ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่มีการเกี่ยวข้าวของชาวกะเหรี่ยงที่ทำไร่ทั้งบนภูเขาและพื้นที่ราบ เป็นฤดูกาลแห่งการเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงในตำบลไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับการทำไร่หมุนเวียนมานานนับร้อยปี โดยทำได้แค่ปีละครั้งต้องอาศัยน้ำจากน้ำฝนในช่วงฤดูฝนเป็นหลัก พอหมดฝนก็เตรียมเก็บเกี่ยวผลผลิตจากท้องไร่ท้องนา พอเกี่ยวข้าวโดยมัดกับตอกแล้วตากไว้วางที่กอข้าวที่ตัดไป แล้วค่อยรวบรวมเก็บมากองเป็นจุดเดียวกัน ปล่อยให้ตากแดดสักวันสองวัน เพื่อทำการฟาดข้าวในช่วงเวลากลางคืนเพื่อจะได้ไม่ร้อนชาวกะเหรี่ยงจะทำแคร่ยกพื้นขึ้นมาด้วยไม้ไผ่เพื่อง่ายต่อการยืนฟาดข้าวได้ โดยจะรองพื้นด้วยผ้าหรือมุ้งไนล่อนสีฟ้าเพื่อเก็บเม็ดข้าวเปลือกที่ถูกฟาดบนแคร่ แล้วจะทำการเก็บเศษฟางที่มาจากการฟาดในแต่ละครั้ง เมื่อฟาดข้าวจนหมดแล้วเก็บเศษฟางที่ค้างอยู่ แล้วค่อยเก็บปิดไว้ให้มิดชิดเพื่อตวงใส่ถังปี๊บเพื่อนับจำนวนที่ได้ทั้งหมดในเช้าวันต่อมา แล้วค่อยใส่ถุงปุ๋ยกลับไปเก็บในยุ้งฉางที่บ้านต่อไป หากต้องการกินก็แค่นำตากก่อนไปตำหรือไปสีได้ ส่วนหนึ่งจะไปทำบุญข้าวใหม่ให้กับผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน รวมทั้งการหุงข้าวใหม่เพื่อใส่บาตรพระสงฆ์อีกด้วยและในตำบลไล่โว่จะมีการจัดงานประเพณีฟาดข้าวระดับตำบลทุกปี คือ จะมี 1 หมู่บ้านในตำบลจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยมีการเลือกไร่ที่เหมาะสม อยู่ใกล้แม่น้ำหรือติดห้วยเพื่อสะดวกในการใช้น้ำ ทำเป็นโรงทานให้กับผู้มาร่วมงานโดยปีนี้จัดขึ้นที่หมู่บ้านกองม่องทะ แต่จัดขึ้นภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงไม่ได้ประชาสัมพันธ์บุคคลภายนอกเข้าร่วมงานแต่อย่างใด จะมีชาวบ้านในหมู่บ้านและในตำบลมาร่วมบ้างบางส่วนเท่านั้นการเข้างานก็จะมีจุดคัดกรองคนเข้างานตามปกติ สำหรับการจัดงานประเพณีฟาดข้าวทุกๆ ปี เป็นการสืบสานประเพณีการใช้ชีวิตที่อิงอาศัยกับป่า สำนึกในคุณธรรมชาติ สำนึกในพระคุณของแม่โพสพที่ช่วยดูแลต้นข้าวให้ชาวกะเหรี่ยง และการเอาแรงช่วยกัน อีกทั้งมีการละเล่นที่เพิ่มเติมเข้ามาสร้างสีสันให้ผู้มาร่วมงานอีกด้วย โดยแรกเริ่มงานในเวลาตอนเย็น จะมีการยกเสาไม้ไผ่ที่ห้อยพันธุ์เมล็ดข้าวที่ไว้สำหรับเป็นพันธุ์ที่จะทำการเพาะปลูกในปีถัดไป ปล่อยลอยลงมาตรงกับแคร่ในลานฟาดข้าว จากนั้นก็จะมีพิธีสงฆ์ มีการขอศีล อาราธนาธรรม และการเจริญพระพุทธมนต์เย็นจากคณะสงฆ์ที่นิมนต์มาหลังจากนั้นเจ้าของไร่ที่เป็นสามีภรรยาก็มาจุดเทียนไหว้พระแม่โพสพที่ต้นเสาไม้ไผ่ที่ห้อยเมล็ดพันธุ์ข้าว ก่อนมาจุดเทียน 3 เล่มบนแคร่ ก่อนจะทำการฟาดลงไป พร้อมทั้งกล่าวคำอธิษฐานให้ได้ข้าวเปลือกมากๆ ในปีนี้ จนครบ 3 รอบ จากนั้นก็เริ่มมีการเชิญชวนให้ผู้มาร่วมงานได้มาฟาดข้าว โดยจะมีการแบ่งเป็น 2 ฝ่าย แทนฝ่ายชายและหญิง จะมีครูเพลงทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อเป็นต้นเสียงให้กับผู้มาร่วมฟาดข้าวในลานฟาดข้าวโดยจะเริ่มที่ฝ่ายหญิงก่อนเป็นฝั่งเปิดงานการฟาดข้าว เมื่อต้นเสียงเพลงมา คนที่ร้องตามก็จะถือรวงข้าวกันคนละมัด 2 มัด เดินร้องเพลงตามต้นเสียงครูเพลง แล้วเข้าไปล้อมที่แคร่ฟาดข้าว ร้องเพลงด้วย ฟาดข้าวด้วย และหมุนไปจนรอบแคร่ แล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิมหน้ากองข้าว จากนั้นครูเพลงฝ่ายชายก็จะขึ้นเพลงแก้ให้ลูกทีม ร้องเป็นต้นเสียงพร้อมกับถือรวงข้าวมาที่แคร่พร้อมฟาดข้าวลงไป และหมุนตามแคร่ จนเม็ดข้าวร่วงหมด สลับเวียนกันไปเรื่อยๆ ระหว่างฝั่งชายกับหญิง ยิ่งดึกก็ยิ่งอากาศเย็นขึ้น ครูเพลงก็ต้องคิดเนื้อเพลงโต้ตอบกันไปมา จนกองข้าวในลานฟาดข้าวหมดระหว่างที่กองข้าวลดลงได้ครึ่งหนึ่ง เจ้าของไร่สามีภรรยาก็มาทำพิธีจุดเทียนบนแคร่ แล้วฟาดข้าวอีก 3 รอบ ก่อนให้ผู้มาร่วมงานได้มาฟาดกันต่อ จนกองข้าวใกล้จะหมด เจ้าของไร่สามีภรรยาก็มาทำพิธีครั้งสุดท้ายอีกครั้ง โดยจุดเทียน 3 เล่มบนแคร่ และฟาดอีก 3 รอบ หรือฟาดต่อจนหมด ก็ถือว่าเสร็จพิธี เก็บกวาดเศษฟางให้ลดลงไปจนสะอาดขึ้น แล้วค่อยหาผ้าใบปิด ก่อนที่เปิดลานการละเล่นต่อไปปีนี้ทางมติหมู่บ้านลงความเห็นว่าจะจัดแค่เที่ยงคืน ก็เลยให้ผู้มีความสามารถได้มาประลองฝีมือเร็วกว่าปกติ มีการละเล่น 2 อย่างคือ บันไดลิง และไต่เสาน้ำมัน โดยจะมีรางวัลแขวนไว้ที่ด้านบน ใครขึ้นไปได้ก็จะได้รางวัลเหล่านั้น ทั้งขนมและเงิน ปีนี้มีเด็กและเยาวชนมาร่วมกิจกรรมเหมือนเดิม และพิชิตรางวัลได้ทั้งสองอย่างในเวลาไม่นานนอกจากนี้ทางโรงเรียนบ้านกองม่องทะก็มาฉายหนังกลางแปลงให้ผู้มาร่วมงานดูหลังจากกองข้าวใกล้จะหมดเพื่อให้เด็กๆ และผู้มาร่วมงานได้ผ่อนคลายอีกด้วย และอีกกิจกรรมสุดท้าย คือ การทำต้นผ้าป่าเพื่อถวายให้ทางวัดในรุ่งเช้าของอีกวัน ชาวบ้านก็นำไปถวายภัตตาหารเช้า ถวายต้นผ้าป่า รับพร และกรวดน้ำเป็นรายการสุดท้าย และในเดือนถัดไปก็จะมีการทำบุญข้าวใหม่ที่วัดอีกครั้ง และงานประเพณีฟาดข้าวในปีถัดไปก็จะจัดขึ้นที่บ้านเกาะสะเดิ่ง และวนไปต่อที่บ้านไล่โว่-สาละวะ บ้านทิไล่ป้า บ้านจะแก และบ้านสะเนพ่องที่อยู่ในตำบลไล่โว่ตามลำดับต่อไปในช่วงเดือนธันวาคมของทุกๆ ปีเครดิต ภาพปก โดยผู้เขียน และขอบคุณข้อความอัตโนมัติจาก TrueID In Trend ภาพประกอบ ที่ 1-12 โดยผู้เขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !