สไบ ดอกไม้ทัดหู กำไลข้อเท้า สายตาแค่เพียงชายมอง และกลิ่นหอมของน้ำอบไทย คือความอ่อนหวานอย่างไม่มีสาวใดในโลกทัดเทียมหวานเยี่ยงสาวไทย “น้ำอบนางลอย” น้ำอบที่เป็นเครื่องหอมของพระมหากษัตริย์ ถ่ายทอดกันมาจนมาถึงสาวไทยทั่วไป จนมาถึงยุคนี้ น้ำอบยังเป็นมากกว่าแค่เครื่องหอม แต่คือสัญลักษณ์หนึ่งของความเป็นไทย จากที่มาในจังหวัดกรุงเทพมหานคร น้ำอบนางลอยถือเป็นของที่แทบจะต้องมีไว้ติดบ้าน ทุกเทศกาลกราบไหว้ผู้ใหญ่ จนทำให้เกิดการรักษาดูแลภูมิปัญญาทำน้ำอบนี้ เรียกได้ว่าไม่มีคนไทยยอมเสียภูมิปัญญานี้ไปจากแผ่นดินไทยเป็นแน่นอน เล่าเรื่องน้ำอบให้ลึกซึ้ง ก็ต้องผู้สืบทอดภูมิปัญญา ที่มีประสบการณ์ในการปรุงน้ำอบมาเท่านั้น คุณดิษฐพงศ์ ธ.เชียงทอง คือผู้เชี่ยวชาญ และยังคงสานต่องานน้ำอบไทยอยู่ ได้เล่าให้ฟังว่า “น้ำอบไทย จริงๆ เป็นเครื่องหอมที่พระมหากษัตริย์ หรือเจ้านายจะใช้กันในรั้วในวัง และมีการสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยก่อน น้ำอบจริง ๆ เป็นเรื่องของน้ำกับดอกไม้เท่านั้น วิธีการผลิตเป็นแค่การน้ำสะอาด มารวมกันกับดอกไม้ เป็นสูตรเฉพาะของแต่ละท่านด้วยว่าใครชอบดอกไม้กลิ่นไหนก็จะทำกลิ่นนั้นไป” การอบ จะนำน้ำสะอาดมาต้มกับเปลือกชะลูด ต้นชลูดจะเป็นเปลือกไม้ที่มีกลิ่นหอม ต้มให้เดือด และนำน้ำมาถ่ายใส่ในโถอบ ช่วงที่ต้มจะมีการเผาถ้วยตะครันไปด้วย เพราะถ้วยตะครันจะต้องใช้ความร้อนสูงมากจะต้องเผาจนร้อนแดง จะนำมาชูไว้เหนือน้ำ จะตำวัตถุดิบผสม น้ำตาลทรายจันทร์เทศ กำยานผิวมะกรูดและขี้ผึ้งตำละเอียด พอตักใส่ถ้วยตะครัน มันจะเกิดการเผาไหม้แล้วเกิดควันขึ้น เราก็จะรีบนำฝาปิด ให้ควันนั้นอบอวนอยู่ในโถอบ เราจะทำอย่างนี้ทั้งหมด 9 รอบด้วยกันโดยรอบสุดท้ายจะเปลี่ยนจากวัตถุดิบตัวเครื่องหอมผสมเป็นเทียนอบ โดยวัตถุดิบที่ทำจะเป็นตัวเดียวกันแต่ว่าจะมีเนื้อเทียนเยอะกว่า โดยรอบสุดท้าย เนื้อเทียนจะฉาบผิวหน้าหน้าทำให้เก็บความหอมได้ดีขึ้น การปรุงกลิ่น จะนำน้ำที่อบเสร็จเรียบร้อยแล้วไปพักไว้แล้วไปปรุงกลิ่น วัตถุดิบสำหรับขั้นตอนนี้ก็จะมีเป็นตัวพิมเสนที่ให้ความเย็น แล้วก็มีแป้งหินที่บดละเอียดและหัวน้ำหอม ที่เป็นสูตรดั้งเดิมของน้ำอบนางลอย นำพิมเสนละลายในน้ำที่อบแล้วและหัวน้ำหอมถ้าผสมโดยตรงจะเกิดการแยกชั้นเราจึงต้องนำมาผสมในแป้งที่บดละเอียดก่อน แล้วค่อยนำแป้งลงไปผสมในน้ำอบ กวนให้เข้ากันก็ได้น้ำอบที่พร้อมบรรจุ คุณดิษฐ์พงศ์ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า “น้ำอบเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมไทย ที่ยังไม่จางหายไปกับกาลเวลา การที่เราเป็นส่วนหนึ่งในการสืบทอดวัฒนธรรม ที่เป็นรากเหง้าของคนไทยได้นี้ ถือเป็นความภูมิใจค่อนข้างมากของเราเลย”