ตอนที่ผู้เขียนพาพ่อแม่ไปเก็บหิมะหน้าร้อนที่อัวเร่ (Åre) ซึ่งเป็นเมืองทางตอนเหนือของประเทศสวีเดนนั้น ผู้เขียนก็อยากให้พ่อแม่ได้เยี่ยมชมความงามของประเทศข้างเคียงอย่างประเทศนอร์เวย์ ประกอบกับวันนั้นสภาพอากาศที่อัวเร่ไม่ค่อยสดใส เลยไม่อยากเสี่ยงพาพ่อกับแม่ไปขึ้นเขา เมื่อคิดได้ดังนั้นเราก็จัดเตรียมของขึ้นรถในตอนเช้าวันหนึ่ง โดยครั้งนี้เราจะมุ่งหน้าไปที่เมือง ทรอนด์ไฮม์ (Trondheim) ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากชายแดนประเทศสวีเดนมากนัก และเราจะไปเที่ยวนอร์เวย์แบบไปเช้าเย็นกลับเมื่อทุกคนพร้อม ล้อก็หมุนไปที่ถนนทางหลวงหมายเลข E14 ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศสวีเดน และประเทศนอร์เวย์ ระหว่างทางฝนตกพรำ ๆ แต่เราก็ไม่หวั่น เพราะเราคาดหวังว่าที่ฝั่งนอร์เวย์อากาศจะสดใส เมื่อเข้าใกล้ชายแดนสวีเดน-นอร์เวย์ เราก็เจอซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ที่มีรถยนต์จอดเรียงรายอยู่เกือบเต็มลานจอดรถ พวกเราก็แวะจอดรถเพื่อซื้อขนมและเครื่องดื่มไปสำรอง เพราะเรารู้ว่าที่ฝั่งประเทศนอร์เวย์ค่าครองชีพจะสูงกว่าสวีเดนมาก และถึงแม้ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้จะตั้งอยู่ฝั่งประเทศสวีเดน แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นชาวนอร์เวย์ที่ข้ามฝั่งมาซื้อของไปกักตุนไว้เมื่อทุกคนได้ของครบตามที่ตั้งใจ ล้อก็หมุนข้ามไปฝั่งนอร์เวย์ บรรยากาศชนบทของประเทศนอร์เวย์แถบนั้น จะไม่แตกต่างจากสวีเดนมากนัก พื้นที่ส่วนใหญ่ก็เป็นภูเขาคล้าย ๆ กัน การมาเที่ยวครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนโควิด ทำให้เราขับรถเข้าประเทศนอร์เวย์ได้ต่างสบายใจ ไร้การตรวจสอบ แม้แต่การเข้าอุโมงค์ที่เขียนว่าต้องเสียค่าธรรมเนียม เราก็ไม่ได้หยุดจ่ายแต่อย่างใด คนขับรถก็ขับรถไป กังวลไปเพราะกลัวจะโดนตำรวจเข้าล็อกตัว รีดค่าไถ่ แต่จนแล้วจนรอด เราก็ผ่านมาได้แบบชิลล์ ชิลล์ แต่หลังจากนั้น หนึ่งเดือนเราก็ได้รับบิลล์เรียกเก็บค่าผ่านทางบางจุดที่ประเทศนอร์เวย์ ก็เพิ่งรู้ว่าทางหลวงของสวีเดน กับนอร์เวย์เค้าทำงานร่วมกันเป็นทีม 😊เมื่อไปถึงเมืองทรอนด์ไฮม์ ก็เกือบเที่ยงพอดี เราก็แวะเดินเล่นรอบ ๆ เมือง พร้อมกับเก็บภาพบ้านหลากสีสันที่ตั้งอยู่ริมทะเล อยากจะบอกว่าที่นี่น้ำทะเลใส ไหลเย็นเห็นตัวปลา ประกอบกับวันที่ไปอากาศค่อนข้างดี ทำให้เห็นแสงพระอาทิตย์ตกสะท้อนน้ำไปตัดกับบ้านหลากสีสัน ดูแล้วก็ไม่อยากจะจากไปไหน แต่เพราะคุณแม่เริ่มปวดเข่า เดินไม่ไหว เราก็เลยต้องยอมจากที่นี่ไปแต่โดยดีขับรถมาสักพัก ก็มาถึงวิหารนิดาโรส (Nidaros Cathedral) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองทรอนไฮม์ วิหารแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1070 เป็นสถาปัตยกรรมกอธิก (อันนี้จำเค้ามา ผู้เขียนไม่ได้มีความรู้ด้านนี้แต่อย่างใด ถ้าผิดก็ขออภัย ) และวิหารมีความใหญ่เป็นอันดับสองในแถบสแกนดิเนเวียน ด้วยเวลาจำกัด เราเลยทำได้แค่เดินวนรอบ ๆ วิหาร และเก็บภาพมาฝากคนทางบ้านต่อจากนั้น เราก็ขับรถต่อ เพื่อมุ่งหน้าไปที่ป้อมปราการของเมืองทรอนไฮม์ (Kristiansten Fortress) พวกเราเดินสำรวจ และเก็บภาพรอบป้อมปราการอยู่พักใหญ่ ก็ถึงเวลากลับ เพราะเวลาเกือบสองทุ่ม แต่ก็ยังมีแดดอยู่บ้างประปราย นี่คือข้อดีของการเที่ยวแถบสแกนดิเนเวียนช่วงหน้าร้อน คือเราจะมีเวลาเที่ยวตอนกลางวันยาวนานกว่าปกติ บางทีความสลัวเข้ามาเยือนหลังจากสี่ทุ่มไปแล้วความเหนื่อยล้าจากการเดินวนไป วนมาในหลาย ๆ สถานที่ ทำให้ขากลับบรรยากาศบนรถค่อนข้างเงียบ ไม่ตื่นเต้นเหมือนขาไป ผู้เขียนขอจบการนำเสนอเมืองทรอนไฮม์ ประเทศนอร์เวย์ไว้แต่เพียงเท่านี้ ฉบับหน้าจะพาไปชมบรรยากาศการขึ้นเขาไปเก็บหิมะหน้าร้อนกันต่อไปภาพปก และภาพทั้งหมดโดยผู้เขียนอัปเดตบทความท่องเที่ยวตามสถานที่อันหลากหลาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !