เชื่อว่าหลายคนคงจะเบื่อกับการอยู่บ้านแน่ ๆ เลย สำหรับเราการแก้เบื่อที่ดีที่สุดคือการได้ plan ทริปเพื่อรอเวลาที่จะได้ออกเดินทางไปหา Passion กัน เพราะรู้สึกว่าเวลาที่ได้วางแผนว่าจะไปไหน ไปอย่างไร และเตรียมชุดอะไรไว้ถ่ายรูปให้เข้ากับ Location นั้น ๆ มันเหมือนทำให้เราได้ออกเดินทางไปในตัว แค่คิดก็ฟินแล้ว และทริปที่อยากนำมาแบ่งปันกับทุกคน คือ ทริปพัทลุง ซึ่งเป็นทริปไฟไหม้ คิดปุ๊บไปปั๊บ แค่ 2 วันกับ 1 คืนก็เกินพอแล้ว ต้องบอกก่อนว่าจุดเริ่มต้นคือ จังหวัดตรัง หากคุณมาจากกรุงเทพฯ คุณสามารถเริ่มออกเดินทางจากสนามบินตรังได้เลย เพราะพัทลุงไม่มีสนามบิน คุณต้องใช้วิธีการนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินตรังแล้วเช่ารถเพื่อเดินทางมายังจังหวัดพัทลุง สถานที่แรก คือ โรงคั่วบ้านป่า เดินทางกันแต่เช้าตรู่หากไม่มีคาเฟอีนคอกาแฟคงไม่ถูกใจสิ่งนี้เป็นแน่ ดังนั้นขอแนะนำให้คุณลงจากเขาพับผ้าแล้วมุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอศรีนครินทร์ ปักหมุดมาที่ โรงคั่วบ้านป่า ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ในสวนยางพารา ที่นี่แตกต่างจากคาเฟ่ทั่วไป คือ คุณจะได้ดื่มกาแฟฝีมือตัวเองเพราะเขาให้คุณคั่วเมล็ดกาแฟเอง บดเอง และก็ชงเอง ชอบความขมระดับไหนก็กำหนดได้เองเลย เหมือนเราได้มา Work Shop ไปในตัว ใครที่ไม่ใช่สายกาแฟสามารถสั่งน้ำสมุนไพรมาดื่มคู่กับขนมท้องถิ่นได้นะ ภายในร้านตกแต่งแบบวินเทจมาก มีของเล่นอย่างรางหมากหลุมให้ย้อนระลึกถึงวัยเด็ก ดื่มกาแฟเสร็จก็ไปเดินเล่นหลังร้านสักหน่อยเพื่อสูบคลอโรฟิลล์ให้สารแห่งความสุขหลั่งออกมา สถานที่ที่ 2 The Cape ทริปนี้สายคาเฟ่ต้องชอบ เพราะสถานที่ที่ 2 ก็ยังคงเสนอคาเฟ่ริมทะเล มีชายหาดสามารถเดินเล่นถ่ายรูปเก๋ ๆ ได้ จุดเด่นของที่นี่คือ เก้าอี้ทรงเม็ดเลือดแดง (ตามจินตนาการของเรานะ) ตกเย็นที่นี่จะเปลี่ยนเป็นบาร์สำหรับนั่งท่องราตรีที่อยากนั่งดื่มชิล ๆ สำหรับอาหารไม่ได้ว้าวมาก ราคาเหมาะสมกับราคา เราสั่งสปาเกตตีมาก็ถือพอใช้และอิ่มอยู่ แต่ที่เรามาที่นี่เพราะอยากถ่ายรูปเล่นมากกว่า แต่ไม่คิดว่าช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์คนจะมากขนาดนี้ รอเกือบชั่วโมงกว่าจะได้เข้าร้าน ต้องขอบอกก่อนว่าเราไปเมื่อตอนที่ร้านเปิดใหม่ ๆ เป็นที่นิยมมากเลยทีเดียว สถานที่ที่ 3 ขนำคอฟฟี ตกบ่ายก็อยากหาคาเฟ่ชิล ๆ นั่ง เลือกขนำคอฟฟีเป็นมุมมหาชนหน่อย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใคร ๆ ก็มาที่นี่ เพราะการได้นั่งมองทุ่งนาสีเขียวขจี จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ และค่อย ๆ ละเลียดเค้กเข้าปากไปพร้อมกับการจ้องมองเขา (อกทะลุ) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลนับเป็นจิตรกรรมสามมิติที่ตระการตาไม่น้อยเลย สถานที่ที่ 4 เรื่องเล่ากับข้าวยามเย็น ก่อนตะวันลับฟ้า ท้องฟ้าก็ทาสีดำ...