ในพื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชที่หนาแน่นไปด้วยวัดวาอารามตลอดริมสองฝั่งถนนหลายสาย แต่เมื่อกาลเวลาแปรเปลี่ยน ปัจจัยหนุนแทรก ส่งผลให้วัดหลายแห่งถูกยุบเพื่อง่ายต่อการจัดการ และเกิดการร้างของพระสงฆ์ทำให้วัดหลายสิบแห่งจำเป็นต้องเข้าสู่ภาวะของการร้างบนพื้นที่แห่งความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่าน โดยในวันนี้ผมจะขอนำผู้อ่านทุกท่านไปตามหาวัดดิงดง (ร้าง) ซึ่งในตอนแรกผมไม่ทราบหรอกว่าวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ใด จนกระทั่งสอบถาม สืบเสาะ และแกะรอยไปริมถนนราชดำเนินใกล้ ๆ กับวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ก็พบซอยหนึ่งชื่อว่า “ซอยดิงดง” อันเป็นซอยที่มีลักษณะแคบ แน่นไปด้วยตึกรามบ้านช่อง แต่เมื่อมองเข้าไปในซอยกลับเห็นหมุดหมายสำคัญ คือ ต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ที่สามารถมองเห็นได้จากต้นซอย จึงตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจรอบ ๆ ต้นโพธิ์ และบังเอิญได้พบกับป้าตุ้ย ซึ่งเป็นคนพื้นเพและเป็นหนึ่งในลูกหลานของผู้เข้ามาบุกเบิกพื้นที่แห่งนี้ โดยป้าตุ้ยเล่าให้ฟังว่า พื้นที่แห่งนี้ในอดีตเคยเป็นป่ารกร้าง พ่อของท่านกับเพื่อนไม่กี่คน ได้เข้ามาบุกเบิกพื้นที่ โดยการถางป่าและสร้างบ้านเรือนขึ้น โดยเล่าสืบต่อกันมาว่าพื้นที่ที่สร้างบ้านเรือนครั้งนี้ เคยเป็นวัดมาก่อน ชื่อว่า “วัดดิงดง” แต่ได้ร้างไปนานแล้ว จึงเหลือเพียงแต่คำบอกเล่า ส่วนต้นโพธิ์ที่ปรากฏนั้นเพิ่งงอกขึ้นปิดทับบ่อน้ำโบราณที่ก่อด้วยอิฐสมัยก่อน นอกจากนี้ยังได้พบก้อนอิฐและเศษอิฐกระจัดกระจายอยู่ รวมทั้งเศษภาชนะดินเผาหลายรูปแบบหลากลวดลาย จากหลักฐานข้างต้นจึงพอที่จะช่วยยืนยันความเป็นวัดดิงดงในอดีตได้เป็นอย่างดี และเป็นเรื่องปกติที่จะพบเห็นวัดร้างอยู่ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ฉะนั้นจึงอยากจะขอเชิญชวนผู้อ่านทุกท่านลองหันมองไปรอบ ๆ หมู่บ้าน และเดินสำรวจดู เผื่อจะได้ค้นพบวัดร้างดังเช่นผม ซึ่งมันอาจจะไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นผู้คนพบคนแรก แต่มันทำให้รู้ถึงประวัติศาสตร์บ้านเกิดและตระหนักถึงเรื่องราวของหมู่บ้านตนเองมากยิ่งขึ้นผ่านโบราณสถานโบราณวัตถุ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อลูกหลานของเราในอนาคตเป็นอย่างมาก