อรขอเล่าต่อจากบทความ "ผู้หญิงคนเดียวเที่ยวจีน 2024 วันที่ 1...เริ่ม!! (ทริปปักกิ่ง BEIJING - ฮาร์บิน HARBIN 9 วัน)" วันที่ 2 ของการเดินทาง วันที่ 9 มกราคม 2567 วันนี้สถานที่สำคัญที่เราจะไปกัน คือ กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China) ที่ด่านปาต้าหลิง (Badaling Great Wall) สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1505) กำแพงเมืองจีน เป็นกำแพงมรดกโลกที่มีความกว้างใหญ่มโหฬาร เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งกำแพงเมืองจีนครอบคลุมพื้นที่ถึง 15 มณฑลของประเทศจีน และมีด่านทั้งหมดถึง 9 ด่านด้วยกัน แต่ละด่านมีความสวยงามแตกต่างกันไป ที่อรเลือกไปด่านปาต้าหลิง เพราะเดินทางง่าย สะดวก ประหยัดเวลาและใกล้ตัวเมืองปักกิ่งมากที่สุด แพลนการเดินทางต้องออกแต่เช้า อรตื่นประมาณตี 4 ครึ่งเพื่อเตรียมตัวและออกเดินทางประมาณตี 5 เพราะต้องนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปต่อรถเมล์และไม่รู้ว่ารถเมล์จะออกเวลากี่โมงบ้าง เลยต้องเผื่อเวลาไปด้วยค่ะ และนั่งรถเมล์ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณชั่วโมงครึ่งจากลานจอดรถเมล์ รูปภาพประกอบจาก https://th.maps-beijing.com/รูปภาพประกอบจาก https://www.chinadiscovery.com/beijing-tours/maps/badaling-great-wall-maps.html เราเริ่มเดินทางจากรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 1 (สีแดง) สถานีกัวเหมา (Guomao) ไปที่สถานีเจี้ยงกัวเหมิน (Jianguomen) เพื่อเปลี่ยนเป็นสาย 2 (สีน้ำเงิน) และนั่งไปที่สถานีจีซุยตัน (Jishuitan) เดินออกทางออก B2 แล้วเดินต่อไปที่ลานจอดรถเมล์เต่อเฉิงเหมิน (Deshengmen Bus Station) เดินตามป้ายบอกทางไปรถเมล์สาย 877 เลยค่ะ (ป้ายเขียนเป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษนะคะ) ลานจอดรถเมล์จะมีรถเมล์สาย 877 และสาย 919 สามารถเดินทางได้โดยรถเมล์ทั้งสองสาย แต่ที่เลือกสาย 877 เพราะสายนี้ไม่จอดตามป้ายนะคะ แต่สาย 919 จะหยุดรับผู้โดยสารตามป้ายรถเมล์ตลอดทางจึงใช้เวลานานกว่า ดังนั้นเรานั่งสาย 877 เพียงสายเดียวก็ถึงเลยค่ะ แต่อาจจะต้องเดินไปต่ออีกนิดหน่อยถึงจะถึงจุดจำหน่ายตั๋วหน้าทางเข้าด่าน ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ซื้อตั๋วเข้ากำแพงเมืองจีน ราคาตั๋วเข้าประมาณ 175 บาท (35 หยวน) เดินไปสแกนก็เข้าได้เลยค่ะ พอเดินเข้ามาก็จะมีทางเลือกเลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวา อรเลือกเลี้ยวขวาค่ะเดินไปได้แค่ไม่กี่ประตูก็เหนื่อยหอบแล้วค่ะ ขอเดินแค่ไม่กี่ประตูนะคะเพราะขายังล้าจากการเดินเมื่อวานไม่หาย และอากาศก็หนาวเย็น -8° ถ่ายรูปสวย ๆ จากโซนนี้มาได้เยอะหน่อย เดินกลับไปจุดทางเข้าแล้วเดินไปโซนทางด้านซ้ายอีกนิดหน่อยค่ะ กำแพงเมืองจีน ด่านปาต้าหลิง ต้องมาเห็นด้วยตาของตัวเองจริง ๆ สวยมาก สวยกว่าในทีวี สวยกว่าในหนังเยอะเลย และได้มุมถ่ายภาพมาสวยเหมือนภาพวาดเลยค่ะ เสร็จแล้วก็เดินกลับมาจุดเดิมที่รถเมล์จอดครั้งแรก ระหว่างทางกลับแวะซื้อหมาล่าซักหน่อย 6 ไม้ ราคาประมาณ 50 บาท (10 หยวน) รสชาติไม่ได้เผ็ดเหมือนที่ประเทศไทยนะคะมีความต่างอยู่นิดหน่อย แต่อร่อย ในลิตส์ของอรแพลนว่าจะไป สุสานราชวงศ์หมิง (Ming Shi san Ling), สุสานฉางหลิง (Changling Tomb), สุสานติงหลิง (Dingling Tomb) ต่อจากกำแพงเมืองจีน แต่ต้องเปลี่ยนรถเมล์และเส้นทางการเดินทางที่แยกออกไปอีกทาง อรเลยตัดสินใจไม่ไปค่ะ รู้สึกเสียดายเหมือนกันค่ะอาจจะกลับมาเที่ยวอีกครั้ง แต่ไปอีกที่ที่สวยคุ้มค่า ‘ว้าว’ ได้มากเช่นกัน ถึงแม้ไม่มีในลิสต์ ตามมาเลยค่ะ... พอกลับมาถึงลานจอดรถเมล์เต่อเฉิงเหมินตอนเที่ยง อรก็ลองหาสถานที่เที่ยวที่เป็นทางผ่านได้ คือ หอกลองและหอระฆังปักกิ่ง (Beijing Drum Tower) ลุยกันเลยค่ะ...ขึ้นรถเมล์แถวลานจอดรถเต่อเฉิงเหมินเพื่อไปหอกลองกันเลย ผ่านไปแค่ป้ายเดียว รถเมล์ขับผ่านย่านหนึ่งที่ข้างทางเป็นบ้านสไตล์จีนและสวยสะดุดตามาก ถึงขั้นที่อรตัดสินใจลงป้ายถัดไป ณ ตอนนั้น พอเดินลงรถเมล์มาอรก็ลองดูในแอพแผนที่มีทะเลสาบใกล้ ๆ อรคิดว่าสามารถเดินชมวิวทะเลสาบไปเรื่อย ๆ จนถึงหอกลองได้ เมื่อตัดสินใจแล้วไม่ผิดหวังเลยจริง ๆ ค่ะ บรรยากาศสวยมาก บ้านเรือน ร้านค้าต่าง ๆ ข้างทางสวยสไตล์จีนจ๋ามาก(ปลื้ม) และที่สำคัญเดินทะลุทางเดินแคบ ๆ ไปยังทะเลสาบ ก็เจอคนขาย "ถังหูลู่" ผลไม้เคลือบน้ำตาล ที่เป็นขนมในตำนานที่ต้องได้กินตอนหน้าหนาวที่จีน ลองคิดสิค่ะ อรจะทำไง...ซื้อสักไม้ จัดไปอย่าให้เสียค่ะ หนึ่งไม้นี้ ราคาประมาณ 60 บาท (12 หยวน) แต่อร่อยมากค่ะ ความหวานของน้ำตาล+ความเปรี้ยวของผลไม้ข้างใน กัดเข้าปากไปรสชาติผสมผสานกันได้ดีเลยทีเดียวค่ะ และอากาศหนาวเย็นแบบนี้มันเข้ากันได้ดีอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ แล้วก็เดินชมทะเลสาบที่เป็นน้ำแข็งทั้งหมดไปเรื่อย ๆ ค่ะ สวยมากเช่นกัน ที่นี่เขาจัดลานสเก็ตน้ำแข็งให้เด็ก ๆ มาเล่นสเก็ตน้ำแข็งและล้อลากเลื่อนด้วยค่ะ พอเดินต่อไปก็จะเจอกับแหล่งท่องเที่ยวอีกที่ชื่อ เสี่ยวซือเป่ย หูถง (Xiaoshibei Hutong) มีร้านค้าและของกินมากมายขายอยู่แถวนั้น และก็มีวัดตี๋อันเหมินหัว ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายให้ไหว้สักการะ และรูปข้างล่างนี่คือ หอกลองและหอระฆังปักกิ่ง ตอนที่ไปถึงเสียงตีกลองดังกักก้องจากด้านในมากค่ะ แต่อรไม่ได้เข้าไปนะคะ อรเดินไปสถานที่ต่อไปคือ ถนนหนานโหลวกู่เซียง (Nan Luo Gu Xiang street) เป็นถนนคนเดินที่มีขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงมากของเมืองปักกิ่ง มีทั้งร้านค้ามากมาย ร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องประดับ ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่าง ร้านกาแฟ ผับ บาร์ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกสวย ๆ มากมายอยู่ที่นี่ครบที่เดียวค่ะ และขณะที่กำลังเดินไปถนนหนานโหลวกู่เซียงนั่นเอง... เกิดอยากเข้าห้องน้ำค่ะ สิ่งที่จำเป็นต้องทำตอนอยู่ข้างนอกในประเทศจีนคือเข้าห้องน้ำสาธารณะที่ใกล้ที่สุด และระหว่างทางเดินไปนั้นเห็นในแอพแผนที่มีห้องน้ำสาธารณะอยู่ 2 ที่ 'ห้องน้ำในตำนาน' ที่แรกพอเดินเข้าไปมีคุณป้านั่งอยู่สองท่าน มีที่ว่างอยู่ข้างในสุดหนึ่งที่อรกะจะเดินเข้าไปแล้วละคะ แต่พอได้ยินเสียงคุณป้าคนกลางผายลมเท่านั้นแหละค่ะ หันหลังกลับทันที ^.^' ลองเดินไปอีกที่แล้วกัน ก็ได้เจอห้องน้ำสาธารณะที่ว่างเปล่า(โชคดีจัง)ตามในรูปเลยค่ะ ถ้ามีคนเข้ามานั่งด้วยก็เป็นการเข้าห้องน้ำที่หันซ้ายขวามีคนมองหน้าและนั่งทำธุระเป็นเพื่อนอะเนาะ ฮ่าฮ่า เป็นประสบการณ์ที่เข้าห้องน้ำที่จำไม่ลืมแน่นอนค่ะ พอเดินเที่ยวชมและหาของกินที่ถนนหนานโหลวกู่เซียงเสร็จแล้ว ก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 8 (สีเขียว) สถานีหนานโหลวกู่เซียง (Nanluogu Xiang) ไปที่สถานีหวังฝูจิ่ง (Wangfujing) เพื่อเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 1 (สีแดง) กลับไปที่โรงแรมกันค่ะ วันที่ 2 ในจีนจบลงด้วยดียิ้มกว้างอีกแล้วค่ะ อากาศหนาวเย็นดี ร่างกายเริ่มปรับตัวได้แล้ว และยังคงเดินเยอะมาก วันนี้อรเดินไปทั้งหมด 21,347 ก้าว โดยประมาณ 13.36 กิโลเมตร รูปประกอบทั้งหมดโดยเจ้าของบทความเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !