รู้ไว้ก่อนไป เลห์ ลาดัก "Leh Ladakh" เสน่ห์ดินแดนทิเบตน้อยแห่งอินเดีย ที่ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเอง
การจะไปเที่ยวเลห์ ลาดัก ที่อินเดียนั้น (หรือแม้แต่เที่ยวที่ไหนก็ตาม) สิ่งสำคัญสำหรับนักเดินทางอย่างเราคือ “ต้องเตรียมข้อมูลไว้เยอะๆ ครับ” เพื่อที่จะได้เตรียมตัวกันได้ถูกจะได้เที่ยวได้สนุก ไม่กังวล โดยเฉพาะคนที่กลัวว่าจะแพ้อากาศ จะมีอาการแพ้ความสูง
ผมมีข้อมูลการเตรียมตัวเดินทางไปเลห์มาฝาก ทำเผื่อไว้ หากใครกำลังจดๆ จ้องๆ ก็ลองอ่านแล้วเตรียมตัวตามนี้ดูครับ
เมื่อพร้อมแล้วก็ ไปเล๊ยยยยยย … ไปเลห์
รู้จักเลห์
เลห์เป็นเมืองหลวงของแคว้นลาดักห์ เขตแคชเมียร์ ประเทศอินเดีย หลายคนจึงชอบทำทริปเป็นแพ็คคู่ แคชเมียร์-เลห์ ก็โอเคนะ
เลห์ ลาดักอยู่เหนือระดับน้ำทะเลค่อนข้างมาก 3,500-5,500 เมตร เพราะฉะนั้นอากาศจะบางมากกว่าปกติ อ๊อกซิเจนจะไม่ค่อยมีครับ จะทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเรานั้นเหนื่อยง่ายหายใจลำบากเลือดอาจจะข้นกว่าคนปกติส่ งผลให้เกิดอาการเวียนหัวคลื่นไส้เสี่ยงต่อการเกิดโรคแพ้ความสูงได้และหนาวมากสำหรับพวกคนที่อยู่บนเส้นศูนย์สูตรมาโดยตลอดอย่างพวกเรา ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเราไม่ค่อยชินอากาศและพาลจะป่วยได้ง่าย เพราะถ้าให้คนภูเขามาอยู่พื้นราบแบบเรา เขาก็ไม่โอเหมือนกันจ้า
เลห์ vs ทิเบต
ถ้าใครเคยดูจากรูปจะเห็นว่าแม้จะเป็นประเทศอินเดีย แต่เลห์ กลับคล้ายๆ ทิเบตเหมือนกันครับ ที่นี่มีส่วนผสมของวัฒนธรรมของทิเบตผสมกับแขกเพราะว่าตั้งอยู่ใกล้กับทางทิเบตของจีนและปากีสถานดังนั้นจึงมีส่วนผสมของเชื้อชาติที่หลากหลาย ใครหลายคนก็มักจะเรียกเลห์ว่าเป็นที่ “ทิเบตน้อย” หรือว่า (Little Tibet) ครับ
วีซ่า : หนทางสู่เลห์
จะไปเลห์ ลาดัก ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?
อย่างแรกเลยคือวีซ่าอินเดียครับ จะทำแบบวีซ่าท่องเที่ยวออนไลน์ (E-Tourist Visa) ขอผ่านออนไลน์ก็ได้เหมือนกันครับ หรือว่าจะขอเป็นวีซ่าท่องเที่ยวปกติต้องไปยื่นขอวีซ่าที่ศูนย์รับยื่นวีซ่า VFS ที่อโศก
ข้อแตกต่างกันก็คือ 1. เรื่องราคา 2.ก็คือว่าวีซ่าท่องเที่ยวปกติจะมีอายุที่อยู่ได้นานถึงหนึ่งปี แต่ราคาก็จะแพงกว่า ดังนั้นสะดวกแบบไหนก็เลือกเอาเลยครับ
ไปเที่ยว เลห์ ลาดักเดือนไหนดี?
อันนี้ต้องแล้วแต่ความชอบเลยนะครับ ถ้าใครชอบเลห์ในภาพขาวๆ สวยๆ หิมะเยอะๆ ปุยๆ หมือนอยู่ในตู้เย็นก็ต้องไปเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมครับ จะเป็นช่วงหน้าหนาว แต่ว่าอาจจะหาอะไรกินยากหน่อยเพราะว่าไม่ค่อยมีใครไปเที่ยวกัน ร้านรวงส่วนใหญ่ก็ปิด เดินทางก็ลำบาก หิมะเยอะ แต่สวยนะ
ส่วนใครที่รอเที่ยวช่วงหยุดยาวสงกรานต์ก็จะเป็นฤดูใบไม้ผลิครับ ก็จะมีดอกไม้ต้นไม้ให้เห็น แจกความสดใสกันไป ส่วนใครที่ชอบเทรคกิ้งขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวได้สบายๆ อากาศดีเป็นช่วงเวลาที่คนนิยมเที่ยวมากที่สุดก็คือหน้าร้อนของเลห์ประมาณเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมเลยมาถึงกันยายน ส่วนช่วงที่คนเงียบเหงาก็คือประมาณปลายๆเดือนตุลาคมถึงประมาณพฤศจิกายนครับช่วงนี้จะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เลห์จะเป็นสีทองแต่ร้านรวงก็เริ่มปิดแล้วครับ
ไปยังไง?
การเดินทางไปเที่ยว เลห์ ลาดัก สามารถเลือกสายการบินได้ตามใจเลยครับ แต่ส่วนใหญ่ก็ต้องไปต่อเครื่องที่เดลี อินเดีย เพราะว่าประเทศไทยไม่มีบินตรงไปเลห์นะครับ
แต่ต้องดูให้ดีว่าสายการบินไหนที่ใช้เวลาต่อเครื่องไม่นานและที่สำคัญคือราคาอยู่ในช่วงที่พอรับได้ครับ แต่ถ้ามาช่วงไฮซีซั่นแน่นอนราคาตั๋วจะค่อนข้างแพงมากเลยทีเดียว ดังนั้นใครที่จะไปช่วงไฮซีซั่นโดยเฉพาะสงกรานต์หรือเดือนสิงหาก็เตรียมตัวจองตั๋วล่วงหน้าไว้ก่อนเลย ถ้าเจอโปรดีก็จะเซฟค่าใช้จ่ายได้เยอะเลยทีเดียวครับ
อีกเรื่องที่ต้องระวังก็คือการต่อเครื่องเนื่องจากเราต้องต่อไฟล์ทจาก เดลีไปเลห์ ถ้าหากมีแก๊ปเวลาที่ไม่มากนักก็อาจจะทำให้ตกไฟลท์ไปเลห์ได้ครับ เพราะว่าตรวจคนเข้าเมือง (ต.ม.) ที่อินเดียนั้นขึ้นชื่อว่าค่อนข้างช้า วิ่งข้ามเขาสามลูก หลบหลังต้นไม้ครบ 50 ต้นกว่าจะปั๊มวีซ่าให้ผ่านต.ม.
อ่อ!! กว่าจะรับกระเป๋าอีกก็ใช้เวลาพอสมควรและที่สำคัญก็คือต้องรีบไปเช็กอินสายการบินภายในไฟลท์เดลี-เลห์ ด้วยนะครับ ดูเทอร์มินัลให้ดี
เที่ยวไปในเลห์
ส่วนการเดินทางภายในเลห์ก็มีให้เลือกหลายแบบครับ ไม่ว่าจะเป็นเช่าจักรยาน (คงปั่นได้แถบในเมือง) เช่ามอเตอร์ไซค์หรือว่าเช่าเหมารถพร้อมคนขับก็ได้ จะเลือกแบบไหนก็แล้วแต่เงินในกระเป๋าเลยครับมี ตั้งแต่รถเก๋งนั่งได้ 3-4 คนไปจนถึงรถ Tempo นั่งได้ประมาณ 10-12 คน ที่สำคัญก็คือว่าถนนเลห์นั้นเป็นพื้นที่พิเศษ ฉะนั้นเราไม่สามารถที่จะขับรถเองได้เลยครับ เพราะว่าทางค่อนข้างอันตราย การเลือกใช้คนท้องถิ่นเป็นคนขับจึงน่าจะสะดวก ปลอดภัยที่สุด ถ้าอยากจะจอดตรงไหน พักตรงไหนก็บอกคนขับได้เลยครับเค้าชินแล้ว
ใช้-ไกด์-ไหม
ส่วนการใช้ไกด์ถามว่าจำเป็นไหม จริงๆจำเป็นนะครับ ในการใช้คนท้องที่มาเป็นไกด์ เพราะว่าจะทำให้การติดต่อประสานงาน ดูแลรับผิดชอบถามเรื่องเอกสาร ข้าวปลาอาหาร ร้านค้าแนะนำ โรงแรมที่พัก เราสามารถติดต่อได้อย่างสะดวกสบายและราบรื่นครับ ฉะนั้นก็ต้องชั่งน้ำหนักดูในในหลายปัจจัยก่อนที่จะตกลงปลงใจว่าจ้างไกด์คนไหนดี นอกจากนี้การวางแผนในการเที่ยวให้ดีว่าจะไปกี่วัน ไปที่ไหนบ้างก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าใช้จ่ายแปรผันตามไปด้วยครับ ส่วนตัวมองว่าประมาณซัก 6 วันในเลห์กำลังดีเพราะไม่งั้นก็อาจจะเที่ยวได้แค่ที่ในตัวเมืองลาดักเป็นหลัก
เสื้อผ้า หยูกยา
ในการเตรียมตัวเรื่องของหยูกยาหรือว่าคนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับความดัน แนะนำว่าควรปรึกษาคุณหมอก่อนที่จะเดินทางครับ สามารถที่จะเตรียมยาไว้ด้วยก็ได้สำหรับใครที่กลัวเรื่องของการแพ้อากาศ
ที่สำคัญคือต้องเตรียมผ้าปิดจมูกไปด้วยครับ เพราะว่าฝุ่นค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้ยังต้องเตรียมทิชชู่เปียก แอลกอฮอล์ เจลล้างมือติดไปด้วยก็ดี ส่วนใครไปช่วงหน้าหนาวก็เตรียมให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นหมวกไหมพรม ถุงมือ เสื้อกันหนาวต่างๆใส่ จะใส่กี่ชั้นก็แล้วแต่ความสามารถในการทนหนาวได้ นอกจากนี้ยังคงจะต้องเตรียมครีมกันแดดไปเพราะว่าเราอยู่ใกล้พระอาทิตย์มากครับ แดดจะทำให้เราดำได้ง่าย ส่วนอุปกรณ์กันแดดอย่างหมวก ร่ม แว่นตาดำก็ควรจะนำติดไปด้วยครับ ส่วนใครที่ผิวแห้งก่อนไปก็บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นครับ พกครีมติดไปด้วย ไปถึงที่โน่นก็ทานน้ำเยอะๆ ในส่วนของลิปมันก็ควรจะเอาไปครับเพราะว่าอากาศเย็นและแห้งจะทำให้ริมฝีปากแตกได้ง่าย
อาหารการกิน
เรื่องของอาหารการกิน ส่วนมากที่นั่นจะเป็นอาหารมังสวิรัติครับ เน้นผักแล้วก็ไข่ ทานกับข้าวบาสปาตี เส้นหมี่คล้ายหมี่ซั่วและแกงถั่ว เน้นเครื่องเทศ ดังนั้นสิ่งสำคัญ สำหรับคนทานยากคือเราควรจะต้องเตรียมอาหารไปจากเมืองไทยด้วยครับ อาหารแห้ง มาม่า ปลากระป๋อง หมูแผ่น หมูหยอง แกงสำเร็จรูป หรือว่าน้ำพริกอันนี้ ก็จะช่วยชีวิตเราได้มาก ที่สำคัญคือการเดินทางระหว่างวันจะใช้เวลานั่งรถค่อนข้างนานครับ ดังนั้นอาจจะได้ทานข้าวไม่ตรงเวลา สิ่งที่ต้องทำก็คือการเตรียมถุงยังชีพติดรถไว้ครับข้างในถุงก็จะเตรียมพวกอาหารทานเล่น snack bar กล้วย ผลไม้ ช็อกโกแลต ลูกอมใส่ถุงติดไว้ระหว่างเดินทาง อย่าลืมติดน้ำเปล่าไปด้วยนะครับ
เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนเดินทาง
ส่วนก่อนเดินทางแนะนำว่าให้เตรียมตัวด้วยการพยายามทานผักให้มากๆครับ เพื่อช่วยย่อยและให้ร่างกายชินกับการใช้ออกซิเจนน้อยๆ ในการเผาผลาญอาหาร ที่สำคัญคือต้องนอนหลับให้เพียงพอก่อนที่จะเดินทางนะครับ ไปถึงที่นู๊นก็ต้องพยายามนอนให้หลับ อาจจะต้องทำแบบฝึกหัดการนอนเอาไว้ ใช้วิธีการฝึกลมหายใจแบบโยคะคือหายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องแฟบ ให้สังเกตลมหายใจของเราดีๆ ฝึกแบบนี้เรื่อยไปในเวลานอนก่อนเดินทางครับ ก็จะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้นเมื่อไปถึงที่เลห์ลาดักก็จะนอนหลับได้สบายขึ้นครับ
Sim-Wifi
ในส่วนของโรมมิ่งหรือใช้ซิมมือถือ แนะนำว่าถ้าจะซื้อเพื่อใช้โทรศัพท์โทรกลับเมืองไทยก็ได้เหมือนกัน แต่สัญญาณก็ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ส่วนใครที่คิดจะใช้ 4G เพื่อที่จะเล่นอินเตอร์เน็ตนั้นขอให้คุณทำลายความฝันนั้นทิ้งเสียครับ เพราะว่าไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตเลย ส่วนมากจะมีสัญญาณ wifi ใช้ก็แต่ในโรงแรมครับ แต่ก็อย่าคาดหวังมากนักเพราะว่าสัญญาณ wifi ค่อนข้างอ่อนซึ่งก็จะมีเฉพาะโรงแรมใหญ่ๆ ในเมืองหลักอย่างตัวเมืองเลห์นะครับ ส่วนที่ทะเลสาบพันกอง หรือที่นูบร้าวัลเลต์นั้นไม่ค่อยมีสัญญาณ wifi ครับ
หลายคนบอกว่าไม่รู้จะไปทำไมที่เลห์ แต่กับอีกหลายคนก็บอกว่าเป็นเมืองที่เท่ เกร๋กู๊ด อยากไปมาก โดยเฉพาะใครที่ชอบแนวธรรมชาติ ภูเขา ลำธาร ต้นไม้ หิมะก็จะพบว่าทุกอย่างที่นี่ดูยิ่งใหญ่อลังการ เป็นงานธรรมชาติสรรค์สร้างสวรรค์บนดินให้เราครับ
ถึงแม้ว่าการเดินทางหรืออาหารการกินจะดูยากลำบากไปสักหน่อยแต่ก็คุ้มค่ามากๆ และเป็นประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิต
อย่างที่บอกครับว่า
“ถ้าเราไม่ออกเดินทาง เราจะไม่รู้เลยว่า …โลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงใด”
ขอบคุณข้อมูลดีๆ และภาพจาก เพจ KANT Journey
อัพเดทที่พักสุดชิลล์ ที่เที่ยวสุดมันส์ ที่กินสุดฮิป
ติดตาม travel.trueid.net ได้ที่
LINE |
TrueID Application |