ช้าก่อน! ต้องรีบเบรกตัวเองก่อนที่จะร้องเสียจนจบเพลง ที่ที่เราจะมาฝากท้องก่อนขึ้นเขาก็คือ “ตลาดเรื่องเล่ากับข้าวยามเย็น” เป็นตลาดชิค ๆ แนว ๆ มีชิงช้าสวรรค์อยู่ด้านหน้า เข้ามาในตลาดก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศงานวัดที่ไม่มีวัด มีอาหารละลานตาให้เลือกกิน พอที่จะฝากท้องสำหรับมื้อเย็นได้เลย สถานที่ที่ 5 ควนนกเต้น ไฮไลต์สำคัญของทริปนี้คือ การตามล่าสายหมอกยามเช้า ดังนั้นเราจึงจองที่พักบนควน (ภูเขา) ที่ชื่อว่าควนนกเต้น ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวพัทลุงช่วยกันผลักดันจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด เราติดต่อเจ้าของที่พักให้มารับเรา 4 คนขึ้นเขาด้วยรถโฟร์วีลประมาณ 6 โมงเย็น แต่วันนั้นฝนดันตกหนักทำให้เราเสียเวลาไปเกือบชั่วโมงเพราะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ เส้นทางที่เข้าไปยังควนนกเต้นทำให้ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เพราะเราใช้ GPS นำทาง และพบว่าเส้นทางบางช่วงเป็นแค่ทางเล็ก ๆ เกือบจะไม่สามารถเรียกว่าถนนได้ แต่เราก็ใจแข็งขับรถต่อไปจนถึงที่หมาย นั่นคือตีนเขาจุดนัดพบของเราและเจ้าของที่พัก เราเปลี่ยนรถเป็นโฟร์วีลไต่ไปตามไหล่เขาที่คดเคี้ยว ด้วยความมืดทำให้ลุ้นระทึกตลอดเวลา แต่ในไม่ช้ารถก็พาเรามาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และฝนที่ตกในเย็นวันนั้นลอยตัวเป็นสายหมอกในยามเช้า เป็นอันว่าภารกิจของเราสำเร็จ สถานที่ที่ 6 ส้มตำบายพาส หลังจากลงมาจากควนนกเต้นเราก็ไปฝากท้องไว้กับร้านส้มตำบาสพาส ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนบายพาส ป้ายร้านใหญ่ดี สังเกตได้ง่าย ที่นี่มีทั้งอาหารคาวและหวาน อาหารอีสานนี่แซ่บถูกปากเลยทีเดียว แถมมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ อีกด้วย มาพัทลุงอย่าลืมแวะไปกันนะ สถานที่ที่ 7 แกรนแคนยอนพัทลุง ตะลอนคาเฟ่มาค่อนข้างมากแล้ว ถ้าจะหาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเพื่อถ่ายรูปชิค ๆ ล่ะก็นี่เลย แหล่งน้ำแกรนแคนยอน พัทลุง ที่มีฉากเป็นสีส้มตัดกับผืนน้ำสีฟ้าคราม ซึ่งที่นี่กำลังเป็นที่นิยม อาจจะร้อนหน่อย แต่เชื่อว่าคุณจะได้รูปอัปลง Instagram สวย ๆ ปัง ๆ แน่นอน และนี่ก็เป็นตัวอย่างทริปสั้น ๆ 2 วัน 1 คืนในจังหวัดพัทลุงที่ทำให้คุณได้สัมผัสทุ่งนา ป่าเขาได้ด้วยงบประมาณไม่มาก ถือเป็นทริปวันหยุดที่ทำให้คุณมีพลังสำหรับวันทำงานได้มากพอ ลองไปกันดูนะคะ และหากเรามีทริปสนุก ๆ อีกสัญญาว่ะจะมาบอกเล่ากันอีกแน่นอน ขอบคุณภาพจาก ครูจอย เสาวลักษณ์ คงอินทร์