รีเซต

ตามรอยดาบพิฆาตอสูร Season 3 หมู่บ้านช่างตีดาบของแท้ที่ญี่ปุ่น Swordsmith Village Arc

ตามรอยดาบพิฆาตอสูร Season 3 หมู่บ้านช่างตีดาบของแท้ที่ญี่ปุ่น Swordsmith Village Arc
Muzika
18 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:20 )
13K
1

     ทันทีที่ Kimetsu no Yaiba หรือ ดาบพิฆาตอสูร Season 2 ภาคย่านเริงรมย์จบลงเป็นที่เรียบร้อย ก็มีการประกาศทำ Season 3 ตามมาทันที ซึ่งเนื้อเรื่องบทนี้จะอยู่ในส่วนของ หมู่บ้านช่างตีดาบ หรือ Swordsmith Village Arc นั่นเอง หลายคนน่าจะสงสัยว่าหมู่บ้านแบบนี้จะมีอยู่จริงในญี่ปุ่นรึเปล่านะ? เราได้ไปตามหามาให้ทุกคนแล้ว โดยหมู่บ้านที่ใกล้เคียงที่สุดเห็นจะเป็นที่ เมืองเซกิ จังหวัดกิฟุ และเมืองโอซาฟุเนะ จังหวัดโอคายาม่า ในประเทศญี่ปุ่นนั่นเองครับ ทั้ง 2 เมืองถือว่าเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการทำดาบที่มีชื่อเสียงในระดับโลกเลยทีเดียว

 

 

    *หมายเหตุ* หากอ้างอิงตามมังงะดาบพิฆาตอสูร หมู่บ้านช่างตีดาบนั้นจริงๆ แล้วไม่มีใครรู้ตำแหน่งที่ชัดเจน เพราะแม้แต่สมาชิกในหน่วยเองก็ไม่สามารถเดินทางไปเองได้ ต้องให้ คาคุชิ หรือหน่วยเก็บกวาดเป็นผู้นำทางไป แต่เมืองเซกิที่มีอยู่จริงนี้ก็นับว่ามีความใกล้เคียงที่สุดแล้ว เพราะเป็นที่ที่มีตระกูลช่างตีดาบมารวมตัวกันนั่นเอง

 

 

เมืองเซกิ หมู่บ้านช่างตีดาบชื่อดัง ประเทศญี่ปุ่น

 

     เมืองเซกินั้นตังอยู่ในจังหวัดกิฟุ อยู่ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู ใกล้ๆ กับนาโกย่า มีชื่อเสียงด้านการทำดาบมายาวนานถึง 800 ปีแล้ว เรียกว่าย้อนกลับไปได้ไกลถึงสมัยมุโรมาจิเลย ด้วยความที่มีแม่น้ำไหลผ่านถึง 2 สาย ทำให้มีน้ำสะอาดให้ใช้ตลอดปี มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การหลอมโลหะชั้นเลิศ เลยทำให้ผู้คนที่ต้องการขัดเกลาฝีมือด้านการตีดาบต่างเดินทางมารวมตัวกันที่นี่ และก่อตั้งเป็นตระกูลช่างตีดาบที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน

 

 

     ด้วยความที่เป็นหมู่บ้านช่างตีดาบนี้เอง ว่ากันว่าที่นี่เราจะเห็นประกายเพลิงสีส้มที่พวยพุ่งออกมาจากเตาหลอม และสะเก็ดไฟที่กระจายออกมาเป็นจังหวะในขณะที่ช่างกำลังบรรจงตีเหล็กอย่างชำนาญจนชินตา สมัยก่อนนั้นช่างเหล่านี้จะเป็นผู้ตีดาบให้กับตระกูลซามูไร ปัจจุบันนี้แม้จะมีความต้องการดาบน้อยลงมากๆ แล้ว แต่เมืองเซกิก็ยังเป็นผู้ผลิตมีด รวมถึงของมีคมต่างๆ ทั้ง มีดโกน กรรไกร ที่ตัดเล็บ และข้าวของเครื่องใช้ประจำวันต่างๆ อีกมากมาย ฝีมือช่างของที่นี่ก็โด่งดังทั้งในญี่ปุ่น และต่างประเทศ ว่ากันว่ามีดเซกินั้นมีความคมกริบ คงทนสูง ไม่หักไม่งอด้วย

 

กิจกรรมน่าสนใจในเมืองเซกิ

 

  • ทดลองตีดาบ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ปลอดภัยไม่เจ็บตัวแน่นอน แต่จะต้องจองล่วงหน้าก่อนอย่างน้อย 1 เดือน ถ้าใครสะดวก
  • เป็นผู้ชมอย่างเดียวก็ไม่ว่ากัน เพราะเขามีจัดแสดงการตีดาบอย่างใกล้ชิดให้ได้ชมกันด้วย 
  • เข้าชมพิพิธภัณฑ์มีด ซึ่งก็มีทั้งมีด และดาบจัดแสดงมากมาย เปิดให้เข้าชมฟรี
  • workshop ทำกรรไกร ต้องจองล่วงหน้า 1 อาทิตย์
  • ซื้อมีด มาถึงแหล่งทั้งทีห้ามพลาดอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของเมืองเป็นอันขาด รับรองคมสมใจ

 

     ส่วนใครที่อยากมาชมการตีดาบคาตานะจริงๆ นั้น ที่เมืองเซกิก็เปิดให้เข้าชมเช่นกัน การทำดาบในปัจจุบันอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลญี่ปุ่น และสามารถทำได้เฉพาะช่างตีดาบที่มีใบอนุญาตเท่านั้น ปัจจุบันมีช่างกลุ่มนี้อยู่เพียงไม่กี่คนในกิฟุ และในแต่ละเดือนช่างแต่ละคนสามารถตีดาบได้แค่ 2 เล่มเท่านั้น และดาบแต่ละเล่มจะต้องมีใบรับรองการลงทะเบียนที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าดาบเล่มนั้นถูกผลิตด้วยวิธีการแบบดั้งเดิม โดยช่างตีดาบที่มีใบอนุญาต รับประกันได้ว่าดาบของที่นี่ยังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณอย่างเต็มเปี่ยมแน่นอน

 

เมืองโอซาฟุเนะ หมู่บ้านช่างตีดาบในตำนาน

     อีกหนึ่งเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการดีดาบในประเทศญี่ปุ่น ก็คือเมืองโอซาฟุเนะ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดโอคายาม่า ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ที่นี่มีชื่อเสียงอย่างยาวนานด้านการทําดาบย้อนหลังไปได้ถึงสมัยเฮอัน (794-1185) เมืองนี้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ และหอศิลป์ดาบหลายแห่ง รวมถึงพิพิธภัณฑ์ดาบญี่ปุ่น Bizen Osafune ซึ่งจัดแสดงดาบประวัติศาสตร์ที่หลากหลายและให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติและเทคนิคการทําดาบ

 

     หนึ่งในช่างตีดาบที่มีชื่อเสียงที่สุดจากเมืองโอซาฟุเนะคือ มาซามุเนะ ซึ่งอาศัยอยู่ในยุคมุโรมาจิ (1336-1573) เขาถือเป็นหนึ่งในช่างตีดาบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ดาบของเขาได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูงจากนักสะสมทั่วโลก ปัจจุบันยังมีช่างตีดาบไม่กี่คนในเมืองที่ยังคงผลิตดาบญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอยู่ ซึ่งใช้เทคนิค และวัสดุเดียวกับที่ใช้เมื่อหลายศตวรรษก่อน

 

 

     เช่นเดียวกับเมืองเซกิ ดาบที่นี่ถือเป็นสมบัติของชาติ และได้รับการคุ้มครองโดยรัฐบาลญี่ปุ่น ถ้าเกิดใครสนใจที่จะซื้อดาบในเมืองนี้ แนะนําว่าให้ไปที่พิพิธภัณฑ์ดาบญี่ปุ่น Bizen Osafune ที่จะมีร้านขายของที่ระลึกที่เราสามารถหาซื้อดาบได้ โดยเจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์ยังสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรักษาดาบที่เหมาะสม

 

     อย่าลืมว่าการขนส่งดาบกลับประเทศไทยมีกฎระเบียบ และข้อกําหนดที่เข้มงวดมากๆ ก่อนตัดสินใจขอให้ตรวจสอบกับสายการบิน และศุลกากรไทยให้เรียบร้อยก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามกฎระเบียบ และข้อกําหนดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ข้อควรรู้อีกอย่างก็คือ ราคาของดาบญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมนั้นค่อนข้างสูงมาก ใครใจรักจริงก็ขอให้ทำใจตรงนี้ไว้ด้วย

====================