กว่าสองปีแล้ว ที่การเดินทางของพวกเราซึ่งมาอบรมหลักสูตร การเป็นเจ้าบ้านที่ดี รุ่นที่ 1 ของ ททท. จบลง ต่างคนเตรียมการเพื่อเตรียมรับมือกับการท่องเที่ยวชุมชนที่จะเกิดขึ้น ตัวแทนแต่ละจังหวัดในทั่วประเทศ ซึ่งในกิจกรรมครั้งนั้นต่างก็ขนของดีมาเล่าสู่กันฟังร่วมร้อยคน หนึ่งในนั้น ผมพบกับสมาชิกในกลุ่มของเราจาก ตัวแทนบ้านเพาะช้าง ที่สานสัมพันธ์กันจนเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่เป็นวิถีแห่งสหาย หรือ เพื่อนกันบนเส้นทางมิใช่เพียงการท่องเที่ยวไปเพื่อรักสนุกเท่านั้น บ้านเพาะช้าง จากแดนเหนือที่กำลังเกร ก่อร่างสร้างห้องเรียนของช้างเพื่อการเรียนรู้และยังคงอยู่ด้วยวิถีแบบชนชาติพันธุ์ที่มีชีวิตอยู่ร่วมกับช้างเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ซึ่งผู้เป็นสหายเราเป็นผู้นำในกิจกรรมของ "บ้านเพาะช้าง" นามว่า ตุหนุ และนี่คือ บ้านของเขา บ้านเพาะช้าง เขาทำหน้าที่ทั้งด้านการจัดการการท่องเที่ยวบ้านของตนเอง และแนะนำสถานที่ใกล้เคียงอันน่าอภิรมณ์ให้กับผู้มาเยี่ยมชมได้มีทางเลือกใหม่ได้เลยครับ ผมมีโอกสาเยือนถื่นสหายผู้น้องกับเพื่อน เมื่อปีเศษ เราได้เห็นกิจการที่เติบโตและกิจกรรมที่สร้างสรรค์งานท่องเที่ยวที่มีพระเอกเป็นช้างเชือกใหญ่หลากหลายเจเนอเรชั่น เจ้าของช้างเล่าให้พวกเราฟังถึงกระบวนการสอน และฝึกอยู่ร่วมกันระหว่างช้างกับคนอย่างน่าสนใจ ว่า ช้างฟังภาษาคนรู้เรื่องนะครับ และยิ่งภาษาพื้นถิ่นด้วยแล้ว เสมือนคนบ้านเดียวกันคุยกันเลยล่ะ การสื่อสารภาษากระเหรี่ยง หรือ ปกาเกอญอ และวิถีการสอนการฝึกจากบรรพบุรุษยังสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ในปัจจุบันรุ่นลูกรุ่นหลานก็ทำหน้าที่นั่นอย่างขึงขัง แต่หน้าที่นั่นเปลี่ยนไปจากเดิม กล่าวคือ มิใช่การใช้กำลังในการลากจูงงานหนักเหมือนแต่ก่อน เด็ก ๆ เยาวชน ชุมชนยะพอ มีบ้านเพาะช่างเป็นลานฝึกทักษะเหมือนสอบใบขับขี่ช้างเลยครับ เขาได้เรียนรู้การต้อนรับจากรุ่นพี่ ได้พบเจอและบริการคนที่มาเที่ยว และมากกว่านั้นเขาภูมิใจในวิถีชนชาติพันธุ์ที่มีเสน่ห์และความงามแห่งธรรมชาติที่โอบอ้อมล้อมชุมชนอากาศก็แสนบริสุทธิ์ เพื่อน ๆ ของผมอธิบายและเล่าถึงความน่าเอ็นดูของช้างใฟ้ฟังว่า ช้างก็มีนิสัยเหมือนกับหมา แมวที่เราเลี้ยงนั่นล่ะ มีอ้อน มีซบ แต่ที่ต่างกัน เพราะเค้าตัวใหญ่ ทุกคนจึงคิดว่าน่ากลัว จริง ๆ เขาน่ารักไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ ครับ เป็นการอธิบายที่ทำให้ขนาดไม่ได้มีความหมายต่อความรักที่มีต่อกันจริง ๆ นะครับ ตัดภาพกลับมา ในวันที่เราพบกันครั้งแรก ที่โรงแรมในงานอบรม พี่ติ๊กเจษฎาภรณ์ วิทยากรและแขกรับเชิญ พูดคำ ๆ หนึ่งซึ่งจดจำมาจากปากของสหายพี่ติ๊กอีกที ว่า “การเดินทางทำให้คนไม่โง่” และการหลงรักการเดินทางของพี่ติ๊กเจ้าป่า ที่เราเห็น ๆ กันในสื่อทีวีอยู่นั้น ก็มีแรงบันดาลใจกับเรื่องราวเช่นนี้ และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อพวกเราได้ออกไปเยือนสหายแม้ไกลกันยันจังหวัดตาก ติดชายแดนไทยพม่า ทว่า การเดินทางนั้นไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่าได้เติบใหญ่ หากไม่เข้าไปพูดคุยและร่วมมีบทเรียนร่วมกันกับสิ่งที่เพื่อน ๆ ทำอยู่ นั่นคือ เรื่องราวเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้น ณ บ้านเพาะช้าง และเพาะพวกเราที่มีสายสัมพันธ์กันบนเส้นทางของกัลยาณมิตร ที่ลิขิตเรียกว่า [ สหาย ] วันตุหนุและทีมงานเพาะช้าง รอท่าให้ท่านไปเยือนเหมือนๆ ที่พวกเราเคยไปและยังคงอยากไปอยู่ร่ำไป ไปกันสักครั้งนะ บ้านเพาะช้าง แล้วเราร้องเพลง ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่าอวดใคร ๆ ได้อย่างไงล่ะ สำหรับแผนที่เดินทาง สัญญาณโทรศัพท์ ไฟฟ้า ทางโน้นสะดวกครับ ไม่ต้องกังวล พิกัดจีพีเอส พร้อมเดินทางปักหมุดเลยนะ คลิ๊ก แผนที่ไปบ้านเพาะช้าง หากไปเอง บ้านเพาะช้าง เป็นชื่อจุดท่องเที่ยวนะครับ ท่านไปที่ บ้านยะพอ ตำบล วาเล่ห์ อำเภอ พบพระ จังหวัดตาก แนะนำขับรถยนต์ส่วนตัว หรือ รถประจำทางก็ได้ครับ ไปลงที่อำเภอพบพระ แล้วต่อประจำทาง จะโทรหาที่เบอร์ 0946058492 เพื่อออกมารับก็ยินดีจ้า มีบริการถึงที่เลยครับผม วิ่งถนนเส้นสายเอเซีย ขึ้นเหนือ หมายเลขหนึ่ง นับบวกลบน่าจะใช้เวลา 8 ชั่วโมงกว่า ครับในการทำความเร็วตามกฏหมายกำหนด ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพแล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้างน๊ะ เรื่องเล่า ปรารภการคิดถึงการเดินทางของพวกเรา สหายสายช้าง คิดถึงทุกท่าน ครูเอ็ม พี่สิทธิ ตุหนุ และจารย์ตรัย โดย พ่อบักอินดี้ ชาตรี ลุนดำ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน เครดิตภาพปก จาก https://pixabay.com/