ในสมัยอดีตสังคมไทยตามชนบท วัด เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้ศึกษาเล่าเรียนทั้งด้านการเล่าเรียนเขียนอ่าน ด้านธรรมะอบรมบ่มจิตใจ และด้านอาชีพแล้ว ยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญบุญกุศลในทางศาสนา ของพุทธศาสนิกชนในโอกาสต่าง ๆ อีกด้วย และแน่นอนว่า พระสงฆ์ คือบุคลากรที่สำคัญยิ่งในการให้การอบรมในด้านต่าง ๆ ดังกล่าว พุทธศาสนิกร่วมกันทำกิจกรรมตกแต่งเรือพนมพระในเทศกาลออกพรรษา กิจกรรมสรงน้ำพระเปลี่ยนผ้าทรงก่อนอัญเชิญยกบนบุษบกเรือพนมพระ พุทธศาสนิกร่วมกันลากพระในเทศกาลวันออกพรรษา นักเรียนมาปฏิบัติธรรมเนื่องในวันสำคัญในทางพระพุทธศาสนา คณะคุณครูนำนักเรียนเตรียมตัวไปถวายเทียนจำนำพรรษาและเวียนเทียนเนื่องในเทศกาลวันอาสาฬหบูชา นอกจากเป็นเนื้อนาบุญให้ทายกทายิกาได้ทำบุญแล้ว สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ พระสงฆ์เป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวบ้านในเรื่องความเชื่อด้านอภินิหาร ซึ่งเป็นอำนาจบารมีแห่งบุญกุศลที่พระสงฆ์แต่ละรูปได้สั่งสมอบรมมาเฉพาะตน แล้วได้ใช้บารมีเหล่านั้นช่วยปัดเป่าบรรเทาทุกข์ภัยให้แก่ชาวบ้านได้ ศรัทธาญาติโยมถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นหลวงพ่อดำ จนฺทสโร วัดท่าสุธาราม ในท้องถิ่นจังหวัดชุมพรซึ่งเป็นประตูภาคใต้ของไทยนั้น พระสงฆ์ในอดีตนอกจากหลวงพ่อจอนวัดดอนรวบ (รายละเอียดอยู่ในบทความไหว้หลวงพ่อจอน นอนบ้านไทดำของผู้เขียน) หลวงพ่อสงฆ์วัดเจ้าฟ้าศาลาลอยแล้ว หลวงพ่อดำแห่งวัดท่าสุธารามก็เป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่ได้รับการยอมรับว่า มีชื่อเสียงบารมีด้านอภินิหารเป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดชุมพรเป็นอย่างสูง พระอุโบสถและกุฏิของหลวงพ่อดำ จนฺทสโร วัดท่าสุธาราม กุฏิหลวงพ่อดำมองจากมุมนี้จะเห็นถนนที่ตัดผ่านกลางวัดท่าสุธาราม ป้ายหน้ามณฑปหลวงพ่อดำ จนฺทสโร วันนี้ผู้เขียนจะนำท่านผู้อ่านมากราบไหว้หลวงพ่อดำ จนฺทสโร ณ วัดท่าสุธาราม ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร เป็นวัดเก่าแก่มีอายุประมาณ 300 ปี สังกัดมหานิกาย มีเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ เป็นวัดอกแตกคือมีถนนตัดผ่านกลางวัด และอยู่ติดกับลำคลอง สมัยก่อนเป็นท่าจอดเรือแพที่สัญจรผ่านไปมา จึงเรียกว่าวัดหัวท่า แล้วกลายมาเป็นวัดท่าสุธารามสุธารามในปัจจุบัน ศาลาการเปรียญวัดท่าสุธาราม ศาลาไหว้พระ โรงเรียนชุมชนวัดท่าสุธารามที่หลวงพ่อดำ จนฺทสโร ริเริ่มสร้าง ต้นมะขามใหญ่สัญลักษณ์ของโรงเรียนชุมชนวัด่ท่าุสุธาราม ร่มเงามะขามสัญลักษณ์ร่มรื่นเย็นตา ประวัติของหลวงพ่อดำ ท่านถือกำเนิดราวปี พ.ศ. 2417 ณ หมู่ 4 ตำบลตะโก (ในสมัยนั้นตำบลตะโกขึ้นกับอำเภอสวี) ครอบครัวของท่านมีอาชีพทำเกษตรกรรม เมื่อเจริญวัยครบบวชท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเมื่ออายุ 22 ปี ที่วัดละอุ่นเหนือ จังหวัดระนอง เล่ากันว่าท่านเดินทางออกธุดงค์บำเพ็ญสมณธรรมตามป่าเขาทั่วภาคใต้ แล้วกลับมาจำพรรษาที่วัดตะโกนอก (ปัจจุบันวัดนี้ไม่มีแล้ว) ในปี พ.ศ. 2455 เป็นเวลา 22 ปี จนกระทั่งญาติโยมไปนิมนต์มาเป็นเป็นเจ้าอาวาสที่วัดท่าสุธารามแห่งนี้ในปี พ.ศ. 2477 ในสมัยนั้นท่านได้นำพุทธบริษัทก่อสร้างและบูรณะเสนาสนะต่าง ๆ ภายในวัดมีการก่อสร้างพระอุโบสถเป็นต้น จนเจริญขึ้นโดยลำดับ และท่านเป็นผู้มองการณ์ไกลได้ริเริ่มก่อตั้งโรงเรียนชุมชนวัดท่าสุธาราม เพื่อเป็นสถานที่เรียนแก่บุตรธิดาของพุทธบริษัทในพื้นที่จนเจริญมาโดยลำดับจวบปัจจุบัน ภายในโรงเรียนมีต้นมะขามใหญ่มีอายุนับร้อยปีเป็นสัญลักษณ์ นับได้ว่าท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจของเหล่าพุทธบริษัทอย่างแท้จริง ผู้เขียนจะขอนำเสนอ บทเพลงมาร์ช ประจำโรงเรียนชุมชนวัดท่าสุธาราม ซึ่งมีเนื้อหากล่าวถึงหลวงพ่อด้วยความเคารพยิ่ง ดังนี้ เลื่องชื่อลือชาวัดท่าสุธาราม มรรยาทงามความรู้ดีมีพลานามัย ใฝ่คุณธรรมนำชุมชนสู่ความภูมิใจ ประตูปักษ์ใต้อารยธรรมล้ำภูมิปัญญา วัดท่าสุธารามทุกคนจิตใจใฝ่ธรรม มีหลวงพ่อดำศูนย์รวมแห่งความศรัทธา ร่มเงามะขามสัญลักษณ์ร่มรื่นเย็นตา แหล่งวิทยาสร้างชีวิตศิษย์ครูสัมพันธ์ น้ำเงินประจักษ์สัญลักษณ์แห่งความเพียร มุ่งมั่นการเรียนน้ำใจนักกีฬาเที่ยงธรรม์ เหลืองแห่งธรรมชี้ทางสว่างสร้างสรรค์ สายใยคงมั่นลูกวัดท่าร่วมสามัคคี มองสายธาราแล้วพาให้เพลิดเพลินใจ ใต้ร่มเงาไทรสาดส่องด้วยแสงระวี ส่องปัญญาผองเราคือแก้วมณี สืบประวัติมีเพื่อนผองน้องพี่ลูกชาว ว.ท. เพลงมาร์ชโรงเรียนชุมชนวัดท่าสุธาราม / คำร้อง – ทำนอง โดยผู้เขียน หลวงพ่อดำนอกจากจะเป็นพระเถระที่แก่กล้าในวิชาคาถาอาคมอย่างสูงแล้วท่านยังมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนโบราณอีกด้วย ท่านมีเมตตาจิต มีอุปนิสัยมักน้อย สันโดษ ช่วยเหลือพุทธบริษัทด้วยความเมตตา ใครเจ็บป่วยไม่สบายท่านช่วยรักษาให้ด้วยความรู้ที่ท่านมีนอกจากนี้ท่านได้อบรมสั่งสอนพุทธบริษัทให้ตั้งอยู่ในศีลธรรม มีน้ำใจ ในยุคของท่านเมื่อทางวัดมีงานจะมีชาวบ้านมาทั้งใกล้และไกลมาช่วยงานโดยพร้อมเพรียงกัน ท่านจึงเป็นพระที่มีวาจาสิทธิ์ มีเรื่องเล่าว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินขอฝ่ายสัมพันธมิตรได้มาทิ้งระเบิดทำลายเส้นทางรถไฟบริเวณสะพานโค้งซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์และอยู่ใกล้วัดราวครึ่งกิโลเมตร ชาวบ้านชวนท่านหนีท่านบอกว่าท่านจะไม่หนีไปไหน ระเบิดทำอะไรเราไม่ได้ ปรากฏว่าเป็นความจริงเพราะหลังจากสำรวจความเสียหายแล้วพบว่า บ้านเรือนของชาวบ้านส่วนใหญ่ถูกแรงระเบิดทำลายจนเสียหาย แต่ที่วัดท่าสุธารามไม่เกิดความเสียหายใด ๆ เลยเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ หลังจากนั้นพอชาวบ้านได้ยินเสียงเครื่องบินก็จะพากันมาหลบภัยในวัดและปลอดภัยทุกราย รวมทั้งทหารญี่ปุ่นที่อยู่ในบริเวณนั้นก็ได้มาขออาศัยบารมีของท่านขอหลบภัยด้วย มณฑปหลวงพ่อดำ จนฺทสโร ถ่ายมุมไกล เสียงจุดประทัดดังวันละหลายรอบ หลวงพ่อดำได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าสุธารามเป็นเวลา 19 ปี ท่านมรณภาพด้วยโรคชรา ในปี พ.ศ. 2496 สิริอายุได้ 79 ปี 57 พรรษา ปัจจุบันบริเวณกลางวัดริมถนนมีมณฑปรูปปั้นของหลวงพ่อตั้งอยู่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มีพทธบริษัทมากกราบไหว้ตลอดวันเป็นประจำมิได้ขาด ผู้เขียนมารับราชการอยู่ที่โรงเรียนชุมชนวัดท่าสุธารามแห่งนี้เป็นเวลา 5 ปีครึ่งได้ยินเสียงจุดประทัดของชาวบ้านที่มาแก้บนตลอดทั้งวัน โดยของที่ชาวบ้านนิยมนำมาแก้บนมี ลูกประทัด ขนมเปี๊ยะ ขนมจีบปิดทองรูปปั้น หนังตะลุงและมโนราห์ (การแสดงของท้องถิ่นภาคใต้) พระครูอรรถธรรมาภรณ์หลวงพ่อเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน วัตถุมงคลของหลวงพ่อดำ จนฺทสโร ส่วนประวัติการสร้างวัตถุมงคลนั้น ในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่หลวงพ่อดำไม่เคยอนุญาตให้ใครสร้างท่านให้เหตุผลว่า เรายังมีชีวิตอยู่ถ้าสร้างเหรียญตัวเองคนอื่นจะว่าเอาได้ว่าเราอวดอ้าง แต่ถ้าเราตายแล้วใครมาขอสร้างเราจะปลุกเสกให้ แล้วเป็นความจริงที่ว่า ในพิธีสร้างวัตถุมงคลของท่านทุกรุ่น ท่านจะมาช่วยปลุกเสกโดยมาในร่างทรงทุกครั้ง เล่ากันว่าท่านปลุกเสกจนเหรียญกระเด็นออกไปนอกผ้าขาวที่วางรองวัตถุมงคลกันเลยทีเดียว วัตถุมงคลของท่านทุกรุ่นจะเด่นทั้งด้านอยู่ยงคงกระพันและเมตตา และขณะนี้ทางวัดกำลังจัดพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลของหลวงพ่อดำ ดำเนินการสร้างโดยพระครูอรรถธรรมาภรณ์หลวงพ่อเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันอีกด้วย หลวงพ่อดำ จนฺทสโร แห่งวัดท่าสุธารามเป็นพระเถระที่เปี่ยมด้วยบารมีแห่งเมตตาธรรม มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนทั้งในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างสูง ตลอดทั้งวันจะมีคนมากราบไหว้ มาแก้บนมิได้ขาดด้วยบารมีธรรมของท่านที่บำเพ็ญมา ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดเดินทางผ่านอำเภอทุ่งตะโกก็สามารถแวะกราบขอพรบารมีของท่านได้ การเดินทางถ้าขับรถยนต์จากตัวจังหวัดชุมพรโดยขับมาตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 (ถนนเพชรเกษม) ประมาณ 64 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายตรงป้ายบอกทางเข้าโรงเรียนชุมชนวัดท่าสุธารามขับเข้าไปราว 3 กิโลเมตร โดยให้สังเกตทางขวามือฝั่งตรงข้ามจะเป็นวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร ขอบุญบารมีของหลวงพ่อดำจงช่วยปกปักคุ้มครองท่านผู้อ่านทุกท่านโดยถ้วนหน้ากันครับ ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน