สวนมะขามหวาน บ้านตะเบาะ ตำบลตะเบาะ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นที่สุดท้ายที่เราจะไปกัน หลังจาก check out จากภูคำรีสอร์ทค่ะ เพื่อมารับมะขามหวานไปขายที่โคราชกัน เรียกได้ว่ามากันแบบไม่เสียเที่ยวกันเลยนะคะ แต่.... สำหรับผู้เขียนนั้นมาเพื่อเที่ยวชม แถมมารู้ในภายหลังอีกต่างหากว่าเพื่อนรับออเดอร์มะขามหวานเอาไว้ และน้องในกลุ่มก็มีญาติอยู่ที่ตะเบาะ จึงได้โทรสั่งไว้ก่อนที่จะเดินทางมาเพชรบูรณ์นี่เองค่ะ ภาพขณะเดินทางไปที่บ้านตะเบาะ เห็นอยู่ในอำเภอเมืองอย่างนี้ ทางเข้าก็ไม่ใช่จะมากันง่าย ๆ นะ ทางไปเป็นทางลูกรังรถวิ่งผ่านฝุ่นคลุ้งเลยล่ะค่ะ เมื่อเดินทางไปถึง มะขามหวานก็ถูกบรรจุไว้ในถุงใหญ่ ขนาดถุงละ 10 กิโลกรัมวางเรียงรายพร้อมยกขึ้นรถได้เลยค่ะ แต่แหม... เมื่อสินค้าพร้อม แต่เรายังไม่พร้อมจะกลับค่ะ ไม่รอช้า จึงถือวิสาสะพากันออกไปชมแหล่งผลิต แห่งขุนเขาอันสลับซับซ้อนนั้นก่อนที่จะเดินทางกันต่อค่ะ เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าจังหวัดเพชรบูรณ์นั้น มี "มะขามหวาน" เป็นผลไม้ขึ้นชื่อเป็นอย่างมาก ซึ่งนับว่าเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด เนื่องจากมีภูมิประเทศเป็นภูเขาเสียส่วนใหญ่ สภาพภูมิอากาศก็แล้ง มีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ เหมาะกับการปลูกมะขามหวานมาก และเป็นที่ทราบกันอีกว่ามะขามหวานที่เพชรบูรณ์นี้ มีรสชาติดีกว่าที่ไหน ๆ จริง จริ๊ง...😁 มะขามหวานที่เก็บมาจากในสวน หน้าของมะขามหวานนั้น จะอยู่ในช่วงเดือน ธันวาคม-มีนาคม และในช่วงเดือนมกราคมของทุกปี เพชรบูรณ์ก็จะมีงานประจำปี ซึ่งเป็นงานที่เกษตรกรที่ปลูกมะขามหวาน จะได้มาแข่งขันประกวดประชันมะขามหวานพันธุ์ต่าง ๆ ที่ตนกำลังปลูกอยู่นั่นเอง ซึ่งพันธุ์มะขามหวานของเมืองเพชรบูรณ์นั้น มีหลากหลายสายพันธุ์ อันได้แก่ 1. พันธุ์สีทอง พันธุ์นี้ถือว่าเป็นพันธุ์มะขามหวานที่ดีเยี่ยมที่สุดของเมืองเพชรบูรณ์เลยล่ะค่ะ 2. พันธุ์ประกายทอง 3. พันธุ์ศรีชมภู พันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่มีความแปรปรวนของรสชาติมากที่สุด ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ส่วนใหญ่จะถูกแปรรูปเป็นมะขามคลุกขายตามตลาดและร้านค้าค่ะ 4. พันธุ์ขันตี 5. พันธุ์หมื่นจง ถือว่าเป็นต้นตระกูลของมะขามหวานเลยค่ะ เพราะเป็นพันธุ์เก่าแก่มีมานานกว่า 200 ปีแล้ว ค้นพบโดย "ขุนหมื่นจง" สวนมะขามหวานที่เราไปเดินชมกันค่ะ นอกจากมะขามหวานพันธุ์ต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ก็ยังมีพันธุ์อื่น ๆ อีกมากมายที่ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์โดยเจ้าของไร่เจ้าของสวนของแต่ละที่ ซึ่งส่วนใหญ่ชื่อและพันธุ์ของมะขามนั้นก็จะตั้งตามชื่อของเจ้าของและพื้นที่ที่ปลูกนั่นเองค่ะ ผู้เขียนและกลุ่มเพื่อนเมื่อได้เดินทางมาถึงไร่มะขามหวานก็ไม่รอช้าค่ะ ต่างก็พากันเดินชมไปในส่วนต่าง ๆ ของสวน เดินดูต้นมะขามหวานต้นแล้วต้นเล่า ที่ปลูกห่างกันหลายเมตรพอสมควร ไม่เดินดูเฉย ๆ นะคะ ปีนต้นนั้น ขึ้นต้นนี้ เก็บมะขามหวานชิมไปพลาง เจ้าของก็ใจดีพาเดินชมไปเรื่อย ๆ ค่ะ ซึ่งพื้นที่ปลูกมะขามตรงนี้มองเห็นภูเขาเป็นลูก ๆ หลายลูกเลยทีเดียว ที่ปลูกเต็มไปด้วยต้นมะขามหวาน เมื่อมองลงไปในพื้นที่ราบส่วนใหญ่ก็จะปลูกพืชไร่อย่างเช่น ข้าวโพด กันค่ะ ก็นึกสงสัยและถามไปแบบไม่ต้องการคำตอบมากนักว่า "ที่นี่ไม่ได้ปลูกข้าวหรอคะ" คำตอบที่ได้ "ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะกับการปลูกข้าว เพราะเป็นภูเขากักเก็บน้ำไม่ได้เหมือนพื้นราบ ซึ่งน้ำเป็นสิ่งจำเป็นกับการปลูกข้าวมาก" "คนที่นี่จึงปลูกมะขามหวานและพืชไร่อื่น ๆ พอขายได้เงินก็เอาไปซื้อข้าวกิน" ถ้ามีเวลา จริง ๆ ก็อยากพักที่นี่อีกสักคืนนะคะ อยากสัมผัสบรรยากาศสวนมะขามหวานในยามเช้า ผู้เขียนคิดว่าเช้า ๆ กับบรรยากาศภูเขาที่มีเทือกเขาสลับซับซ้อนลูกแล้วลูกเล่า กับหมอกบางเป็นสาย แถมมีอากาศเย็น ๆ เราคิดว่ามันเหมาะกับการพักผ่อนในวันหยุดอีกวันมาก ๆ เลย (โอ้ย!!! คิดฝันไปไกลเชียว) อิอิ😄 ภาพผู้เขียนในขณะที่ปีนเก็บมะขามหวาน☺ แต่คิดว่าชาวสวนคงไม่คิดแบบเราแน่ ๆ ค่ะ เพราะแต่ละคนก็คงคิดถึงแต่เรื่องปากท้องและการทำมาหากินเท่านั้น กลับจากสวน ก็ได้เวลาพากันขนมะขามหวานขึ้นรถแล้วค่ะ อ่อ.. ลืมบอกไปอีกอย่างนะคะ ว่ามะขามพันธุ์ที่เรารับไปขายนี้เป็นพันธุ์สีทองค่ะ และช่วงเดือนมีนาคมนี้ ก็เป็นช่วงปลายของหน้ามะขามหวานเสียแล้ว เพราะหลังจากนี้ถ้าไม่รีบเก็บขายหรือแปรรูป มะขามหวานก็จะเริ่มแห้งและฝ่อไปเองแล้วล่ะค่ะ เมื่อเอามะขามหวานขึ้นรถก็คงต้องลา ลุง ป้า น้า อา ไปก่อนแล้วค่ะ เพราะต้องเดินทางต่อ เพชรบูรณ์ - โคราช นั่งรถกันอีกยาว ๆ และภารกิจหลังจากนี้ก็หนีไม่พ้นการคัดมะขาม และช่วยกันกระจายมะขามหวานออกสู่มือลูกค้าที่น่ารักกันต่อไป สามารถติดตามอ่าน ทริปเยือนเพชรบูรณ์: พักภูคำรีสอร์ท กับแก๊งค์เพื่อนเกลอ คลิกที่นี่ แหล่งข้อมูล www.vichakaset.com http://xn--22cp9bg6abch1jex9p3e.blogspot.com/2012/10/blog-post_9208.html?m=1