความเรียบร้อยก่อนขึ้นบันได เรานำดอกไม้ที่ทางวัดมีเตรียมให้ สูดลมหายใจลึก ๆ พร้อมเดินขึ้นพระปราง มีบันได้ขึ้นทั้งหมด 25 ขั้นด้านหน้าบันได มีพญานาค 7 เศียรเป็นราวบันไดหน้าพญานาคมีเทวดา 2 องค์ บันไดบอกเลยขั้นสูงและแคบมาก เวลาเดินขึ้นให้จับราวบันไดก้าวเท้าสูง ใจเย็น ๆ ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้ว เมื่อถึงใจกลางพระปรางค์ เราจะเจอสถูปเจดีย์สีทอง ทรงระฆังคว่ำ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อยู่บนฐานวางอย่างสวยงามตัวดาวเพดานสีทอง มีสีเขียวล้อมรอบสร้างความสวยงามบรรยากาศบนใจกลางพระปรางค์สงบ ให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนขึ้นพระปรางค์กันมากมายแต่ไม่รู้สึกวุ่นวาย ทุกคนต่างสำรวมและไหว้พระธาตุด้วยความศรัทธา หลังจากที่เราได้สักการะรู้สึกถึงความอิ่มเอมใจ ขอพรให้มีสติทุกการกระทำ สุขภาพแข็งแรง ตั้งมั่นในการปฎิบัติตัวเป็นพุทธบริษัทที่ดี ประกอบอาชีพอย่างสุจริตไม่เบียดเบียนผู้อื่น ให้มีคนรักคนเมตตา แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวงหลังจากนั้นก็ถึงขาวัดใจ หรือขาลงจากพระปรางค์ เพราะชันมาก มองลงมาจากพระธาตุใจหวิว ๆ ขาสั่น หลังจากดมยาดม เรียกกำลังใจ มีวิธีลงที่ได้รับแนะนำมาเพื่อไม่ให้หวาดเสียว ตั้งแต่ หันหลังค่อย ๆ ถอยลง อันนี้คิดว่าทำไม่ได้แน่ เพราะขาสั้น จะตกบันได้ก่อน หรือจะให้น้อง ๆ จิตอาสามาบริการพาลงก็ได้ (จิตอาสาบอกพาลงหลายคนแล้ว) แต่เราเลือกมองบันไดด้านหน้าเพียง 1-2 ขั้น ห้ามมองไกล หรือมองทิวทัศน์รอบ ๆ เป้าหมายมีเพียงบันไดด้านหน้าเท่านั้น ค่อย ๆ ลงมา ในที่สุดก็ถึงด้านล่างอย่างปลอดภัย จากนั้นมาตักบาตรเหรียญและไหว้พระพุทธชินราชที่วิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช อีกอย่างที่พลาดไม่ได้ ต้องมาไหว้สำหรับวัดใหญ่ คือท้าวเวสสุวรรณ ที่นี่ว่ากันว่าเป็นท้าวเวสสุวรรณองค์แรกๆ ของประเทศ สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ศักดิ์สิทธิ์จริง บางคนขอพรแล้วยังไม่ทันกลับก็ได้ดังใจปรารถนาไหว้ ท้าวเวสสุวรรณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) พิษณุโลก เทพเจ้าแห่งโชคลาภในงานมีสินค้าจำหน่ายแต่จุดเด่นของงานคือสินค้าพื้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเม็ดกระบก พุทราเชื่อม มะขาม หอมแดง กระเทียม ไม้กวาดและละมุดที่เราแนะนำให้มาซื้อคงเป็นละมุดและไม้กวาน ละมุดของที่นี่หวานกรอบ เนื้อไม่เละ อร่อย สำหรับไม้กวาด ต่างจากของที่อื่นคือ แข็งแรง ทนทาน ดอกหญ้าไม่ร่วงใช้ทนได้นาน ซึ่งของทั้งสองอย่างนี้เป็นของขึ้นชื่อของงานมาอย่างยาวนานใครมาต้องซื้อละมุดและไม้กวาดกลับไปปีนี้งานวัดใหญ่ไม่มีการแสดงลิเกและภายภาพยนต์ แต่ยังมีของเล่นมาสร้างความบันเทิงให้แก่เด็ก ๆ และประชาชนที่ชื่นชอบไม่ว่าจะเป็นชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุนและปลาหมึกหมุน รถบั๊ม สำหรับเพื่อนที่ชื่นชอบของเล่นแนวนี้ ที่น่าเล่นที่สุดคงเป็นหลาหมึกหมุนเพราะดูท้าทายและหวาดเสียวที่สุดในงานสำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากมาขึ้นพระปรางค์ที่วัดใหญ่ จะเปิดให้ขึ้นตั้งแต่ 27 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2566 พลาดปีนี้ต้องรอปีหน้าแล้ว อยากให้มากันเพื่อสร้างสิริมงคลให้แก่ตนเองและครอบครัว เป็นกำลังใจอันดีสำหรับการทำงานในปี 2566 พิกัดตาม google map: https://goo.gl/maps/AJKMfvrMXa4dqSji8เครดิตทุกรูปภาพ: เจ้าของบทความ บทความที่เคยเขียนรีวิวไหว้ขอพรสี่หูห้าตา สำนักเรือนพระมุนี เชียงใหม่ บูชาถ่านไฟขอโชคลาภ กินถ่านไฟเป็นอาหาร ถ่ายเป็นทองวิหารเทวาลัยพระพิฆเนศ วัดจันทร์ตะวันตก ไหว้พระพิฆเนศ ขอพรไอ้ไข่ ให้โชคลาภ พิษณุโลกไหว้ท้าวเวสสุวรรณ ปางประทานพรสำเร็จทันใจ วัดคันธาราม เชียงใหม่ ติดขัดให้หายไป ลื่นไหลไปทุกสถานการณ์เจ้าพ่อปู่ทิดน้อย สิ่งศักดิ์ประจำเมืองชาติตระการ เที่ยววัดคันธาราม (ทุ่งอ้อ) ที่ถ่ายรูปเพียบ สายมูต้องมาแชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”