การเดินทางไปที่ใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยไป อย่างการเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะไปเที่ยว ไปทำงาน ตามแฟน บางครั้งก็สร้างความกังวลใจให้คนเดินทางไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะการเดินทางไปต่างประเทศเพียงคนเดียวในครั้งแรก ซึ่งเราเองก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว จึงเข้าใจความรู้สึกอย่างดี วันนี้เราจึงมาแชร์ขั้นตอนการเดินทางต่างประเทศ ฉบับมือใหม่หัดเดินทางมาให้อ่านกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีขั้นตอนคล้าย ๆ กัน อาจจะแตกต่างกันบ้างในแต่ละประเทศ แต่ละสนามบิน โดยขั้นตอนเหล่านี้เป็นขั้นตอนที่เริ่มจากเมื่อเราไปถึงสนามบินต้นทาง ไปจนถึงสนามบินปลายทาง แต่เราจะขอสรุปเป็น 9 ขั้นตอนให้อ่านง่าย เรามาดูกันเลยค่ะ ว่าแต่ละขั้นตอนเป็นอย่างไร และต้องทำอะไรบ้าง 9 ขั้นตอนเดินทางต่างประเทศ ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสอบเที่ยวบิน และช่องบริการสำหรับเช็กอิน เมื่อเดินทางไปถึงสนามบิน ให้ตรวจสอบที่ป้าย "เที่ยวบินขาออก" ซึ่งจะมีรายละเอียดบอกเกี่ยวกับเที่ยวบิน ช่องที่ใช้สำหรับเช็กอิน เมื่อได้รายละเอียดมาแล้ว ก็ไปเข้าแถวรอเช็กอิน แต่หากเราเช็กอินออนไลน์มาแล้ว บางสายการบินเราสามารถเข้าไปแสกนและโหลดกระเป๋าด้วยตัวเองได้เลย แต่บางสายการบิน ก็ยังต้องไปยืนเข้าแถวเหมือนคนที่ไม่ได้เช็กอินออนไลน์ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเช็กอินออนไลน์มาแล้ว จะเข้าไปโหลดกระเป๋าด้วยตัวเองได้เลยค่ะขั้นตอนที่ 2 เตรียมเอกสาร และสิ่งของที่ต้องการเช็กอินให้เรียบร้อย เอกสารที่ต้องเตรียมในการเข้าไปเช็กอิน หลัก ๆ ก็คือ พาสปอร์ต วีซ่า เอกสารเกี่ยวกับโควิด เช่น ใบฉีดวัคซีน ผลตรวจโควิด การลงทะเบียนเกี่ยวกับโควิด (กรณีที่จำเป็น ) กรณีเอกสารเกี่ยวกับโควิดแต่ละประเทศอาจไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราจำเป็นต้องหาข้อมูลก่อนเดินทางด้วยค่ะ นอกจากเอกสารเราต้องนำกระเป๋าที่เราต้องการโหลดใต้เครื่องบิน และกระเป๋าที่เราต้องการถือขึ้นบนเครื่อง หลาย ๆ สายการบินอนุญาติให้เอากระเป๋าขึ้นเครื่องได้จำกัดแค่ 7 กิโล ซึ่งในกระเป๋าถือขึ้นเครื่องบิน สำหรับเราจะนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ สิ่งของมีค่า เสื้อผ้า 1-2 ชุด แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ยาพาราสำรองขึ้นเครื่องไปด้วย หากใครที่มีโรคประจำตัวก็ควรนำยาติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วยค่ะขั้นตอนที่ 3 หลังจากเช็กอินเรียบร้อย เราก็ต้องไปเข้าเครื่องตรวจกระเป๋า และร่างกายเพื่อความปลอดภัยบริเวณการตรวจตราเรื่องความปลอดภัย เราต้องดึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ออกจากกระเป๋า ถอดเสื้อกันหนาว เสื้อคลุม นาฬิกา และบางประเทศต้องถอดรองเท้า ถุงเท้าด้วย ขั้นตอนก่อนจะเข้าไปตรวจความปลอดภัย เราต้องทิ้งขวดน้ำดื่ม หรือของเหลวต่าง ๆ ที่มีปริมาณเกิน 100 ml ก่อนเข้าไป ขั้นตอนนี้เราเองเคยโดนตรวจกระเป๋าหลายรอบเนื่องจากติดสเปรย์พริกไทยในกระเป๋าถือ หรือกรณีของหลานตัวเล็กของเราซึ่งเอากรรไกรใส่กระเป๋าสะพายไปด้วย ก็ต้องโดนตรวจสอบ และให้เอาสิ่งของเหล่านั้นทิ้งไป ขั้นตอนที่ 4 เดินทางไปที่ Gate เพื่อรอขึ้นเครื่อง หลังจากขั้นตอนการตรวจความปลอดภัยแล้ว ก็ต้องผ่านกระบวนการตรวจพาสปอร์ตและวีซ่าอย่างละเอียด อย่างที่สนามบินสุวรรณภูมิจะมีช่องแยกระหว่างชาวไทย และชาวต่างชาติ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เรากลับมาเที่ยวเมืองไทย เราใช้พาสปอร์ตของประเทศสวีเดนเพื่อเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ เพราะพาสปอร์ตไทยของเราหมดอายุ ทำให้ครั้งนั้นเราต้องเลื่อนตั๋ว เพื่อรอพาสปอร์ตไทย เพราะเราไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศไทยด้วยพาสปอร์ตของชาติอื่น อันนี้เราก็เพิ่งรู้เหมือนกันค่ะ หากคุณต้องเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก เราก็แนะนำให้เผื่อเวลาไปเดินหา Gate สักเล็กน้อย เพราะบางสนามบินก็ใหญ่ และซับซ้อนจนทำให้เราเสียเวลาหาไม่เจอ ยิ่งถ้าเป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรก อาจจะทำให้กังวลมากขึ้นไปอีกขั้นตอนที่ 5 เดินขึ้นเครื่องบินเมื่อถึงเวลาขึ้นบนเครื่องบิน หลาย ๆ สายการบิน จะประกาศให้เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และลูกค้าระดับวีไอพี เดินขึ้นเครื่องไปก่อน สำหรับลูกค้าชั้นประหยัด (Economic class) จะขึ้นทีหลังสุด บางสายการบินจะให้เดินขึ้นเครื่องตามแถวจากที่นั่งด้านหลังสุด แต่บางสายการบิน ก็ใครมาก่อนก็ขึ้นไปก่อน ไม่มีการจัดระเบียบที่ชัดเจน ในขั้นตอนนี้เราต้องแสดงตั๋วเครื่องบินให้เจ้าหน้าที่ดูอีกครั้งขั้นตอนที่ 6 หาที่นั่งบนเครื่องบิน และการเก็บสัมภาระเมื่อขึ้นไปบนเครื่องบินแล้ว เราต้องหาที่นั่งและเก็บสิ่งของบนที่เก็บสัมภาระ สำหรับเราหากเป็นกระเป๋าลากเราจะเก็บในที่เก็บสัมภาระบนเพดานเครื่องบิน แต่สำหรับกระเป๋าถือ ส่วนใหญ่เราจะวางไว้ที่ใต้เก้าอี้เพื่อความสะดวกในการหาสิ่งของที่เราต้องการ เพราะเราไม่อยากเปิดที่เก็บสัมภาระบ่อย เพราะกลัวของตกใส่หัวผู้โดยสารท่านอื่น ถ้าเรานั่งริมหน้าต่างเราก็จะนั่งและคาดเข็มขัดไว้เลย แต่หากเรานั่งริมทางเดิน เราก็จะรอให้ผู้โดยสารท่านอื่น ขึ้นมานั่งในที่ของเค้าก่อน เพื่อความสะดวกในการลุกนั่งขั้นตอนที่ 7 นั่งบนเครื่องบิน และการรับประทานอาหาร ในการนั่งบนเครื่องบิน สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับเรามาก คือ แสง และ เสียงรบกวน โดยเฉพาะจากผู้โดยสารบริเวณข้างเคียง บางครั้งเจอเด็กร้องรบกวนทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอน หรือ บางครั้งผู้โดยสารที่นั่งใกล้กัน เปิดไฟอ่านหนังสือ หรือ เปิดทีวีดูหนังทำให้แสงเข้าตาจนนอนไม่ได้ แต่ก็ต้องทำใจเพราะเราเลือกจะนั่งชั้นประหยัดเอง ล่าสุดที่เราเดินทาง ผู้โดยสารสองคนที่นั่งเบาะหน้า และเบาะหลัง มีเถียงกันเล็กน้อย เนื่องจากผู้โดยสารเบาะหน้าเป็นคนสูง ขายาว ทำให้เค้าต้องการปรับที่นั่งเอนให้มากที่สุด แต่ผู้โดยสารเบาะหลัง ต้องการให้ลูกนอนบนตัก เลยไปบอกให้ผู้โดยสารเบาะหน้าไม่ปรับเบาะลงมามากเกินไป แต่ผู้โดยสารเบาะหน้าก็ไม่ยอมเหมือนกัน ทำให้เกิดความขุ่นเคืองใจระหว่างคนที่นั่งเบาะหน้า และที่นั่งเบาะหลังในการรับประทานอาหารบนเครื่องบิน บางครั้งระหว่างที่กำลังจะยกเครื่องดื่ม หรือ หยิบอาหารเข้าปาก เครื่องบินเกิดการสั่นสะเทือน หรือตกหลุมอากาศ ซึ่งมีโอกาสที่จะหกเลอะเสื้อผ้า บางครั้งเราระวังคนอื่นไม่ระวัง เราก็อาจจะต้องเลอะตามไปด้วย นี่คือเหตุผลที่เราเอาเสื้อผ้าไปสำรองบนเครื่อง 1-2 ชุด เพราะไม่อยากนั่งแช่กับเศษอาหาร หรือเครื่องดื่มในกรณีที่มีเหตุน้ำหกรดตัว ขั้นตอนที่ 8 ลงจากเครื่องบิน ช่วงก่อนลงจากเครื่องบิน เราจะตรวจสอบสัมภาระของเราทุกครั้งว่าเอาออกมาครบหรือไม่ สำหรับเราจะพยายามเอาของออกจากกระเป๋าให้น้อยที่สุด หรือ ถ้าเอาออกมาก็จะรีบเก็บเข้าไปที่เดิมโดยเร็ว เราจะเริ่มหา และเก็บของแต่เนิ่น ๆ ก่อนเครื่องลงจอด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการลืมสิ่งของบนเครื่องบิน การเดินออกจากเครื่องบินส่วนใหญ่แล้วทุกคนจะเดินออกทีละแถวจากแถวหน้าสุดมาแถวหลังสุด เราก็เดินตามคนอื่นไป ในกรณีการลงที่จุดหมายปลายทางส่วนใหญ่ก็ต้องไปรับกระเป๋า ตรวจเอกสารที่ตรวจคนเข้าเมือง และเดินออกไป แต่ในกรณีที่เราต้องการเปลี่ยนเครื่องเราต้องหาดูว่าเราต้องไปต่อเครื่องที่ Gate ไหน เราเองเคยไปต่อเครื่องทั้งที่ประเทศออสเตรีย และไปต่อเครื่องที่ดูไบซึ่งสนามบินมีความซับซ้อนเล็กน้อย โชคดีที่ครั้งนั้นเรามีเวลาในการต่อเครื่องมากพอสมควร ทำให้เราไม่ต้องเร่งรีบมากนัก ซึ่งช่วยให้การเดินทางต่างประเทศคนเดียวครั้งนั้นผ่านไปด้วยดีขั้นตอนที่ 9 รับกระเป๋า และตรวจคนเข้าเมือง เมื่อการเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง เราก็ต้องไปรับกระเป๋าที่เราโหลดใต้เครื่อง ซึ่งจะมีป้ายบอกไว้ชัดเจนว่า เที่ยวบินที่เราเดินทางต้องไปรับกระเป๋าที่สายพานหมายเลขใด เราก็ไปรอรับที่ช่องนั้น หากเราหากระเป๋าไม่พบก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อติดตามหากระเป๋า หลังจากรับกระเป๋าเสร็จก็ไปตรวจเอกสารคนเข้าเมือง ขั้นตอนนี้จะคล้าย ๆ กัน คือมีการตรวจเอกสาร ประทับตราที่พาสปอร์ต พิมพ์ลายนิ้วมือ และแสกนหน้า บางครั้งเจ้าหน้าที่ก็อาจจะมีการถามเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการเดินทางไปประเทศนั้น ที่อยู่ที่เราจะไปพัก หรือ อื่น ๆ อีก สำหรับที่ประเทศสวีเดนถ้าสื่อสารภาษาสวีดิช หรืออังกฤษไม่ได้ คุณสามารถแจ้งขอล่าม หรือให้เบอร์ติดต่อญาติเพื่อคุยกับเจ้าหน้าที่ได้เช่นกัน ถ้าเราบริสุทธิ์ใจก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะบางทีเจ้าหน้าที่ก็ถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้นเองค่ะอีกกรณีหนึ่งคือช่วงหลังเราเคยได้ยินบ่อย เรื่องศุลกากรเรียกตรวจคนเดินทางต่างประเทศ สำหรับเราเองไม่เคยโดนตรวจ ณ จุดนี้ จึงขอข้ามไปค่ะการเดินทางต่างประเทศ เป็นอะไรที่ใหม่สำหรับบางคน ซึ่งอะไรที่ใหม่เราก็มักกลัวมันเสมอ แต่เมื่อเรามีการเดินทางบ่อย ๆ โดยเฉพาะการเดินทางคนเดียว เราก็จะรู้สึกชิน และไม่กลัว และกังวลอีกต่อไป เราก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่หัดเดินทางต่างประเทศ ใครที่มีแพลนจะเดินทางต่างประเทศคนเดียว แนะนำให้อ่านบทความเรื่อง 5 วิธีเดินทางต่างประเทศคนเดียวอย่างมั่นใจ ไร้กังวล วันนี้ขอลาไปก่อน แล้วกลับมาพบกันใหม่นะคะ บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง5 วิธีเดินทางต่างประเทศคนเดียวอย่างมั่นใจ ไร้กังวลวิธีการหา และจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกระหว่างประเทศด้วยตัวเอง ผ่านเว็บไซต์ Skyscanner #รีวิวปักหมุด 5 ของต้องมี เพื่อให้การเดินทางต่างประเทศยุคโควิดราบรื่นรีวิว เดินทางไปต่างประเทศ ด้วยสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์เที่ยวทะเล 4 ประเทศ ไทย- ฟิลิปปินส์-สเปน-สวีเดน5 วิธีย้ายไปต่างประเทศ รีวิวแบบจัดเต็มเครดิต ภาพปก และภาพทั้งหมด โดย Nurseonomy กราฟฟิกจากเว็บ CanvaBy Nurseonomy อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !