เมื่อสัปดาห์ก่อน ต้องเดินทางไปสัมมนาที่จังหวัดราชบุรี สัมมนาเสร็จเย็น ๆ ไม่รู้จะทำอะไรดี เลยเสิร์ชหาที่เที่ยวสักหน่อย ก็พบกับ "เขางู" ฟังชื่อแล้วก็ไม่น่าไปเท่าไหร่ แต่ภาพที่เห็นนี่สิ ทำให้ทนอยู่ไม่ได้ รีบขับรถไปทันทีเลย เขางู ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะพลับพลา อ.เมือง จ.ราชบุรี ห่างจากตัวเมืองราชบุรีเพียง 8 กิโลเมตร ถนนขับง่าย ไปง่ายมาก ๆ พอไปถึงก็พบกับลานจอดรถที่กว้างใหญ่มาก ๆ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ลานจอดใหญ่มากจนแอบอึ้งว่า ที่นี่มีนักท่องเที่ยวเยอะขนาดนี้เลยหรอ ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน อึ้งยิ่งไปกว่านั้น คือ มีร้านขายของหน้าทางเข้าเยอะแยะเลย นี่เราไปถึง 6 โมงกว่าแล้วนะ เดินเข้าไปอีกก็เห็นร้าน "ไหน" เป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ อยู่ด้านหน้าเลย สามารถเข้าไปทานอาหารพร้อมชมวิวสวย ๆ ได้ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) พอเดินเข้าไปถึงอุทยานหินเขางู ก็อึ้ง และเข้าใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงคึกคัก วิวสวยมากจริง ๆ ภูเขาหินสีขาว ตัดกับน้ำใส ๆ สีฟ้าเขียว อากาศก็ดีมาก ๆ ลมโชยสบ๊ายสบาย (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) วิวสวยทุกมุมเลย และที่สระน้ำ เขามีเรือถีบให้เช่าไปถีบเล่นได้ มีหลายแบบให้เลือก ซื้ออาหารปลาติดไปด้วย ถีบเรือไป ให้อาหารปลาไป ผ่อนคลายสุด ๆ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ครอบครัวพ่อแม่ลูก ถีบเรือม่วง หลังคาขาวออกไปแล้ว ดูชิลสุด ๆ ส่วนคุณยายก็เดินเล่นและคอยลุ้นอยู่ด้านบน ค่าเช่าเรือก็ไม่แพง ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ในน้ำมีปลามากมาย และมีอาหารปลาขายที่ทางเข้าด้วย (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) จุดเด่นที่สุดของอุทยานหินแห่งนี้ เห็นจะเป็นสะพานข้าม ที่ดีไซน์มาได้อย่างลงตัว ดูดี ดูเด่น ด้วยสีครีม-แดงเลือดหมู (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) เมื่อเดินข้ามสะพานไปแล้ว ก็มีทางเดินต่อไปอีกสุดลูกหูลูกตา ให้มาเดินเล่นยามเย็น เดินออกกำลังกาย หรือนั่งชมวิวชิล ๆ ได้ตลอดทาง (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) เดินเล่นแล้วรู้สึกสบายใจดีจัง อุทยานหินสวย ๆ วิวกว้าง ๆ น้ำใส ๆ ช่างเยียวยาจิตใจได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ สนใจสถานที่นี้มากจนต้องไปเสิร์ชดู ก็รู้ว่า อุทยานหินสวย ๆ แห่งนี้ เดิมเป็นเหมืองหินปูนมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ ทั้งระเบิดหินและย่อยหิน เป็นแหล่งหินปูนคุณภาพดี ต่อมาทั้งภาครัฐและเอกชนยกเลิกสัมปทานเหมืองไป เนื่องจากเห็นความเสื่อมโทรมของสภาพภูมิประเทศ ประกอบกับเห็นความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ ซึ่งศาสนสถานเก่าแก่ และเป็นแหล่งหินเก่าแก่อายุกว่า 200 ล้านปี คาดว่าเป็นหินปูนที่เคยอยู่ในทะเลมาก่อน แล้วถูกกัดกร่อนจนเป็นภูเขา มีโพรง มีถ้ำต่าง ๆ จนสมัยทวารวดี ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-13 สถานที่แห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นสถานที่ให้พระภิกษุสงฆ์มาจำพรรษา ปฏิบัติธรรม และเปลี่ยนถ้ำให้เป็นที่พักสงฆ์ และยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) เดินเล่นจนฟ้าเริ่มมืด ก็ถึงเวลาต้องกลับแล้ว เดินออกมาเจอฝูงลิงมากมาย มันก็คงจะถึงเวลากลับบ้านที่อยู่บนภูเขาเหมือนกัน ในรูปอาจจะดูไม่ค่อยเห็น แต่ของจริงคือเยอะมาก ทั้งที่ถนน และไต่ขึ้นไปบนหน้าผา เราก็แอบกลัว ๆ ไม่กล้าเข้าไปถ่ายเท่าไหร่ มีเจ้าหน้าที่ถือหนังสติ๊กคอยช่วยยิงขู่ถ้ามันมาใกล้คนด้วย โชคดีนะนี่ที่ตอนเข้าไปลิงยังไม่กลับบ้าน (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ขับรถกลับออกมา แวะนมัสการพระพุทธรูปบนหน้าผา ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของอุทยานเขางู เป็นองค์พระที่งดงาม ท่ามกลางสวนที่จัดอย่างลงตัว วันนี้ก็กลายเป็นอีกวันดี ๆ ที่ได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจด้วยธรรมชาติที่สะอาดและงดงาม เป็นสถานที่ที่ดีจนรู้สึกว่าต้องบอกต่อ และอยากชวนครอบครัวไปเที่ยวด้วยกันเลย อยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯ ด้วย เปิดตลอดวันไม่เสียค่าเข้า มาพักผ่อนทั้งกายและใจ ให้ธรรมชาติเยียวยากันนะ