หากพูดถึงจังหวัดหนองคายแล้ว นอกจากการเป็นชายแดนระหว่างไทย กับ สปป.ลาว หรือเมืองแห่งลำน้ำโขง หรือเมืองแห่งบั้งไฟพญานาคแล้ว หนองคายยังมีสถานที่ในแง่ของแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวเกี่ยวกับบวรพระพุทธศาสนา ซึ่งหนองคายเป็นเมืองที่วัดวาอาราม ให้ท่องเที่ยวและศึกษาเรียนรู้มากมายไม่แพ้จังหวัดอื่น ๆ ของประเทศไทย โดยสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีความน่าสนใจอย่างยิ่งก็คือ ศาลาแก้วกู้ หรือวัดแขก ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนในพื้นที่ต่างเรียกขานกันว่า เป็นอุทยานเทวาลัยแห่งศรัทธา เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยงานประติมากรรมกลางแจ้งขนาดมหึมา ที่บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ รวมถึงสัญลักษณ์ต่าง ๆ อันเป็นปริศนาธรรมในพระพุทธศาสนา จากการอ่านประวัติที่ได้บอกเล่าไว้ภายในบริเวณของศาลาแก้วกู้แห่งนี้ทราบว่า สร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 โดยพลังศรัทธาของหลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ นักบวชชาวลาว ที่ต้องการสร้างสถานที่แห่งนี้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ทางธรรมว่า ทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้ และเพื่อเป็นดินแดนแห่งการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง สถานที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยงานประติกรรมขนาดยักษ์ที่ล้วนเป็นฝีมือของช่างท้องถิ่นที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกิริยาอาการของมนุษย์ เกี่ยวกับความรัก โลภ โกรธ หลง ความทุกข์ ความสุข และเรื่องราวของบาปกรรม รวมทั้งชีวิตหลังความตาย งานประติกรรมของที่นี่จึงมีความโดดเด่นแตกต่างจากรูปแบบที่เราคุ้นเคย ซึ่งเป็นฝีมือของช่างท้องถิ่นทั้งจากไทยและลาว เราจึงเห็นรูปแบบงานศิลปะที่มีความสวยงาม ผสมผสานทั้งไทยและลาว รวมถึงศิลปะประยุกต์ของชาติต่าง ๆ เช่น ลักษณะของพระพุทธรูปที่มีความสวยงาม แปลกตา และรูปประติกรรมต่าง ๆ ที่ชวนน่าสะพรึงในกิริยาท่าทาง ซึ่งมีจำนวนงานประติมากรรมมากมายกว่า 200 ชิ้น ให้ดูชมและพินิจพิจารณาในคติธรรมที่แฝงซ่อนอยู่โดยภายในศาลาแก้วกู้แห่งนี้ นอกจากจะมีประติมากรรมขนาดยักษ์ให้ดูชม เพื่อพิจารณาและเจริญสติในธรรมแล้ว ภายในสถานที่แห่งนี้ยังมีศูนย์วิปัสสนาแก้วกู่เพื่อฝึกปฏิบัติจิตหรือปฏิธรรมอีกด้วย สำหรับผู้สนใจอยากเข้ามาเที่ยมชมศาลาแก้วกู่แห่งนี้ก็สามาถเข้ามาเที่ยมชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.00 - 17.00 น. โดยมีค่าเข้าชมสำหรับเด็กอยู่ที่ 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท และชาวต่างชาติ 20 บาท โดยศาลาแก้วกู่แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณชุมชนสามัคคี ตำบลวัดธาตุ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย พิกัดที่ตั้งของ ศาลาแก้วกู่ ภาพประกอบโดยผู้เขียน