การไปเที่ยวต่างประเทศของใครหลายๆ คน คงสร้างความสุขให้ผู้ไปได้ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าเหตุผลของการไปจะไปด้วยเหตุอันใดก็ตาม แต่เชื่อเลยว่า การได้ไปต่างประเทศ สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือการช็อปปิ้ง ยิ่งได้ของดีราคาถูก มันช่างถูกใจอีช้อยนัก และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือการทำ Tax refund หรือการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ไปเที่ยว ณ ประเทศเหล่านั้น หลายคนอาจจะมองว่าซื้อของได้ราคาถูกแล้วน่าจะโอเคแล้ว แต่การทำ tax refund นั้น จะช่วยทำให้คุณได้ของที่ราคาถูกลงไปอีก ยิ่งในโซนยุโรปที่ภาษีที่เค้าจัดเก็บค่อนข้างแพง พอเราขอทำ Tax Refund เงินที่ได้คืนมาก็ถือว่าไม่ใช่น้อยเลยนะคะ เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวเยอรมัน วันนี้จึงอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การทำ tax refund ครั้งแรกของเราที่สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมัน อาจจะเอาจุดบกพร่องของเรามาช่วยทำให้เพื่อนๆ ไม่พลาดโอกาสการได้เงินคืนแบบเรานะคะ ก่อนหน้านี้เราก็พยายามหาข้อมูลอ่านเตรียมตัวก่อนจะขอ Tax refund นะคะ ค่อนข้างตื่นเต้นมาก และหลายๆ จุดเราก็มั่วๆ + ลุ้นๆ ไปค่ะ เราเลยอยากมาแชร์ให้ละเอียดอีกครั้งนะคะ เผื่อเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆ ได้ลองทำจะได้ไม่ตื่นตระหนกแบบเรา 555เริ่มต้นการทำ Tax refund นะคะ ก็คือต้องทราบก่อนว่า เราจะสามารถขอ Tax refund ได้ ในร้านที่เค้าให้บริการได้นะคะ บางร้านอาจจะมีเขียนคำว่า Tax Free แจ้งไว้ค่ะ ที่เยอรมันต้องมียอดการซื้อขั้นต่ำ 50 ยูโร ถึงจะขอ Tax refund ได้นะคะ ถ้าไม่แน่ใจว่าร้านไหนทำได้รึเปล่า ก็ลองถามเค้าเลยค่ะ ว่าเราจะขอ Tax refund ได้มั้ย ถ้าได้ ก็ได้เวลาช้อปปิ้งเลยค่ะ โดยพอเราซื้อของเสร็จ เค้าจะมีเอกสารมาให้เรา ซึ่งจะประกอบไปด้วยใบเสร็จที่เราซื้อของ และใบที่ให้กรอกรายละเอียดการขอเงินภาษีมูลค่าเพิ่มคืน แต่บางร้านเค้าก็กรอก online ให้เราด้วยเลยนะคะ ซึ่งเราต้องยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ของร้านค้าให้เค้าด้วยยนะคะ เพราะฉะนั้นเวลาไปช๊อปปิ้งอย่าลืมพกพาสปอร์ตไปด้วยนะคะ และเราก็ทำหน้าที่กรอกเอกสารให้ครบถ้วน เก็บเอกสารไว้ จนวันที่เราจะกลับไทยโดยการทำ tax refund ให้ทำที่สนามบิน Terminal ที่เราจะเดินทางกลับ เช่น เรากลับจากสนามบินมิวนิค เราต้องขึ้นเครื่องที่ Terminal 2 เราก็ต้องไปทำ Tax refund ที่ terminal 2 เราก็จะขอแชร์ประสบการณ์ตรงที่มิวนิค แบบเป็นขั้นตอนกันเลยนะคะ ถ้าเดินทางด้วยรถไฟหรือว่าขับรถมาคืน ส่วนมากก็จะมาถึงที่ Terminal 1 เราก็จะเดินเข้ามาบริเวณ Terminal 2 ซึ่งมันจะมีลานตรงกลาง กั้นกลางอยู่ หากใครเป็น FC ของทีมฟุตบอล Bayern ก็จะมีร้านขายของที่ระลึกอยู่นะคะ นอกเรื่องไปนิด กลับมา ๆ ตอนที่เราไป เราจะต้องเช็คอินที่เคาเตอร์ H30x-H30x ซึ่งจะอยู่บริเวณชั้นหนึ่ง หันหน้าเข้า Terminal จะอยู่โซนซ้ายมือ นะคะ ซึ่งขั้นตอนแรกนี้อาจจะยุ่งยากหน่อย เพราะเราต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เคาเตอร์ก่อนว่าเรามีของที่จะขอ Tax refund ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องออกใบ boarding pass มาให้เรา เพื่อให้เราไปแสดงต่อศุลกากร หลังจากนั้นก็หา Custom clearance/Export certification เพื่อสำแดงสินค้าที่เราต้องการจะ Tax Refund เพื่อให้เจ้าหน้าที่สแตมป์ตราให้นะคะ แล้วจึงนำของที่ Refund ใส่กระเป๋านำไปโหลดอีกครั้ง แต่ที่เราพลาดก็คือ เราไม่แน่ใจคำว่า Custom clearance/Export certification นี่แหล่ะ ว่า มันเป็นศุลกากรที่เค้าจะดูของที่ต้องสำแดง หรือว่าคืออะไร ทำให้เราพลาด โหลดของบางส่วนไปก่อนแล้ว แล้วทำการเช็คอินจนเข้าไปในโซนเข้าเกทแล้ว ถึงไปแสตมป์ด้านใน ซึ่งทำให้สินค้าที่เราโหลดไปแล้วไม่สามารถสำแดงสินค้าได้ สินค้ากลุ่มนั้นจึงไม่ได้รับเงินคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ เจ้าหน้าที่บอกว่าคุณต้องแสดงสินค้าให้เค้าเห็นเค้าถึงจะสแตมป์ให้ได้ เป็นอันว่าถ้ามีสินค้าที่จะขอ tax refund mujจะต้องโหลดให้สำแดงสินค้าที่ Custom clearance/Export certification ที่ชั้น 1 ก่อนที่จะโหลดกระเป๋านะคะ อ่ะ ถ้าใครไม่มีของโหลดหรือโหลดไปแล้วก็ไปผ่านขั้นตอนของตม.ที่บริเวณชั้น 3 นะคะ(ชั้น2 จะเป็นตรวจกระเป๋าสายพาน) ถ้าใครมีของต้องสำแดงที่เอาถือขึ้นเครื่องและไม่ได้สำแดงแก่ custom ที่ชั้น 1 ก็มาทำบริเวณชั้น 3 นี้ได้นะคะ ซึ่งพอผ่านตม.เข้ามา Gate ของเราอยู่ Gate 44 ซึ่งจะอยู่ทางขวามือ ก็จะมีเคาเตอร์ของ Custom อยู่ฝั่งขวามือ เดินตามป้าย อาจจะต้องเข้าทางเดินด้านขวามือไปอีกหน่อยนะคะ แต่เจ้าหน้าที่น่ารักมาก ยื่นเอกสารที่ได้จากร้านค้า ยื่น passport พร้อม boarding pass แสดงสินค้าที่ซื้อมาตามรายการที่ยื่น เจ้าหน้าที่ก็จะสแตมป์ตราให้เราค่ะ หลังจากนั้นก็เดินไปทางด้านขวามือต่อนะคะ เพื่อไปหา Global Blue Tax Free ซึ่งจะเป็นเคาเตอร์บริเวณซ้ายมือนะคะ จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการ เราก็ยื่นเอกสารที่ได้รับการแสตมป์ตรา หลังจากนั้นเค้าก็จะถามว่าจะเอาเงินคืนเป็นเงินสด หรือจะรับผ่านบัตรเครดิต ซึ่งหากผ่านบัตรเครดิตจะได้รับเงินคืนที่มากกว่า เราลองคำนวณแล้วจะได้คืนที่ประมาณ 11 กว่าเปอร์เซนต์ ( Tax จริงๆ 19%) ซึ่งเราก็เลือกขอคืนผ่านบัตรเพราะไหนๆ เราก็จ่ายผ่านบัตรอยู่แล้ว ก็เอาคืนผ่านบัตรและได้เงินคืนเยอะกว่าด้วย (ของเราถ้าขอคืนเป็นเงินสดจะได้ 105 ยูโร แต่ถ้าผ่านบัตรจะได้ 112 ยูโร) หลังจากนั้นเค้าก็ให้เราเอาบัตรเครดิตมาสแกนที่เครื่อง เป็นอันเสร็จพิธี คือขั้นตอนที่ Global blue tax free นั้น ไม่มีอะไรเลย ง่ายมาก แต่จะยุ่งยากถ้ามีของโหลดและการหาที่สแตมป์ตราศุลกากรอ่ะค่ะ หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านนะคะ ขอให้ได้เงินคืน และช้อปปิ้งให้สนุกค่า ปล.ได้เงินคืนผ่านบัตรเรียบร้อย หลังจากกลับมา 2 วัน แต่ๆ ค่าเงินที่ได้คืนมาเป็นเงินไทยค่ะ ไม่ใช่เงินยูโร ลองคำนวณแล้ว เราจ่ายเงินยูโร ค่าเงินบัตรคิดเราที่ 40.48 แต่ว่าพอได้คืน ได้คืนที่ 35.88 เพราะฉะนั้นถ้าได้คืนเป็นเงินสดเอามาแลกเอง อาจได้เรทที่ดีกว่า ลองคำนวณกันดูนะคะ ส่วนของเรา ลองคำนวณแล้ว แลกเงินสดได้มากกว่าแต่ห่างกันประมาณเจ็ดสิบกว่าบาทค่ะ รูปภาพและบทความทั้งหมด By Psychiartistภาพปกจาก Canva อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !