ความตั้งใจในทริปนี้คือ ไปเจอหิมะครั้งแรกในชีวิตที่เมืองฮาร์บินหรือฮาเอ่อบิน ในราคาที่ไม่แพง ได้ไปเห็นสถานที่ต่างๆ ที่ชอบ แพลนมีอยู่ว่า… ซื้อตั๋วเครื่องบินจากประเทศไทยบินไปประเทศจีน จุดหมายแรกคือเมืองปักกิ่ง ไปดูสถาปัตยกรรม บ้าน และวัฒนธรรมของจีน และเดินทางทางต่อด้วยรถไฟความเร็วปกติ ตั๋วนอน 15 ชั่วโมงครึ่ง จากเมืองปักกิ่งไปเมืองฮาร์บินหรือฮาเอ่อบิน เพื่อไปเจอหิมะครั้งแรกในชีวิต และในอุณหภูมิที่ติดลบสูงสุดที่เจอเองจริง ๆ ที่นี่คือ -26° แล้วนั่งรถไฟความเร็วสูงกลับมาเมืองปักกิ่ง ที่ความเร็วสูงมากจนปวดหัวแน่นทั้ง 6 ชั่วโมงครึ่ง ประสบการณ์ที่พบเจอร้อง ‘ว้าว’ หลายครั้งมากมาย และเจอเรื่องที่ ‘โอ้ย...ทำไม’ และมีทั้งความสุข ทรหด ยิ้มไม่หยุด และก็การป่วยที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทาง ช่วงเวลาที่เดินทางคือ 7 มกราคม 2567 ถึง 16 มกราคม 2567แต่เรามาสรุปกันสั้น ๆ ก่อนว่าอรไปไหนบ้าง วันที่ 1 ขอรวมเป็นวันเดียวกัน คืนวันเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 19:15 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง เวลา 01.05 น. (เวลาประเทศจีน) เริ่มต้นด้วยไม่มีที่นอน และรถไฟเข้าตัวเมืองก็ยังไม่เปิด เปิดเวลา 06:20 น. แล้วที่สงสารตัวเองคือไม่มีเก้าอี้ว่างให้นั่งหรือนอนเลย แล้วจะนอนตรงไหนดี… เมื่อสถานีรถไฟเปิดเข้าตัวเมืองไปเช็คอินน์ที่โรงแรมและเตรียมตัวออกไปผจญภัยที่แรก คือ พระราชวังฤดูร้อน แค่ชื่อก็น่าสนใจแล้วใช่ไหมคะ? และแพลนต่อว่าจะไป พระราชวังหยวนหมิงหยวน , มหาวิทยาลัยปักกิ่ง, หอสมุดแห่งชาติจีน วันที่ 2 ไปเที่ยวกำแพงเมืองจีน ด่านปาต้าหลิง เดินทางโดยรถเมล์สายเดียวถึงเลย ออกเดินทางแต่เช้า เพราะใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง และแพลนต่อว่าจะไป สุสานราชวงศ์หมิง, สุสานฉางหลิง, สุสานติงหลิง…ไม่ได้ไปนะ แต่ไปอีกที่ที่สวยคุ้มค่า ‘ว้าว’ ได้มากเช่นกัน ถึงแม้ไม่มีในลิสต์ แต่ตัดสินใจเอาตอนนั้นเดินลงรถเมล์เลย วันที่ 3 แพลนวันนี้สำคัญที่สุดคือไป พระราชวังต้องห้าม ชื่อนี้คุ้นหู มีชื่อเสียง และในรูปสวยมากจนต้องไปให้ได้เจอของจริง แต่แล้ว… ‘โธ่ เอ่ย ทำไม ทำไม’ คือคำถามที่ต้องถามตัวเอง ณ ตอนนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก วันที่ 4 เช็คเอาท์โรงแรม และไปสถานีรถไฟปักกิ่ง เพื่อไปเมืองฮาร์บิน ใหญ่โตอลังการมาก คนเยอะมาก เดินทางโดยรถไฟความเร็วปกติ ตู้นอนเตียงแข็ง ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 15 ชั่วโมง 30 นาที ประสบการณ์นี้จะเป็นยังไง วันที่ 5 ถึงเมืองฮาร์บินหรือฮาเอ่อบิน เวลา 06:13 น. แต่เช้าตรู่ที่ฟ้ายังมืดอยู่ ออกจากรถไฟที่สัมผัสอากาศหนาวมาก และตามหาที่พักยากมาก ตื่นเต้นสุด ๆ แพลนออกไปเดินเที่ยวที่ โบสถ์รัสเซีย มหาวิหารเซนต์โซเฟีย ในอากาศหนาวจัดจนเป็นน้ำแข็ง และไปสวนสาธารณะที่จัดงานหิมะและน้ำแข็ง พร้อมเพื่อนใหม่ที่เจอบนรถไฟตู้นอนที่คาดว่าจะได้เจอเพื่อนฝรั่งหล่อๆ แต่เพื่อนคนจีนก็ดีเหมือนกัน วันที่ 6 ไปเที่ยว สวนสาธารณะซันไอซ์แลนด์ และ เทศกาลน้ำแข็งและหิมะ กันเป็นเทศกาลยิ่งใหญ่และอลังการมาก และสวยมาก(ก.ไก่ ล้านตัว) และคนไปเยอะมากด้วย สวยจนลืมตัวว่าอากาศหนาวสุด ๆ แล้วก็เดินเป็นสาวไทยสุดสตรองเบอร์หนึ่งอยู่ 7 ชั่วโมง คิดว่าจะจบลงยังไงคะ? วันที่ 7 เดินตามหางานแกะสลักหิมะ ที่เด็กไทยชนะการประกวด ในปี 2024 นี้ด้วย และเตรียมตัวกลับเมืองปักกิ่ง วันที่ 8 เดินทางกลับไปเมืองปักกิ่ง ด้วยรถไฟความเร็วสูง(มาก) ที่ความเร็วสูงมากจนปวดหัวแน่นแทบจะระเบิด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง 30 นาที วันที่ 9 วันสุดท้ายของทริปนี้ ที่พลาดไม่ได้คือ วัดลามะ ที่ใครๆก็ต้องไปกราบไหว้ขอพรและซื้อเครื่องราง กำไลต่าง ๆ เพื่อเสริมสิริมงคล เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นทั้ง 9 วันที่ไปนี้ แต่อรจะลงรายละเอียดของแต่ละวันให้ติดตามภายหลังนะคะ… ฝากติดตามด้วยนะคะส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยประมาณ 49,087 บาท ไม่เกินงบที่ตั้งไว้จ้า ปรบมือดัง ๆ ให้ตัวเองหน่อยตั๋วเครื่องบิน + เสื้อผ้ากันหนาวและของใช้ + ทำวีซ่า + โรงแรม + ค่าเข้าสถานที่ต่าง ๆ + ค่าเดินทาง + เงินติดตัว(เงินสด+เงินในแอพอาลีแพย์) รูปประกอบทั้งหมดโดยเจ้าของบทความ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !