เรียกว่าเป็นดินแดนแห่งพหุวัฒนธรรมจริงๆ สำหรับจังหวัดนราธิวาส เพราะนอกจากอุดมไปด้วยวัฒนธรรมพุทธ มุสลิม จีน มีเทวสถานฮินดู โบสถ์คริสต์แล้ว ยังเป็นสถานที่จัดประเพณีบุญบั้งไฟ ของชาวอีสาน อย่างคึกคักทุกปีอีกด้วย ภาพโดย ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ มูลเหตุบั้งไฟอีสานในภาคใต้ บั้งไฟ ไปอยู่ทางใต้ อย่างจังหวัดนราธิวาสได้อย่างไร ไม่ต้องเสียเวลาสืบค้นให้ลึกหรือถกเถียงกันให้ปวดหัวเหมือนคนไทยมาจากไหน เพราะเมื่อราวปี พ.ศ.2506 รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้มีนโยบายจัดสรรค์ที่ดินเพื่อการครองชีพให้กับราษฎรผู้ยากไร้ โดยการจัดทำเป็นรูปแบบนิคมสร้างตนเอง มี 43 แห่ง ใน 32 จังหวัด หนึ่งในนั้นคือ นิคมสร้างตนเองสุคิริน เมื่อจัดสรรเสร็จก็จัดการย้ายประชาชนภาคอีสานซึ่งยากจนมาตั้งรกรากอยู่ ชาวอีสานเมื่อย้ายถิ่นฐานแล้วก็นำวัฒนธรรมของตัวเองมาด้วย ประเพณีบุญบั้งไฟจึงเกิดขึ้น ณ ปลายด้ามขวานไทย ภาพโดย ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ โดยธรรมชาติของบุญบั้งไฟ คือ ขอฝน แต่สำหรับจังหวัดนราธิวาส มีฝนชุกตลอดปีอยู่แล้ว การขอฝนจึงต้องเปลี่ยนมาเป็นขอไม่ให้ฝนตกแทน ทั้งนี้ไม่ว่าจะขอสิ่งใด แต่บุญบั้งไฟที่เกิดขึ้น ณ ผืนแผ่นดินนราธิวาส คือ การระลึกถึงบ้านเกิด และการไม่ลืมตัวตนนั่นเอง จากความคิดถึงบ้านเกิดกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ตำแหน่งที่ตั้งชุมชนอีสาน ของจังหวัดนราธิวาส คือ ต.โต๊ะโม๊ะ อ.สุคิริน แหล่งแร่ทองที่รุ่งเรืองในอดีต แม้ที่ดินนิมคมสร้างต้นเองสุคิริน จะเริ่มต้น พ.ศ. 2506 แต่บุญบั้งไฟไม่ได้เริ่มทันที เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากนั้นประมาณ 20 ปี จากทำเล็กๆ กระทั่งกลายเป็นงานประจำหมู่บ้าน ขยายไปสู่จังหวัด ปัจจุบันเป็นระดับนานาชาติ เพราะชาวมาเลเซียนเหมารถบัสมาชมกันเต็มพื้นที่ทุกปี ช่วงเวลาการจัดก็อยู่ใน เดือน 5 – 7 เหมือนที่ภาคอีสาน การละเล่นก็ถอดแบบมาเช่นกัน มีบั้งไฟหมื่น บั้งไฟแสน บั้งไฟล้าน มีประชันขันแข่ง มีคนแพ้ถูกจับลงปลักโคลน ภาพโดย ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ ภาพโดย ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ ผู้เขียนมีโอกาสสอบถามผู้รู้ว่า ทราบได้อย่างไรว่าบั้งไฟจะถึงจุดสูงสุดที่กำลังดินปืนส่งขึ้นฟ้าแล้ว ได้รับคำตอบว่า ‘ช่างทำบั้งไฟ จะทานมข้นหวานไว้ในช่วงท้ายๆ ก่อนจะหมดดินปืน เมื่อไฟกินมาถึงจุดนี้ ควันที่ออกมาจะขาวกว่าปกติ เป็นสัญญาณว่าใกล้จะปักหัวลงพื้นดินแล้ว’ จุดนี้เรียกว่า “บั้งไฟกินนม” ภาพโดย ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ ได้ความรู้ไปอีกแบบ ผู้อ่านท่านใดที่เห็นภาพบรรยากาศแล้ว ต้องการร่วมสนุกกับบรรยากาศบั้งไฟสไตล์ชายแดนใต้ เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ ได้เลย เพราะนอกจากจะได้ร่วมสนุกกับความครื้นเครงของบั้งไฟแล้ว อ.สุคิริน ยังมีที่พัก และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชนหลายอย่าง เช่น เดินชมธรรมชาติ ล่องแก่ง พายเรือแคนู หรือแม้กระทั่งร่อนทองคำ ครับ! ทองคำแท้ๆ ร่อนเอากลับบ้านได้เลย ภาพโดย ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์