สวัสดีค่าเพื่อนๆทุกคน บทความนี้เราจะมาเล่าเรื่องของสองแม่ลูกแบกเป้เที่ยวลาวเหนือกันต่อจาก Part ที่แล้วนะคะ (part 1 : สะบายดี หลวงพระบาง) เพื่อน ๆ คนไหนมีความสนใจที่จะไปเที่ยวประเทศลาวแล้วยังไม่ได้อ่าน อย่าลืมกดคลิกตามลิ้งค์กลับไปอ่านกันน้าา ก่อนอื่นเราต้องขอแจ้งเพื่อน ๆ ก่อนว่าบทความนี้เราจะขอแยกเป็น 3 part แต่ละ part จะแยกเป็นเรื่องราวของแต่ละเมืองที่เราไป เนื่องจากเนื้อเรื่องของแต่ละเมืองค่อนข้างจะยาวจึงไม่อยากจะรวบรัดตัดตอนเกินไป กลัวเพื่อน ๆ จะไม่ได้อรรถรสในการอ่าน และคิดว่าในวันเดียวคงเขียนไม่จบครบทุกเมืองแน่ ๆ ยังไงก็ฝากติดตามให้ครบทุกตอนด้วยนะคะ ใน part 2 นี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ในการเที่ยววังเวียง...เมืองอันฮ็อตฮิตของชาวไทยในช่วงนี้ สองแม่ลูกจะเป็นอย่างไร เกิดเหตการณ์ไม่คาดฝันอะไรขึ้นบ้าง ตามมาดูกันเลยจ้า... จาก "หลวงพระบาง" เมืองแห่งมรดกโลก สู่ "วังเวียง" กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว .... Day 4 จากการพักผ่อนที่เพียงพอทำให้สองแม่ลูกตื่นมาพร้อมกับความสดใส พวกเรารีบอาบน้ำ ไปทานอาหารเช้าของโรงแรม แล้วเรียกรถตุ๊ก ๆ ไปส่งที่ท่ารถ เพื่อนั่งรถทัวร์ (เป็นรถชั้นเดียว มีห้องน้ำในตัว จัดว่าโอเคในระดับนึง)ไปวังเวียง รถออกประมาณ 9 โมงเช้า ใช้เวลาเดินทางจากหลวงพระบางถึงวังเวียงเป็นเวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง เช้านี้อากาศเย็นกำลังดี หมอกลงบาง ๆ ยิ่งอยู่ท่ามกลางหุบเขาแล้วนั้น บรรยากาศสองข้างทางสวยงามมากกก ยากจะลืมเลือน แต่ระหว่างที่นั่งชมวิวเคลิ้ม ๆ กำลังจะหลับนั้น อยู่ๆรถทัวร์ก็หยุดกึ๊กอยู่กลางหุบเขา พร้อมกับแอร์ในรถที่ดับลง และอากาศในรถก็เริ่มร้อนขึ้น เนื่องจากตอนนี้ก็เป็นเวลาช่วงเที่ยงแล้ว ผู้โดยสารแต่ละคนมองหน้ากันอย่าง งง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ซักพักใหญ่ ๆ คนขับรถจึงเดินขึ้นมาบอกว่า รถเสียจ้าาา ซ่อมไม่ได้จ้าาา... และแจ้งว่าอีกซักพักจะมีรถคันใหม่มารับ พวกเราก็รอแล้ววว รอเล่า บ่ายโมงก็แล้ว บ่ายสองก็แล้ว ไร้วี่แววรถคันใหม่ เราสองแม่ลูกจึงตัดสินใจว่าจะเดินไปหาของกินรองท้องเป็นมื้อกลางวันซะหน่อยเนื่องจากหิวจนใส้จะขาดแล้ว ดีนะที่แถวนั้นมีร้านอาหารเล็ก ๆ พอดี รับทรัพย์ใหญ่เลยจ้าวันนี้ (หรือความจริงแล้วมันจะเป็นแผนของคนขับรถกับร้านอาหารแถวนั้น!!!!) หลังจากกินข้าวอิ่มหนำสำราญ เวลานี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่พวกเราจะหาเพื่อนคุยซะหน่อย หลังจากที่เม้ามอยกับเพื่อนร่วมเดินทางผ่านไปนานมากกกก จนไม่มีเรื่องคุยแล้ว จนฟ้ามืด จนตากลมหนาวบนดอย จนต้องค้นเสื้อแขนยาวในกระเป๋ามาใส่เพิ่มนั้น รถคันใหม่ที่จะมารับพวกเราก็มาถึงซักที นักเดินทางทางผู้ร่วมชะตากรรมต่างร้องเฮ ลั่นดอย และแล้วพวกเราก็เดินทางมาถึงวังเวียงอย่างปลอดภัย ในเวลาเกือบเที่ยงคืน ดีนะที่มีรถจากโรงแรมสุดแสนจะใจดีออกมารับถึงที่จอดรถทัวร์ คืนนี้พวกเราพักกันที่ Thavonsouk Resort หมดไปหนึ่งวันเต็มๆกับการเดินทางในวันนี้ แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งละกัน คืนนี้ขอไปอาบน้ำนอนมุดผ้าห่มแล้วจ้าาา see you tomorrow *0* Day 5 เช้านี้ที่วังเวียง บรรยากาศดีมาก จนต้องรีบตื่นขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ (ที่เมืองไทยชักเริ่มจะหายากไปทุกที) รับลมเย็น ๆ กลางแดดอุ่นๆ พวกเรามานั่งทานอาหารเช้าของโรงแรม (โรงแรมนี้ทำขนมปังฝรั่งเศษได้อร่อยสุดเท่าเคยกินมาเลยแหละ) พร้อมกับมองเมฆขาวลอยต่ำเข้ากันกับฉากหลังที่เป็นภูเขาสูงสวย เหมาะกับที่ได้ฉายาว่า กุ้ยหลินเมืองลาว จริง ๆ หลังจากทานอาหารเสร็จ เราสองแม่ลูกจึงรีบไปเช่าจักรยานอย่างรวดเร็วเพื่อใช้เวลาวันนี้อย่างคุ้มค่า เราเริ่มปั่นจักรยานจากถนนในเมืองดี ๆ ลัดเลาะผ่านทุ่งนา ผ่านหมู่บ้านซึ่งปูถนนด้วยดินลูกรัง โดยเป็นทางขึ้นเขาซะส่วนใหญ่ ผ่านไปน่าจะเกินสิบกิโล ในที่สุดเราก็มาถึงจุดหมายแรกของวันนี้ คือ Blue Lagoon นั่นเอง เรียกได้ว่าใครมาวังเวียงแล้วไม่ได้มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงวังเวียงจริงๆ ที่นี่จะมีทั้งโซนเล่นน้ำ กระโดดน้ำ โซนแช่เท้าซึ่งน้ำตื้นเด็ก ๆ จะมาเล่นเยอะ ซึ่งต้องยอมรับว่าน้ำที่นี่ทั้งเย็นฉ่ำและใสจริง ๆ โซนอาบแดด รวมถึงโซนทานข้าว จะมีศาลาเล็ก ๆ private เหมาะกับการทานข้าวกับครอบครัวในวันหยุด อีกทั้งที่นี่ยังมีสถานที่สำคัญอีกแห่ง นั่นก็คือ ถ้ำปู่คำ ซึ่งเป็นถ้ำที่เราคิดว่ามันสวยมากกก และยังคงความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง เนื่องจากภายในถ้ำค่อนข้างมืด บริเวณทางขึ้นจะมีไฟฉายติดศรีษะให้เช่าหรือใครจะใช้ไฟฉายจากมือถือก็ได้นะ แต่เราเช่าแหละ เพราะมันคาดหัวแล้วน่ารักมากกเหมือนนักสำรวจถ้ำเลย 55555 เราต้องปีนเขาขึ้นไปประมาณ 150 เมตรแล้วจะพบกับปากทางเข้าถ้ำ ซึ่งทางเดินขึ้นไปนั้นเป็นหินและค่อนข้างลาดชัน จึงต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร ภายในจะพบกับหินงอกหินย้อยรูปร่างเหมือนในหนังถ้ำโบราณถ้าเพื่อนๆเคยดูกันนะ ในนี้อากาศค่อนข้างเย็นแต่ถ่ายเทได้ดี ซึ่งเมื่อลัดเลาะตามเส้นทางเข้าไปสักระยะจะได้พบกับโถงถ้ำกว้าง มีแสงจากภายนอกลอดผ่านเข้ามาสวยงามมาก และใจกลางโถงใหญ่นี้เองเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวเมืองวังเวียงเป็นอย่างมาก หลังจากที่เราชมความงามของถ้ำปู่คำเสร็จแล้วนั้น เราสองแม่ลูกจึงได้ออกเดินทางกลับที่พักเพื่อไปเปลี่ยนชุดสำหรับลอยห่วงยางในแม่น้ำชองยามบ่ายแก่ ๆ ที่น้ำก็แสนจะเย็นชื่นใจ บวกกับธรรมชาติสองฝั่งที่เขียวชะอุ่ม ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนสนใจจะไปลอยห่วงยางเหมือนเราแนะนำให้เตรียมซองกันน้ำสำหรับใส่กระเป๋าตังและมือถือ รวมถึงถุงใส่รองเท้า (สองสิ่งนี้สำคัญมากนะ) เราใช้เวลาลอยประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง แล้วแต่ความเชี่ยวของแม่น้ำในช่วงนั้น ในที่สุดเราก็มาถึงจุดขึ้นฝั่งซึ่งจุดนี้น้ำค่อนข้างไหลเชี่ยว เราอยากแนะนำอีกอย่างว่าพอเราเห็นจุดขึ้นฝั่งปุ๊บต้องรีบตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็ว ไม่งั้นแล้วไซร้เพื่อน ๆ ก็จะลอยต่อไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ เล่นน้ำเนื้อตัวเปียกปอน พวกเราจึงกลับไปอาบน้ำอุ่น ๆ ที่ห้องซะหน่อย แล้วจึงออกมาหาข้าวเย็นทานกัน ร้านอาหารที่นี่โดยส่วนมาเป็นร้านอาหารตามสั่งคล้าย ๆ บ้านเรานะ อาหารก็รสชาติพอกินได้อยู่ แต่อยากบอกว่าทีเด็ดของที่นี่คือ ร้านโรตีเลยจ้าาาา โรตีที่นี่อร่อยสูสีกับบ้านเราเลยสั่งมากินกับคุณแม่คนละแผ่นใหญ่ ๆ เครื่องจัดเต็ม อิ่มหนำสำราญอ้วนไปตาม ๆ กัน เมื่ออิ่มท้องแล้วเราก็พากันเดินรอบเมืองชมบรรยากาศยามค่ำของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ พร้อมกับหาที่นั่งจิบเบียร์เย็น ๆ คนกระป๋องเบาๆ ก่อนจะกลับที่พักเพื่อเตรียมกับการตื่นเช้ามาล่องเรือหางยาว พาทัวร์โดยรอบแม่น้ำชอง ก่อนรถจะมารับเพื่อไปเวียงจันทน์ตอนสาย ๆ Day 6 วันนี้เราและคุณแม่ต้องรีบตื่นแต่เช้า เพื่อมาล่องเรือหางยาวชมบรรยากาศยามเช้าของสองฝั่งแม่น้ำชองจ้า ต้องบอกเลยว่า ใครมาเที่ยววังเวียงอย่าพลาดเด็ดขาด บรรยากาศดีมากเกินบรรยายจริงๆ ลมเย็นตีเข้าหน้าเบา ๆ น้ำกระเซ็นโดนผิวบาง ๆ เคล้าเสียงนกร้อง ยิ่งถ้ามาล่องเรือยามเช้าได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นด้วยแล้วนั้น อินมากจนไม่อยากกลับไทยเลยแหละ หลังจากที่ล่องเรือเสร็จแล้วนั้นเราก็ต้องรีบมาทานข้าวเพื่อและเข้าไปเก็บของในห้องอย่างรวดเร็วเพื่อไปขึ้นรถมินิบัสที่มารับเราถึงโรงแรมเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองเวียงจันทน์ซึ่งเป็นที่หมายสุดท้ายของทริปนี้ สำหรับ part 2 : สะบายดี วังเวียง ของเราก็ขอจบเพียงเท่านี้นะคะ ฝากเพื่อนๆติดตาม part 3 : สะบายดี เวียงจันทน์ ซึ่งเป็น part สุดท้ายของทริปลาวเหนือที่เราจะเขียนตามมาในเร็วๆนี้ด้วยค่ะ หนาวนี้...เพื่อนๆคนไหนอยากไปเที่ยวลาวหนือแบบง่าย ๆ สาว ๆ ก็ไปกันเองได้ ไม่ตกเทรนด์ ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยจ้า แถม โปรแกรมเที่ยวลาวเหนือใน 1 อาทิตย์ คลิก