วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองนิกโก้ Nikko แบบไปเช้าเย็นกลับโดยใช้บัตรโดยสาร JR Tokyo Wide Pass ที่สามารถใช้บริการรถไฟด่วนพิเศษขบวน Nikko Limited Express ได้โดยไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่มแม้ว่าเส้นทางนี้จะเป็นการร่วมมือกันระหว่าง JR และรถไฟเอกชนคือ Tobu Nikko รถไฟขบวนนี้จะออกจากสถานีรถไฟชินจูกุ JR Shinjuku ไปลงที่สถานีโทบุนิกโก้ Tobu Nikko ราคาปกติคือ 4,080 เยนต่อเที่ยวค่ะ ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง แต่ว่าหากเป็น JR Pass All Area จะไม่สามารถใช้บริการรถไฟขบวนนี้ได้ พาสที่สามารถใช้ได้แบบไม่ต้องจ่ายเพิ่มจะมี JR Tokyo Wide Pass, JR East Nagano Niigata Area Pass, JR East Tohoku Area Pass และ JR East South Hokkaido Pass ซึ่งเป็นพาสที่ใช้ได้เฉพาะภูมิภาค หรือเป็นโซนค่ะ การเดินทางรอบ ๆ เมืองนิกโก้จะมีรถบัสให้บริการ ป้ายรถบัสจะอยู่ด้านหน้าของสถานีรถไฟโทบุนิกโก้ เดินออกจากสถานีก็เห็นเลยค่ะ จุดแรกที่เราจะไปกันคือ สะพานแดง สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) ซึ่งจะเป็นต้นทางก่อนที่จะข้ามไปที่โซนศาลเจ้าและวัดต่าง ๆ ที่เรียกว่าโซนมรดกโลกค่ะ การเดินทางไปโซนมรดกโลกมีสองวิธี คือเดิน หรือ รถบัส ถ้าซื้อตั๋วรถบัสเป็นเที่ยวไปลงที่สะพานก็จะ 200 เยนต่อเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที แต่ถ้าเป็นตั๋ววันเพื่อไปโซนมรดกโลกโซนเดียวก็ 500 เยน ต่อวันค่ะ ซื้อได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวในสถานีรถไฟ เราเลือกที่จะเดินไปค่ะเพราะวันที่เราไปถึงรถติดมากเพราะตรงกับช่วงวันหยุดยาวของคนญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่แนะนำว่าเดินไปดีกว่า และให้แผนที่มา 1 ฉบับ, จากสถานีรถไฟใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที ระยะทาง 2 กิโลเมตร ออกจากสถานีรถไฟก็เลี้ยวขวาค่ะ แล้วเดินตรงไปอย่างเดียวเลย สะพานชินเคียว ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองนิกโก้ สะพานนี้เป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้าฟูทาราซัง Futarasa Shrine เป็นสะพานข้ามแม่น้ำไดยะ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1636 ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามสะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น โดยเฉพาะหากมาในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีประมาณปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน โซนนี้จะสวยมาก ค่าเข้าชมสะพาน 300 เยน เมื่อเข้าไปในบริเวณสะพานก็จะมีศาลเจ้าเล็ก ๆ และเก้าอี้ให้นั่งเล่นริมแม่น้ำ ก่อนที่จะเดินไปยังบริเวณสะพาน จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรให้ดูมาก แต่เข้ามาแล้วเราก็ต้องใช้เวลาให้คุ้มก่อนที่จะเดินกลับออกมาทางเดิม เพื่อจะถ่ายรูปสะพานจากถนน สะพานนี้เปิดให้เข้าตั้งแต่เวลา 8.00 ถึง 17.00 น. (บางเดือนจะเปิดถึง 16.00 น.) จากสะพานเราก็เดินข้ามถนนไปที่ทางเข้าโซนมรดกโลก ซึ่งเป็นเหมือนเนินเขาที่มีต้นไม้ใหญ่ ๆ ปกคลุม ข้างในร่มรื่นมาก หากเราจะรอรถบัสเพื่อเข้าไปด้านในโซนมรดกโลกก็ได้ แต่เราเลือกที่จะเดินเพราะศาลเจ้าแต่ละแห่งที่ต้องการไปอยู่ไม่ไกลกันและสามารถเดินถึงกันได้ ศาลเจ้าแห่งแรกที่พลาดไม่ได้คือ ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) ซึ่งประกอบด้วยอาคารมากกว่าสิบหลัง เราคงจะเคยผ่านตาศาลเจ้านี้ที่มีรูปลิงปิดหูปิดตาปิดปาก ศาลเจ้าแห่งนี้ออกแบบและตกแต่งไม่เหมือนที่อื่นในญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยเพราะศาลเจ้าแห่งอื่นจะดูเรียบง่าย ไม่เน้นการประดับตกแต่งอะไร แต่ที่นี่จะดูอลังการกว่าเน้นตกแต่งด้วยทอง และไม้แกะสลักที่มีสีสันประดับตามอาคารทั้งด้านนอกและด้านใน และเราจะเห็นศาสนสถานทั้งของนิกายชินโตและของพุทธศาสนา ความสำคัญของศาลเจ้าแห่งนี้คือเป็นที่ฝังพระศพของโชกุนโทกุกาว่า อิเอยาสึ (Tokugawa Ieyasu) ซึ่งราชวงศ์นี้เคยปกครองญี่ปุ่นถึง 250 ปี จนถึงปี ค.ศ. 1868 เวลาเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ะเวลา 9.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชมศาลเจ้า 1,300 เยน ค่าเข้าชมมิวเซียม 1,000 เยน ถ้าเข้าชมสองที่ 2,100 เยน วัดรินโนจิ (Rinnoji) เป็นวัดที่สำคัญที่สุดในนิกโก้ ก่อตั้งขึ้นโดยพระโชโดะ โชนิน Shodo Shonin ผู้เผยแพร่พุทธศาสนาในนิกโก้ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 แบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกัน ค่าเข้าชม 400 เยน สำหรับ Sanbutsudo ซึ่งเป็นอาคารไม้ที่เป็นอาคารหลัก / 900 เยน Sanbutsudo และไทยูอิน Taiyuin และ 300 เยน สำหรับ คลังสมบัติและสวน เวลาเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ะเวลา 8.00 – 17.00 น. ส่วนของกินที่พลาดไม่ได้เมื่อมาที่นิกโก้ คือขนมลิงไส้ถั่วแดง ราคา 200 เยนค่ะ ร้านจะอยู่ก่อนถึงสะพานแดง หน้าร้านมีคนจะต่อแถวเข้าคิวกันเยอะ เหมือนเป็นการรับประกันว่าอร่อย เราก็เลยไปต่อบ้าง แล้วก็อร่อยจริง ๆ ค่ะ ร้อน ๆ ออกมาจากเตาเลย สำหรับอาหารกลางวัน แนะนำเป็นข้าวหน้าปลาไหล ร้านหัวมุมอยู่ตรงข้ามกับทางเข้าสะพานแดง ด้านล่างเป็นร้านขายของที่ละลึก ค่าข้าว 3,300 เยน คนเยอะมากแต่ก็รอไม่นาน นอกจากนี้แล้วยังมีอีกหลาย ๆ ศาลเจ้าและวัดในบริเวณโซนมรดกโลกของนิกโก้ที่น่าสนใจ ซึ่งเราคิดว่าหากเป็นไปได้ต้องใช้เวลาในเมืองนี้สัก 2-3 วัน เพื่อจะได้เที่ยวให้ครบทุกจุด รวมถึงในบริเวณทะเลสาบและอุทยานแห่งชาติโอคุนิกโก้ (Okuniko) ที่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยมาก @ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน #เที่ยวต่างประเทศ #เที่ยวญี่ปุ่น