หลายคนอาจยังที่ไม่รู้ว่าโอไดบะเป็นเกาะที่เกิดจากการถมทะเลบริเวณอ่าวโตเกียวเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว คือตั้งแต่ คศ.1853 โน่นแน่ะ และที่น่าทึ่งยิ่งไปกว่านั้นคือสิ่งที่ถมลงไปจนกลายเป็นเกาะโอไดบะในวันนี้ก็คือ “ขยะ” ค่ะ ใช่แล้ว มาโตเกียวทั้งที ก็ควรแวะมาเที่ยวย่านนี้สักหน่อย และที่สำคัญคือฉันอยากมาทักทาย “เทพีสันติภาพ” ที่นี่ด้วยล่ะค่ะ การไปโอไดบะนั้นไม่ยาก(อีกละ) เอาจริง ในญี่ปุ่นไม่ค่อยมีอะไรยากเลยนะ เพราะสะดวกสบายไปซะแทบทุกอย่างจริง ๆ แค่นั่งรถ JR มาลงที่สถานี Shimbashi แล้วต่อรถไฟสาย Yurikamome ของเกาะโอไดบะ เท่านั้นเอง และที่น่าสนุกสำหรับรถไฟสายนี้ก็คือเขาไม่มีคนขับค่ะ ดังนั้นหากใครได้นั่งโบกี้หน้าสุดจะสนุกสนานตื่นเต้นเหมือนเป็นคนขับรถไฟเองเลยทีเดียว ภาพถ่ายโดยผู้เขียน เมื่อลงจากรถไฟแล้วก็มีห้างต่าง ๆ ให้ชม ช็อป และชิม รวมทั้งมีวิวให้ถ่ายรูปเล่นหลากหลายรูปแบบ เพราะที่นี่เป็นเหมือนเมืองตากอากาศหรือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเที่ยวเล่นของชาวโตเกียว (และนักท่องเที่ยวด้วย) เนื่องจากอยู่ใกล้โตเกียวที่สุด บนเกาะนี้จึงมีทั้งศูนย์การค้า พิพิธภัณฑ์นวัตกรรมและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่แห่งชาติมิไรคัง (National Museum of Emerging Science and Innovation Miraikan) และสวนสนุกต่าง ๆ มากมาย ภาพจากผู้เขียน ออนเซน Monotakari : ภาพจากผู้เขียน และมีสถานที่ออนเซ็นที่มีชื่อเสียงมาก ๆ อย่างโอเอโดะ ออนเซ็นโมโนทาการิ ซึ่งยังคงรักษาวัฒนธรรมการแช่น้ำแร่ร้อนแบบเอโดะเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และยังเป็นที่นิยมทั้งของชาวญี่ปุ่นและนักท่องเทียวตลอดมาเช่นกัน ภาพจากผู้เขียน เมื่อมาถึงห้าง Aqua City เราก็ได้พบแลนด์มาร์คสำคัญของเกาะที่เรา “ตั้งใจ” มาเยี่ยมมาหา นั่นก็คืออนุสาวรีย์เทพีสันติภาพแบบเดียวกับที่นิวยอร์ก องค์เทพีตั้งอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่าหันหน้าเข้าหาเกาะหันหลังให้สะพานสายรุ้ง ซึ่งทางห้าง Aqua City ก็ได้ทำทางเดินเชื่อมออกไปให้ผู้คนได้ถ่ายรูปกับเทพีเป็นที่ระลึกกันอย่างสะดวกสบายตามสไตล์ญี่ปุ่น ภาพจากผู้เขียน ข้อมูลที่ฉันรู้มาคืออนุสาวรีย์เทพีสันติภาพจำลองนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อจัดแสดงในงานพิธีรำลึกถึงมิตรภาพระหว่างญี่ปุ่นกับฝรั่งเศสในปี 1998 โดยมีขนาดเล็กกว่า 1/7 เท่าจากของจริง ฉันอดคิดไม่ได้ว่ามันช่างเป็นมิตรภาพอันหนักอึ้งงดงามที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลเสียจริง และนั่นทำให้ฉันต้องดื่มด่ำอยู่นานหลังจากที่วนเวียนถ่ายรูปเทพีองค์นี้จนพอใจเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่มาเที่ยวที่นี่ ก่อนเคลื่อนย้ายตัวเองไปเที่ยวเล่นและถ่ายรูปยังจุดอื่น ๆ บนเกาะที่ถูกเสกสร้างด้วยน้ำมือมนุษย์แห่งนี้ต่อไป ภาพจากผู้เขียน ภาพจากผู้เขียน ห้างVenus Fort : ภาพจากผู้เขียน ชิงช้าสวรรค์ที่ Palette Town :ภาพจากผู้เขียน และในที่สุดก็ได้เวลานั่งรถไฟข้ามกลับมาฝั่งโตเกียวในยามมืดค่ำด้วยความเมื่อยล้าและง่วงนอน แต่แสงไฟจากสะพานสายรุ้งก็ทำให้อดใจไม่ได้ที่จะถ่ายรูปลาง ๆ ผ่านกระจกรถไฟเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก สะพานสายรุ้ง: ภาพจากผู้เขียน และก็ได้ภาพออกมาแบบนี้.. มันช่างเหมือนกับความฝันเสียจริง