เสียงข้อความเตือนจาก IG ติ๊ง ๆ เปิดเข้าไปดูอ้าว Noriko เพื่อนสมัยเรียนภาษาทักมา ว่าสบายดีไหม คุยกันไปยาว ๆ เพื่อนที่เราไม่ได้เจอกันมา 4 ปีละ คราวก่อนเราไปทำทริปที่ญี่ปุ่นเลยแวะหาที่เกียวโต เมื่อเพื่อนบอกว่าจะมาเที่ยวไทย คราวนี้คงถึงตาเราเป็นเจ้าบ้านรับแขกบ้านแขกเมืองบ้างละสิ คุณเพื่อนน่ารักมีการจัดทำทริปคร่าว ๆ มาเอง เราเจ้าบ้านก็สบายใจ เรานัดเจอกันเช้าวันเสาร์แอบไปรับเพื่อนที่โรงแรม คุณเพื่อนเอารูปสถานที่มาให้ดู เพื่อนบอกอยากไปที่นี่อ่ะ เมื่อเราเห็นรูปจากบล้อกเป็นภาษาญี่ปุ่น ดีนะที่มีภาษาอังกฤษ ว่า Jim Thompson House Museum เราก็ อืมม...เรายังไม่เคยไปเลยนะ แฮ่ะ ๆ คือ แบบเดี๋ยวนะ อยู่ตรงไหนน๊า ๆ ๆ ใช่ที่เขาขายผ้าไหมกันรึเปล่า รู้แค่นี้จริง ๆ จึงเป็นที่มาของชาวต่างชาติพาคนไทยเที่ยวซะงั้น เรารีบเสิร์จอากู๋ อย่างไว บ้านจิมทอมป์สัน อยู่ซอยเกษมสันต์ 2 ตรงข้าม Bts สนามกีฬา ไปไม่ยากแต่ไม่เคยรู้ แฮร่ !! เมื่อเรามาถึงต้องไปซื้อตั๋ว ค่าเข้าคนละ 200 บ.ทั้งคนไทยและต่างชาติ จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่มาแนะนำเราว่า อยากได้ไกด์ภาษาไหนคะ สรุปที่ภาษาอังกฤษละกันเพราะเราและเพื่อนจะได้เข้าใจ ซึ่งไกด์ภาษาญี่ปุ่นก็มีนะ แต่เพื่อนบอกแล้วเราจะเข้าใจหราก็นะ เมื่อรวมกลุ่มได้ประมาณ10 คนน้องไกด์ก็พาเราเข้าเยี่ยมชม บ้านไทยของคุณจิมทอมป์สัน ก่อนเราจะขึ้นบ้านเรือนไทย ทุกคนจะต้องฝากของในล็อคเกอร์และถอดรองเท้าเก็บไว้ด้านล่างเรือนเสียก่อน น้องไกด์เริ่มบรรยายบ้านเรือนไทยในไปแต่ละห้องแต่ละหลัง ประวัติของคุณจิมทอมป์สัน ว่ามาเริ่มธุรกิจผ้าไหมที่ไทยได้อย่างไร และริเริ่มสร้างบ้านนี้ตอนไหน อ้อ !! พวกเราไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายในบ้านคุณจิมทอมป์สันนะคะ ซึ่งเราก็เข้าใจเพราะเราตกตะลึงมากกับชิ้นงานศิลปะอันทรงคุณค่า ที่คุณจิมทอมป์สันสะสมมาจากทุกสารทิศรวมถึงจากประเทศเพื่อนบ้านเราด้วย ทั้งภาพเขียน รูปปั้น เตียงตั่ง เครื่องใช้ไม้สอยโบราณ ถ้าให้ประเมินแล้วอายุหลายร้อยปี การได้มาฟังบรรยายประวัติการสร้างและการอนุรักษ์บ้านหลังนี้ไว้ ไม่รู้ทำไมแอบน้ำตาซึมเบา ๆ ถึงการที่ชาวต่างคนหนึ่งซึ่งได้เห็นคุณค่าของศิลปะไทย ได้สร้างชื่อให้กับผ้าไหมไทยสู่ชาวโลกและยังได้ช่วยสร้างงานให้คนไทย แต่เขาไม่มีโอกาสได้กลับมาอยู่บ้านหลังนี้อีก เพราะคุณจิมทอมป์สันได้หายสาบสูญไปและไม่มีใครได้ข่าวเขาอีกเลย จบการทัวร์บ้านไทย เราก็ได้เดินชมสวนรอบ ๆ บ้านเรือนไทย ซึ่งมีความร่มรื่นมาก อากาศเย็นสบายเพราะใกล้คลองด้านหลัง เหมือนเราได้ย้อนยุคไปในช่วงเวลานั้นจริง ๆ นอกจากบ้านเรือนไทยแล้ว รอบ ๆ ตัวบ้านยังมี การโชว์วิธีการสาวไหม มีขายของที่ระลึกและผลิตภัณฑ์ไหมไทยและยังมีคาเฟ่ไว้บริการเครื่องดื่มสำหรับนั่งผ่อนคลายได้อีกด้วยค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้พาเพื่อนมาเที่ยวเรากลับเป็นผู้ได้ความรู้เสียเอง รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นคนไทยซึ่งมีรากเหง้าศิลปะที่สวยงาม อยากแนะนำที่นี่เลยค่ะ หากใครมีเพื่อนต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย ที่นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่แสดงถึงความเป็นไทยได้ชัดเจน ซึ่งเพื่อนเราชอบมากเลยค่ะ ภาพประกอบโดยนักเขียน