สายน้ำแห่งชีวิต : River of Life การกลับไปกัวลาลัมเปอร์ครั้งที่สองไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่า การกลับไปนั่งอ่านบันทึกการท่องเที่ยวในปี 2016 มีข้อความบันทึกไว้ว่า “เพื่อนชาวมาเลย์-จีนมาพบที่ที่พัก พาไปเดินเล่นริมแม่น้ำ Klang ใต้สะพานที่เป็นเหมือนอุโมงค์ของแม่น้ำ เพื่อนพาไปดูและอ่านบันทึกของคนข้างถนนที่เขียนรอบกำแพงบริเวณริมแม่น้ำ” ความประทับใจจากการไปเที่ยวแต่ละแห่งมักเป็นสิ่งละอันพันละน้อยที่ได้ร่วมสังเกต แม้แต่บทสนทนาสั้น ๆ การช่วยเหลือของการไปต่างถิ่นต่างที่ เพื่อนเล่าว่า “คนจรที่ไม่มีบ้าน อาศัยนอนริมแม่น้ำ ริมทางเดินสองฝั่งแม่น้ำ ที่อยู่ใจกลางเมืองเก่า พวกเขาหลายคนหลากหลายวัย เด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ข้อความที่เขียนทิ้งไว้ เป็นสารของคนนอนกลางดินกินกลางทราย คนข้างถนน คนจร บันทึกชีวิตของพวกเขาน่าสนใจ” การกลับไปกัวลาฯ อีกครั้งทิ้งห่างจากคราวที่แล้วประมาณสี่ปี ฉันตั้งใจจะไปเก็บภาพข้อความบนกำแพงของคนข้างถนน บันทึกชีวิต เนื่องจากครั้งที่แล้วไม่ได้บันทึกภาพไว้ แต่การทิ้งห่างของระยะเวลา ข้อความในเวลาและบางอย่างได้หายไปจากบันทึกที่เคยบันทึกไว้เป็นที่เรียบร้อย เพื่อนส่งข้อความมาถามหลังจากเข้าที่พักย่านไชน่าทาวน์เป็นที่เรียบร้อยว่า “อยากไปเที่ยวไหนเป็นพิเศษไหม” ฉันส่งข้อความตอบกลับไป “อยากกลับไปอ่านข้อความบนกำแพงของคนที่อาศัยริมแม่น้ำ Klang” เพื่อนตอบกลับ “เสียใจด้วยตอนนี้ย่านนั้นมีการปรับปรุงย่านเมืองเก่าเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว ดังนั้นข้อความที่เคยได้อ่านไม่มี ถูกลบไป ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ผมก็เสียดาย เคยบันทึกไว้เหมือนกัน” ที่พักย่านไชน่าทาวน์เป็นส่วนหนึ่งของเมืองเก่าหรือโอลด์ทาวน์ที่กัวลาฯ จากที่นี่เดินไปแม่น้ำ Klang ไม่ไกล จุดที่เคยไปอ่านข้อความบนกำแพงคือริมแม่น้ำ ไปจุดนี้ยังไปเดินเล่นย่านใกล้ ๆ กันได้แก่ Little India, Central Market, Merdeka Square, Sultan Abdul Samad Building และมีพิพิธภัณฑ์กับหอสำหรับจัดการแสดง ดังนั้นย่านนี้จึงเป็นศูนย์กลางที่เรียกนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกจุดหนึ่ง จำนวนปีที่ผ่านไป ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายที่ย่านดังกล่าวรอบ ๆ แม่น้ำ Klang แม่น้ำสายสำคัญใจกลางเมืองหลวงได้รับการบำบัด น้ำใสสะอาดขึ้น ทัศนียภาพรอบสองฝั่งแม่น้ำได้รับการปรับปรุงพื้นที่ มีทางเดินเท้าสำหรับรองรับวิถีคนเมืองเพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย นัดพบ ถ่ายภาพ ร้านกาแฟ บางคนเอาจักรยานมาปั่นรอบบริเวณ ความสวยงามที่ทำให้คนผ่านไปมาบริเวณนั้นรู้สึกสะอาด โปร่งตา ไม่รุงรังด้วยเสื้อผ้าที่ตากริมแม่น้ำของคนไม่มีบ้าน ไม่ต้องเห็นภาพคนเหล่านั้นกระโจนลงอาบน้ำ คนที่เคยใช้ที่นี่หลับนอนทั้งกลางวัน กลางคืน รวมถึงทำเพิงพักเล็ก ๆ เป็นบ้านใต้สะพาน บ้านริมแม่น้ำ บางคนนอนอาบแดดในวันฟ้าใส ภาพเหล่านี้หายไป พร้อมกับไม่เห็นร่องรอยของบันทึกคนจรอีกต่อไป รอบบริเวณที่มีการปรับปรุงพื้นที่ทั้งที่ปรับปรุงไปแล้วและกำลังปรับปรุง มีประวัติของแม่น้ำ ที่มาที่ไปของโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์รอบ ๆ กฎและข้อปฏิบัติ เช่น ห้ามทิ้งขยะลงแม่น้ำ ห้ามดูดบุหรี่ ห้ามฉีดพ่นสเปรย์ ห้ามตกปลา ห้ามจักรยานยนต์วิ่ง ห้ามนำสเก็ตบอร์ดมาเล่น ห้ามกอดจูบ เป็นต้น การพัฒนาเมืองที่เน้นเพื่อให้สอดรับกับอุปสงค์และอุปทานของการทำให้เมืองเป็นเมืองน่ามอง เมืองน่าอยู่ เฉพาะกลุ่มคนบางกลุ่ม ทำให้เกิดช่องว่างและผลักอีกคนที่เคยเป็นชายขอบของสังคมออกไปอยู่ชายขอบมากกว่าเดิม จนหลายคนตกขอบไปแล้วก็มี หากพื้นที่เดิมของคนข้างถนนเคยใช้พักอาศัยหลับนอนมีการปรับเปลี่ยน ควรคำนึงถึงการจัดสรรพื้นที่ให้กับบุคคลเหล่านี้ไว้เช่นเดียวกัน หรือให้พวกเขาอยู่ที่เดิมเพื่อให้คนไปเที่ยวได้สัมผัสความจริงของสังคมที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ แต่เมื่อฉันเดินอ้อมสำรวจจุดอื่น ๆ จนมาถึงย่านมัสยิดจาเม็ก (Masjid Jamek) พบเสื้อผ้าหลายตัวของคนข้างถนน พวกเขาซักผ้าและตากแดดตรงรั้วที่กั้นพื้นที่มัสยิดกับพื้นที่สาธารณะ หลายคนนอนอยู่ตามม้านั่ง บางคนก็กระจายตัวไปนอนตามจุดอื่น ๆ ย่านเมืองเก่า ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ยิ้มกับการจัดการคนจรจัด คนข้างถนน เพื่อจัดเมืองให้น่าอยู่ หากพิจารณาคำว่า River of Life ภาพเบื้องหน้าเป็นคำตอบที่ดีที่สุด “สายน้ำแห่งชีวิต” ชีวิตที่ไม่มีรูปแบบและนิยามเดียว มีการไหลรวมอยู่ใจกลางเมืองเก่า ภาพที่เห็นเป็นขั้วตรงข้ามกับการนิยามคำว่า “เมืองน่าอยู่” เป็นยิ่งนัก จนฉันรู้สึกว่าเมืองน่าอยู่เพราะเราอยู่ร่วมกันในความหลากหลายด้วยการเคารพกันและกัน Story and Photo by Nonglak Butler